ฆ่าได้ หยามไม่ได้
![]() |
Photo credit: Pexels.com |
แค้น... เมื่อเมียรักมีชู้ มันจึงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว เวอร์จิล เบทส์จับได้ว่าภรรยามีกิ๊ก จึงตัดสินใจทำเรื่องที่ร้ายกาจเพื่อชำระแค้น
สามีที่ถูกสวมเขาชาวโอไฮโอ สวมวิญญาณเป็นไมค์ ไทสันหลังพบว่าภรรยานอนอยู่บนเตียงกับกิ๊กเก่า
เมื่อวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคมปีที่แล้ว เวอร์จิล เบทส์ ที่3
อายุ 40 ถูกนำตัวไปขึ้นศาล เขายอมรับสารภาพว่าทำร้าย แม็ททิว ทิปตอน วัย 43
คู่แข่งทางใจ โดยกัดหูแม็ททิวแหว่งไปส่วนหนึ่งในขณะที่กำลังตะลุมบอนกัน
เบทส์รับสารภาพว่าทำผิดข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นข้อหาที่เบากว่าข้อหาพยายามฆ่าที่เขาถูกส่งฟ้องในตอนแรก
เบทส์ ให้การว่าก่อนวันที่ 24 มิถุนายนอันเป็นวันที่เกิดเหตุ
เขาระแคะระคายมาก่อนแล้วว่า ฮีเธอร์ ภรรยาของเขามีกิ๊ก - ซึ่งเคยเป็นคนรักเก่าของเธอ
แต่ฮีเธอร์บอกเขาว่า เลิกแล้วค่ะ หนูเลิกกับเขาแล้วค่ะ
เบทส์ไม่แน่ใจ ดังนั้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน เขาจึงกลับบ้าน ไปแอบดูว่าฮีเธอร์
ขี้จุ๊หรือเปล่า
พอย่องเข้าบ้าน เบทส์ก็เจอภรรยาตัวดีกับกิ๊กของเธอกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างหนุกหนาน ชายคนนี้เป็นช่างเชื่อม (มิน่าถึงได้เชื่อมต่อกันนานเหลือเกิน) จากเมืองโทเลโด
ก็เป็นเรื่องน่ะสิ ขู่แข่งทางใจทั้งสองเข้าตะลุมบอนกันอย่างเมามัน
จากบันทึกการพิจารณาคดีในศาล เบทส์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
“ก็มันเข้ามากอดผม แล้วกัดต้นแขนผม ผมก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยกัดหูมันบ้าง
พออ้าปาก ก็เห็นมีเศษหูติดฟันออกมา”
ทนายของโจทก์กล่าวว่าหมอต่อหูส่วนบนที่ถูกกัดขาดของแม็ททิวไม่ได้แล้วมันก็เจ็บมากตอนรักษา
ในการพิจารณาคดี ศาลถามเบทส์ว่าทำไมเขาไม่เดินจากไปหลังจากเห็นฮีเธอร์จู้ฮุกกรูกับกิ๊กของเธอ
เบทส์ตอบว่า “ก็มันขึ้นไปนอนบนเตียงของผมนี่ครับ”
เบทส์ยอมรับว่าเขาน่าจะเดินออกมาและสะกดกลั้นความรุนแรงเอาไว้ แต่เขาเลือกที่จะอยู่และจัดการกับแม็ททิวแบบลูกผู้ชาย
ศาลตัดสินเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมให้เบทส์ติดคุก 18 เดือน
แต่ทนายของเขากล่าวว่าพวกเขาตระเตียมจะอุทธรณ์ ขอให้ศาลเปลี่ยนคำพิพากษาจากจำคุกมาเป็นการควบคุมความประพฤติและให้เบทส์ไปเข้าคอร์สปรับพฤติกรรมสำหรับคนที่ถูกเมียทิ้ง
เมื่อเดือนกันยายน จำเลยวัย 40 คนนี้ก็ยังติดคุกอยู่ในลูกัส
เคาน์ตี้ โดยศาลตั้งเงินค่าประกันตัวไว้ที่ 25000 ดอลลาร์
ข่าวนี้ตบท้ายด้วยการถามว่าใครเห็นด้วยกับการที่เบทส์ต้องติดคุกหรือไม่?
แล้วคุณละคิดยังไง
(ขณะนี้ยังไม่มีข่าวคืบหน้าในเรื่องนี้แต่อย่างใด – ผมเอง)
ขอขอบคุณภาพจาก: Pexels.com
อ่านข่าวแปลกได้ที่นี่ทุกวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น