วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: สาวออสซี่ถูกจิงโจ้เตะนมแตก

สาวออสเตรเลียถูกจิงโจ้เตะนมแตก



หญิงคนหนึ่งกล่าวว่าเธอและเพื่อนบาดเจ็บเพราะถูกจิงโจ้เตะตอนกำลังขี่จักรยานอยู่ในไร่ไวน์ - ข่าวจากกรุงแคนเบอร์ร่า ออสเตรเลีย

ชารอน ไฮน์ริซ อายุ 45 เล่าเมื่อวันจันทร์นี้ว่า เมื่อวันพุธที่แล้ว ในขณะที่เธอกับเพื่อนของเธอ เฮเลน       สเลเตอร์ อายุ 47 กำลังขี่จักรยานไปตามเส้นทางของนักท่องเที่ยวในหุบเขาแคลร์ วัลเลย์ในเซาท์ ออสเตรเลีย เธอเห็นจิงโจ้ตัวใหญ่ยืนอยู่บนเนินเตี้ยๆ

เมื่อพวกเธอขี่ไปถึง จิงโจ้ก็กระโดดหยองแหยงมาบนถนน แล้วใช้ขายาวๆเตะเข้าที่ชายโครงซ้ายของไฮน์ริซ

หลังจากนั้น มันก็หันไปเตะหลังของสเลเตอร์ แรงเตะของมันทำให้ผู้หญิงทั้งสองตกจากรถ  พอแผลงฤทธิ์เสร็จ มันก็กระโดดหนีไป โดยไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด – ไฮน์ริซบอก

"ตอนแรก ฉันคิดว่าจะขี่ผ่านมันไปได้ แต่ มันฉลาด มันกระโดดใส่ฉันและเตะใส่สีข้าง" ไฮน์ริซเล่า "ในขณะที่ฉันกำลังจะล้ม ฉันรู้สึกว่ามันถีบให้ฉันออกไป แล้วหันไปเล่นงานเฮเลน"

"มันดูเชื่อง ไม่มีท่าทางว่ากำลังอารมณ์เสีย" เธอเสริม

ไฮน์ริซกล่าวว่าเธอซี่โครงหักสามซี่และต้องผ่าตัดแก้นมที่เสริมเอาไว้ซึ่งถูกเตะจนแตกในวันพฤหัสที่จะถึงนี้

“นมทำหน้าที่เหมือนแอร์แบ็ก มันแตกตอนฉันถูกจิงโจ้เตะ"  ไฮน์ริซพูดติดตลก

ส่วนสเลเตอร์บาดเจ็บไม่มาก เธอปวดกล้ามเนื้อเพราะแรงกระแทก แต่ยังขี่จักรยานไปยังร้านค้าที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อโทรเรียกรถพยาบาลให้มาช่วยไฮน์ริซได้

ในขณะรายงานข่าวเมื่อวันจันทร์ ผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถติดต่อสเลเตอร์ได้

ไฮน์ริซและสเลเตอร์ทำงานที่เนอสซิ่ง โฮมในเมืองแคลร์ พวกเธอเคยเห็นจิงโจ้ในบริเวณนี้ แต่ไม่เคยคิดว่าจิงโจ้จะกระโดดใส่จักรยาน พวกเธอดีใจที่อาการบาดเจ็บไม่ได้รุนแรงไปกว่านี้

สามีของไฮน์ริซให้ตุ๊กตาผ้ายัดไส้ เป็นตุ๊กตาจิงโจ้กำลังต่อยมวยให้เธอเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ตอนนี้ คุณก็ได้แต่หัวเราะไปกับมันและรักษาตัวให้หายดีเท่านั้น" เธอกล่าว

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่





วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: แก๊งลวงหญิงไปค้าประเวณีข้ามชาติถูกศาลสั่งให้จ่ายเงินมากกว่า 20000 ยูโร

แก๊งหลอกลวงหญิงไปค้าประเวณีข้ามชาติ

รูปแทน


แก๊งหลอกลวงหญิงไปค้าประเวณีข้ามชาติถูกศาลสั่งให้จ่ายเงินมากกว่า 20000 ยูโรจากเงินที่เธอหาได้

แก๊งลวงหญิงแก๊งนี้หลอกให้เหยื่อเข้าพิธีลงของที่เรียกว่า ‘จูจู’ และบังคับให้พวกเธอกินงู

ลิซซี่ ไอดาโฮซ่า อายุ 26  หาเงินได้จากหญิงสาวชาวไนจีเรียได้มากถึง  186000 ยูโร โดยบังคับให้เด็กสาว - ซึ่งเกรงกลัวมนตร์ดำ  -  ไปทำพิธี “ลงของ”กับพ่อมดหมอผี

เหยื่อสาวสองราย คนหนึ่งอายุ 23 อีกคนอายุ 29 ถูกโกนขนเพชรและบังคับให้กินงูและหอยทากเป็นๆ – อันเป็นส่วนหนึ่งของพิธี – ก่อนถูกส่งขึ้นเครื่องบินมาขายบริการให้กับผู้ชายในอังกฤษ

ไอโดโฮซ่า ถูกจับข้อหาค้ามนุษย์ และถูกตัดสินให้จำคุก 8 ปีในปี 2014 ในขณะที่สามีของเธอ แจ็คสัน โอโมรุจิ ถูกตัดสินให้จำคุกสองปี

ในการพิจารณาคดี ศาลพบว่าไอดาโฮซ่าหาเงินจากธุรกิจค้ากามของเธอได้ 186400 ยูโร

แต่อัยการบอกกับศาลว่าตำรวจเจอเงินในบัญชีของไอดาโฮซ่าเพียง 21900 ยูโร

ผู้พิพากษา ทอม ครอเธอร์ จึงสั่งให้ไอดาโฮซ่าจ่ายเงินที่พบในบัญชีของเธอ (เขาไม่ได้เรียกว่าริบนะครับ – ผู้แปล) หรือจะจำคุกเพิ่มอีกเก้าเดือน

ในการพิจารณาคดี หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อทั้งสองเล่าว่าพวกเธอทำในสิ่งที่ไอดาโฮซ่าบอกเพราะกลัวและเชื่อว่ามนตร์ดำจะทำให้พวกเธอเป็นอันตราย

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพบเหยื่อทั้งสองในสถานบริการที่คาร์ดิฟฟ์ พวกเธอเปิดเผยว่าถูกกดขี่ เอาเปรียบและถูกซ้อม

เหยื่อวัย 29 เล่าว่านอกจากเหนือจากพิธีกรรมวิธีอื่นๆแล้ว เธอต้องกินงู “มันไม่ใช่งูตัวใหญ่ แต่เป็นงูเป็นๆ ฉันต้องหลับตาปี๋ตอนเอามันเข้าปาก”

“ผัวเมียสองคนนี้บอกฉันว่าถ้าฉันมีปัญหา ฉันจะถูกส่งกลับไปไนจีเรียและไอดาโฮซ่าจะฆ่าฉัน ฉันอยากเลิก ฉันอายตัวเองและเหมือนคนตายทั้งเป็น”

เมื่อเหยื่อทั้งสองมาถึงสหราชอาณาจักร พวกเธอถูกส่งไปทำงานเป็นโสเภณีในสถานอาบอบนวดทั้งในอังกฤษและเวลล์

พวกเธอเล่าว่าต้องเอาเงินค่าตัวให้กับไอดาโอซ่า และเชื่อว่ามนตร์ดำจะทำให้พวกเธอเสียสติหรือตายถ้าไม่ทำตาม

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวขึ้นมาเมื่อตำรวจทำการกวาดล้างโสเภณีและจับหญิงชาวไนจีเรียอายุ 23  คนหนึ่งได้ที่สถานบันเทิงในคาร์ดิฟฟ์ในปี 2013

หญิงสาวรายนี้บอกกับตำรวจว่า เธอตกระกำลำบากเพราะแม่เสียชีวิต จึงอยากมาหาพ่อที่อังกฤษ”

เธอเล่าว่าวันหนึ่งเธอพบผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นพี่น้องกับไอดาโฮซ่า หญิงคนนี้สัญญาว่าจะจัดการพิธีการต่างๆให้เธอได้มาลอนดอน และหนึ่งในพิธีการที่หญิงคนนั้นพูดถึงก็คือการต้องไปเข้าพิธีลงของ

“เมื่อผ่านตม.ที่ฮีทโทรล เข้ามาในอังกฤษแล้ว เหยื่อรายนี้ถูกพาตัวไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย ไม่มีใครอธิบายให้เธอฟังว่ามันคืออะไร แต่ไม่นานเธอก็รู้”

เหยื่อต้องเริ่มทำงานเป็นหญิงขายบริการ ถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายเจ็ดแปดคนทุกวัน และต้องตระเวนไปทั่วสหราชอาณาจักร รวมทั้งคาร์ดิฟฟ์และสวอนซี

เธออ้างว่าเธอให้เงินไอดาโฮซ่าไปแล้ว 45000 ปอนด์

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่




วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: ขายหัวเราะสไตล์ฝรั่ง 4

อ่านขายหัวเราะสไตล์ฝรั่งต่อนะครับ



ผมรู้ความลับของคุณ

บักจ่อยกับเพื่อนกำลังคุยกัน
เพื่อน ”จ่อย ฉันรู้วิธีที่จะทำให้แกได้ทุกอย่างที่แกต้องการนะ”
บักจ่อย “ทำยังไงเหรอ”
เพื่อน “ก็บอกคนที่นายคุยด้วยว่านายรู้ความลับของเขา”
บักจ่อยรีบลุกขึ้นยืน วิ่งไปหาพ่อ “ผมรู้ความลับของพ่อ”
พ่อ “อย่าเอาไปบอกแม่นะ อ่ะ พ่อให้เงิน 10 เหรียญ”
หลังจากนั้น บักจ่อยก็วิ่งไปหาแม่ “ผมรู้ความลับของแม่”
แม่ “อย่าเอาไปบอกพ่อนะ อ่ะ แม่ให้เงิน 15 เหรียญ”
จากนั้น บักจ่อยจึงลองเอาไปใช้กับบุรุษไปรษณีย์
บักจ่อย “ผมรู้ความลับของคุณ”
พอได้ยิน บุรุษไปรษณีย์ก็อ้าแขน “โอ ลูกพ่อ มาให้พ่อกอดหน่อย”
บักจ่อย???

เดี๋ยวผมก็รวย

เมื่อสมชายรู้ว่าเขาจะได้มรดกก้อนโตเมื่อพ่อที่กำลังป่วยเสียชีวิต เขาจึงคิดว่าควรจะมีเมียสักคน จะได้มาใช้มรดกร่วมกัน
เย็นวันหนึ่ง เขาไปที่บาร์คนโสดแล้วก็เจอผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น
สมชาย “ผมไม่ใข่ผู้วิเศษที่จะเสกปราสาทงามให้คุณ” เขารำพึงรำพันเมื่อเดินไปหาเธอ “แต่อีกสักอาทิตย์สองอาทิตย์ พ่อผมก็จะตาย แล้วผมจะได้มรดก 20 ล้าน”
หญิงสาวคนนั้นยิ้มหวาน แล้วคนทั้งสองก็คุยกันอย่างถูกคอ
คืนนั้นเธอไปที่บ้านของสมชาย แล้วต่อมาอีกสามวัน เธอก็กลายเป็นแม่เลี้ยงของเขา
สมชาย ???

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: หนุ่มเมืองน้ำหอมฟ้องอดีตนายจ้างที่ไม่มีงานให้ทำ

หนุ่มเมืองน้ำหอมฟ้องอดีตนายจ้าง



ในขณะที่ลูกจ้างส่วนใหญ่โอดโอยว่างานหนัก ชายชาวน้ำหอมคนหนึ่ง สมมุติชื่อว่า นาย ก. กลับฟ้องอดีตนายจ้างที่มีงานให้เขาทำน้อยเกินไป

งานในตำแหน่งผู้จัดการที่นาย ก.ทำกับบริษัทน้ำหอม (ขอสงวนนาม) จากปี 2010 ถึงปี 2014 ทำให้เขาทรมานใจเพราะต้อง “ทน” เขาจึงฟ้อง เรียกเงินชดเชยและค่าเสียหาย 360000 ยูโร

นาย ก. กล่าวว่าในช่วงที่เขาทำงานกับบริษัท เขาถูกมอบหมายให้ทำงานที่ไม่เกี่ยวกับความรู้ความสามารถและความรับผิดชอบที่เคยทำเคยมี ทำให้สุขภาพจิตของเขาถูก “ทำลาย” ด้วยความ “หดหู่อย่างรุนแรง”

นาย ก.ยังอ้างด้วยว่าการขาดแรงกระตุ้นให้ทำงานทำให้เขามีอาการชักกระตุกขึ้นครั้งหนึ่งในขณะขับรถ หลังจากนั้นเขาจึงขอลางานเจ็ดเดือน ซึ่งต่อมาบริษัทใช้ “การลางานอย่างยาวนาน” และ “การทำให้งานที่ราบลื่นสะดุด” เป็นข้ออ้างในการไล่เขาออกในปี 2014

“ผมหดหู่ ซึมเศร้า” นาย ก.บอก “ผมอายที่ได้รับเงินเดือนโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือผมไม่ยอมรับว่าตัวเองต้องทนทุกข์ทรมาน”

แต่ทนายของบริษัทชี้ให้เห็นว่าข้ออ้างของนาย ก ขัดแย้งกันเอง  เขาเสริมว่านาย ก ไม่เคยบ่นว่าเบื่อในช่วงที่ทำงานกับบริษัท นาย ก เคยบ่นว่าป่วย – ซึ่งทำให้เขาลาป่วย - เท่านั้น “ถ้าคุณ ก ไม่มีอะไรทำถึงสี่ปี บริษัทจะเก็บเขาไว้ทำไม?” ทนายถาม “และถ้าตลอดเวลาสี่ปี คุณ ก ไม่มีอะไรทำ ทำไมเขาไม่พูดออกมา”

เนื่องจากศาลไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่างานของนาย ก “ทำลายสุขภาพ” ของเขา ศาลจึงตัดสินให้นาย ก จ่ายค่าเสียหายให้กับอดีตนายจ้าง 1000 ยูโรฐานหมิ่นประมาท การตัดสินเกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2015

แต่นาย ก อุทธรณ์ คราวนี้เขาเรียกร้องเงินทดแทน 360000 ยูโร (รวมเงินที่จะได้จากการทำงานในช่วงที่เป็นวันหยุดประจำปีและค่าเสียหายที่พลาดโอกาสที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง) โดยยกคำว่า “ทน” (ซึ่งเป็นคำที่ไม่อยู่ในสารบบของกฎหมายฝรั่งเศส) ขึ้นมาอ้าง

เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ยังไม่รู้

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่




วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก :หมานอกใจเจ้าของ?

อย่างนี้จะเรียกว่าหมานอกใจเจ้าของหรือเปล่า?




น้องหมาหนีออกจากบ้าน เดินไปหาเพื่อนที่ศูนย์รับเลี้ยงสุนัข

ส่วนมากจะเจอข่าวว่าสุนัขไปนั่งรอเจ้าของที่นั่นที่นี่ หรือแสดงความอาลัยอาวรณ์เจ้าของที่เสียชีวิต แต่นี่เล่นหนีออกจากบ้านเสียยังงั้น

น้องหมาตัวนี้เป็นสุนัขพันธ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุ 1 ปี ชื่อไรเลย์  คุณเธอชอบศูนย์รับเลี้ยงสุนัขที่เคยไปมาก...มากจนไม่อยากไปอยู่ที่ไหน ความจริง คุณเธอมุดรั้ว หนีออกจากสวนหลังบ้าน เพื่อไปเล่นกับเพื่อนๆที่นั่นเลยแหละ

(บางสำนักข่าวรายงานว่าวันที่ไรเลย์หายไป วันนั้นเจ้าของของไรเลย์พามันนั่งรถผ่านศูนย์ที่ว่านี้ด้วย)

ไรเลย์เดินไปตามถนนที่อยู่ใจกลางเมืองเบลมอนท์ คาลิฟอร์เนีย แล้วไปรออย่างอดทนที่ประตูหน้าร้าน แฮ๊ปปี้ ด็อก คาเฟ่ เพื่อให้คนเปิดประตูให้คุณเธอเข้าไป รวมแล้วคุณเธอเดินไกลกว่าหนึ่งไมล์เลยนะนั่น

พนักงานในร้านจำคุณเธอได้ จึงโทรไปบอกเจ้าของของคุณเธอ เพื่อบอกให้รู้ว่าพวกเขาเจอคุณเธอแล้ว แล้วปล่อยให้คุณเธอเข้าไปเล่นกับเพื่อนๆในร้านได้ฟรีหนึ่งวัน

ถ้าคุณต้องการข้อพิสูจน์ว่าสุนัขเป็นสัตว์สังคม ก็เรื่องนี้แหละ ดังนั้นถ้าคุณเลี้ยงสุนัข หาโอกาสให้เขาได้อยู่กับเพื่อน หรือหาคนที่ทำหน้าที่ดูแลสัตว์เลี้ยงมาอยู่กับเขาเวลาที่คุณไม่อยู่บ้าน หรือหาคนที่รับจ้างพาสุนัขออกไปเดินเล่น(และขับถ่าย)พาเขาไปเดินเวลาที่คุณไม่มีเวลา ก็จะเป็นการดีมากๆสำหรับสุนัข

แน่นอน หลังจากนั้น เจ้าของของไรเลย์ก็ซ่อมรั้วหลังบ้าน ส่วนจะพาเขาไปหาเพื่อนบ่อยแค่ไหนก็ยังไม่รู้

ภาพจากแฟ้ม: ช่วยขับ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:สูบแมงป่อง - อันตรายกว่าที่คิด 2

สูบแมงป่อง – ยาเสพติดอันตรายในเอเซียใต้




ฟังดูแปลกใช่มั้ย  ไม่แปลกหรอกครับเพราะมันมีจริง

ต่อจากเมื่อวานนี้

ผู้สันทัดกรณีเห็นตรงกันว่าพิษของแมงป่องเป็นอันตรายต่อสมองของมนุษย์ ยิ่งกว่ายาเสพติดใดๆ โดยเฉพาะเมื่อสูดดมเข้าไป “การสูบแมงป่องทำให้ความจำเสื่อมทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว” ดร.อาซาด จามาน นายแพทย์ของโรงพยาบาลไคเบอร์ (ไคเบอร์เป็นชื่อภูเขาที่คั่นปากีสถานกับอัฟกานิสถาน) กล่าวว่า “มันทำให้เกิดภาพหลอน เห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง” เขากล่าวต่อไปว่า การสูบติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้พฤติกรรมในการกินและการนอนผิดเพี้ยนไป และสุดท้ายอาจจะทำให้มีอาการประสาทหลอนถาวร

ในระดับประเทศ การจัดการกับสารเสพติดประเภทนี้เป็นไปได้ยาก ปัญหาใหญ่ก็คือยังไม่มีสถิติของคนที่เสพและการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีน้อยมาก มีเพียงรายงานไม่กี่ชิ้นที่ระบุว่าสารเสพติดชนิดนี้กำลังได้ความนิยมมากขึ้นในเขตไคเบอร์ ปักทุนวาลาในปากีสถาน

ในขณะที่การสูบแมงป่องยังไม่แพร่หลายในระดับโลก แต่มันเป็นสิ่งยั่วยวนและท้าทายในกลุ่มวัยรุ่นในปากีสถาน อัฟกานิสถานและในบางพื้นที่ของอินเดีย(ในอินเดีย ถือว่าน้อยมากๆ) “การปราบปรามผู้ค้าและผู้เสพแอลกอฮอล์ ฝิ่น ยาแก้ไอและเฮโรอินซึ่งประสบผลสำเร็จด้วยดีในพื้นที่ในเมืองบารัค พวกวัยรุ่นก็เลยหันไปลองเสพแมงป่อง” ตำรวจนายหนึ่งในอินเดียกล่าว

ตัวอย่างของคนที่สูบแมงป่องก็คืออูเมอร์ กูล เขาหมดอนาคตก็เพราะมัน ทุกวันนี้ เขาจะเดินเหม่ออย่างไม่มีจุดหมายไปตามถนนการักในไคเบอร์ หรือบางครั้งก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและบ่นพึมพำกับตัวเอง “อูเมอร์เคยเป็นเสมียนในกองทัพ” โมฮัมมัด ยูนัส น้องชายของอูเบอร์กล่าว “เมื่อก่อนเขาจะสูบกัญชากับเพื่อนๆเป็นครั้งคราว ผมว่ามันก็เป็นเรื่องปกติ” แต่ต่อมาอูเบอร์ก็เริ่มสูบแมงป่อง การสูบแมงป่องทำให้เขาเสียสุขภาพจิต “เขาออกจากงานและเริ่มมีนิสัยแปลกๆ แมงป่องมีพิษมาก พี่ผมถึงได้เป็นยังงี้ ทุกวันนี้เขาเอาแต่เดินไปอย่างไร้จุดหมาย”

ในบางพื้นที่ในอินเดีย ผู้เสพส่วนหนึ่งชอบที่จะเสพแบบหักดิบซึ่งจะเจ็บปวดมากกว่าการเสพด้วยวิธีอื่น โดยพวกเขาจะให้แมงป่องต่อย พ่อค้าจะคิดราคา 100 และ 150 รูปีต่อการให้แมลงป่องต่อยหนึ่งครั้ง แต่วัยรุ่นอีกส่วนหนึ่งจะหันไปหาจิ้งจกตุ๊กแกตามบ้าน โดยพวกเขาจะเอามันมาปิ้ง มาย่างแล้วบดและผสมกับฝิ่นเพื่อใช้เป็นยาเสพติด โดยทั่วไป เชื่อกันว่าจิ้งจกตุ๊กแกเพิ่มฤทธิ์เดชให้กับฝิ่น ทำให้เมาได้มากขึ้น

หมายเหตุ: เอามาให้อ่านเพื่อให้เห็นภัยของยาเสพติด หันไปเล่นกีฬาจะดีกว่านะ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : Wikimedia commons

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:สูบแมงป่อง - อันตรายกว่าที่คิด

สูบแมงป่อง – ยาเสพติดอันตรายในเอเซียใต้


ฟังดูแปลกใช่มั้ย  ไม่แปลกหรอกครับเพราะมันมีจริง

การสูบแมงป่อง หรือเสพแมงป่องไม่ใช่ของใหม่ในประเทศแถบเอเชียใต้ แต่สื่อมวลชนในภูมิภาคนี้พบว่าในขณะนี้ การเสพแมงชนิดนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในหลายพื้นที่ในปากีสถาน

ดูเหมือนพิษของแมงป่องจะทำให้คนสูบล่องลอยไปไกลถึงดาวดึงส์ และถ้าสูบไปนานๆก็จะติดอย่างงอมแงม

แล้วเค้าสูบกันยังไง? ใช้วิธีง่ายๆแต่ได้ผล ก่อนอื่นฆ่าแมงป่องซะแล้วเอาไปตากแดดสักหลายชั่วโมง หรือจะเอาตัวเป็นๆไปเผาจนตายก็ได้ จากนั้นเอาซากแห้งๆของมันมาจุดไฟแล้วสูดควันเข้าไป เนื่องจากท่อนหางของแมงป่องซึ่งมีพิษเป็นส่วนที่คนที่เสพต้องการ นักดูดบางคนจึงชอบเอาหางแห้งๆมาบด ผสมกับกัญชาหรือบุหรี่ แล้วเอามาพันเป็นมวนสูบเหมือนบุหรี่

ในหนังสือ ยาในอัฟกานิสถาน ของนักสังคมวิทยา เดวิด แม็ค โดนัล ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2007  เขาเขียนถึงประสบการณ์ของเพื่อนคนหนึ่งของเขา ที่ไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิงห์นักดูดที่สูบแมงป่อง โดยเพื่อนคนนี้ก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

เพื่อนของเดวิดเล่าว่า”มันจะออกฤทธิ์ทันทีที่สูบเข้าไป คนเสพจะหน้าแดงก่ำ ตาแดงก่ำ โดยจะแดงกว่าสูบกัญชามาก  เขาจะเมา เสียการทรงตัว เดินโซเซหรือล้มและตื่นตัว คนที่เสพจะบอกว่าควันของมัน ‘หวาน’ กว่าควันกัญชา และถึงแม้มันจะมีกลิ่นตุๆ แต่มันก็ทำให้เมาได้นานกว่ายาอย่างอื่นมาก”  หนังสือบรรยายเอาไว้

อาการเมาดูเหมือนจะอยู่ได้นานถึงสิบชั่วโมง โดยหกชั่วโมงแรก คนเสพจะปวดเนื้อปวดตัวเพราะร่างกายกำลังปรับตัวให้คุ้นกับสารพิษ แต่ความเจ็บปวดจะลดลง เปลี่ยนเป็นความรู้สึกสนุกสนานและต่อมาก็เหมือนอยู่ในดาวดึงส์

“ทุกอย่างเหมือนกำลังเต้นไปตามจังหวะเพลง” โซฮัท ข่าน วัย 74 ปี ที่เคยสูบแมงป่องเล่า “ถนน รถยนต์ ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าผมเต้นเหมือนโคโยตี้บนท้ายรถกระบะ”

โซฮัทสูบแมงป่องจนติดมาตั้งแต่อายุยี่สิบ เขาจะซื้อแมงป่องตัวละหนึ่งหรือสองรูปีจากพ่อค้า ซึ่งได้สินค้ามาจากแถว เปชวาร์ ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมงป่องเพราะอากาศร้อน

ตอนที่เขาติดหนักๆ เขาจะออกตะเวนไปในหมู่บ้านเพื่อล่าแมงป่องมาสูบ เมื่ออยากเสพมากๆและหาแมงป่องไม่ได้ เขาก็จะเดินทางไปซื้อถึง เปชวาร์ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนอัฟกานิสถาน “มันเป็นการติดยาที่ย่ำแย่ที่สุด” เขาบอก

วันนี้ขอเซ็นเซอร์วิธีเตรียมแมงป่องเพื่อเอามาสูบหน่อยนะครับ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons / Author: Mike Baird / Descrip: Emperor scorpion

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ขายหัวเราะสไตล์ฝรั่ง 3

อ่านขายหัวเราะสไตล์ฝรั่งกันต่อ



หนึ่งเดือน

บักจ่อยไปเล่นในสวน ด้วยความซน เขาฆ่าผึ้ง (honeybee)  ไปตัวหนึ่ง
พ่อโมโหมาก บอกบักจ่อยว่า “ลูกจะไม่ได้กินน้ำผึ้ง (honey)หนึ่งเดือน!”
ต่อมาในบ่ายวันนั้น พ่อเห็นบักจ่อยเด็ดปีกผีเสื้อ (butterfly)
พ่อโมโหมาก บอกบักจ่อยว่า “เอาอีกแล้ว! ลูกจะไม่ได้กินเนย (butter)หนึ่งเดือน!”
ต่อมาในเย็นวันนั้น ในขณะที่แม่ของบักจ่อยกำลังทำกับข้าว แมลงสาปตัวหนึ่ง (cockroach) ตัวหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในครัว
แม่ร้องกรี๊ดและกระโดดเหยียบแมลงสาบจนบี้แบน พอแม่เงยหน้าก็เห็นบักจ่อยกับพ่อกำลังดูอยู่
บักจ่อยเงยหน้ามองพ่อ “พ่อจะบอกแม่ หรือจะให้ผมบอก”
พ่อ ????
(Cockroach = แมลงสาบ,  ถ้า  cock อย่างเดียวคือช้างน้อย)

พระเจ้าที่เคารพ

บักจ่อยอยากได้เงิน 100 ดอลลาร์ จึงสวดมนต์อ้อนวอนขอจากพระเจ้า แต่ผ่านไปสองสัปดาห์ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น บักจ่อยจึงตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาพระเจ้า เพื่อขอเงิน
ไปรษณีย์เห็นจดหมาย จ่าหน้าซองถึงพระเจ้า โดยลงที่อยู่ว่าสหรัฐของบักจ่อย จึงตัดสินใจส่งจดหมายไปหาประธานาธิบดี
เมื่อประธานาธิบดีได้รับจดหมาย ก็ประทับใจมาก ท่านรู้สึกสนุก จึงบอกให้เลขาส่งเช็คไปให้บักจ่อย 5 ดอลลาร์ เพราะคิดว่ามากพอแล้วสำหรับเด็ก
บักจ่อยดีใจที่ได้เงิน 5 ดอลลาร์ จึงเขียนจดหมายขอบคุณไปหาพระเจ้า
บักจ่อยเขียนว่า “ขอบใจพระองค์หลายๆที่ส่งเงินมาให้ข้อย แต่ข้อยเห็นว่าพระองค์ส่งเงินมาทางวอชิงตัน ดีซี พวกขี้เดียดที่วอซิงตันเลยหักหัวคิวไป 95 ดอลลาร์”
ประธานาธิบดี ???

คุณพูดถูก

เมื่ออดีตประธานาธิบดีของสหรัฐเผอิญไปเจอกับอดีตผู้นำของรัสเซียบนสวรรค์
ผู้นำของประเทศเสรีนิยมและผู้นำของลัทธิคอมมิวนิสต์ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอย่างเป็นกันเอง
ตอนหนึ่ง ผู้นำของรัสเซีย กล่าวว่า “เมื่อก่อนเราควรคุยกันดีๆยังงี้ ไม่น่าต้องเผชิญหน้ากันเลย”
ประธานาธิบดีสหรัฐ “ยู อาร์ ไรท์"  (you are right*= ถูกต้อง)
ผู้นำรัสเซีย “โน, ไอ แอม น็อต ไรท์, ไอ แอม เลฟ (no, I am not right, I am left* = ไม่ใช่ ผมไม่ใช่ฝ่ายขวา ผมเป็นฝ่ายซ้าย)
ประธานาธิบดีสหรัฐ ???
(right = ถูก , ขวา, ฝ่ายขวา  left = ซ้าย, ฝ่ายซ้าย )

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องขำๆของโจร ตอน:โจรขี้ยาหนีตำรวจ

โจรไม่เจียมสังขาร

รูปแทน


วันอาทิตย์อ่านเรื่องเบาๆกัน

หนุ่มฉกรรจ์ที่ตำรวจกำลังต้องการตัวใส่เกียร์หมา วิ่งไม่คิดชีวิตเมื่อเห็นนายอำเภอเมืองวอลตัน เคาน์ตี้แต่เขาไปไม่ได้ไกล - เหตุเกิดที่ลอเรล ฮิลล์ ฟลอริด้า

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตำรวจนายหนึ่งเดินทางไปที่แฟลตที่แบร์ เบย์เพราะมีคนโทรไปแจ้งว่าเห็นคนที่ตำรวจกำลังต้องการตัวคนหนึ่ง

ทันทีที่คริสโตเฟอร์ ดไวท์ โคล อายุ 47 เห็นตำรวจ เขาทิ้งเครื่องมือที่กำลังถืออยู่แล้ววิ่งแนบไปทางป่าซึ่งอยู่ใกล้ๆ

แต่ไปได้แค่ประมาณ 100 หลา เขาก็เข่าอ่อน หมดแรงและล้มลง ถูกจับได้โดย (คุณ)ละม่อม

เมื่อค้นตัวเขา ตำรวจพบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง

และปรากฏว่ารถบรรทุกซึ่งเขายืนอยู่ใกล้ๆในตอนแรกเป็นรถที่ถูกขโมยมา และเมื่อตรวจค้นในรถ ตำรวจก็พบยาเสพติดมากกว่าเดิม พบบ้องสูบกัญชา หลอดพลาสติก และเครื่องชั่ง

โคลถูกตั้งข้อหามียาควบคุมพิเศษ(กัญชา)ไว้ในครอบครองโดยไม่มีใบสั่งแพทย์ ขัดขืนการจับกุม และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง

ข่าวไม่ได้รายงานว่าตำรวจต้องการตัวเขาด้วยข้อหาอะไร

ภาพประกอบจากแฟ้ม: กุญแจมือ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:สองสาวเลสถูกจับเพราะจูบกันในห้างฟู้ดแลนด์โฮโนลูลู

คดีที่สองสาวเลสเบี้ยนถูกจับเพราะจูบกันในห้างฯแล้วฟ้องตำรวจลงเอยกันด้วยดีแล้ว

รูปแทน


ตำรวจโฮโนลูลูตกลงจะจ่ายเงิน 80000 ดอลลาร์เพื่อยุติปัญหาที่สองสาวเลสเบี้ยนฟ้องว่าถูกตำรวจนายหนึ่งจับโดยมิชอบหลังจากเห็นพวกเธอจูบกันในร้านขายของชำ - เหตุเกิดในโฮโนลูลู รัฐฮาวาย

ศาลในโฮโนลูลูอ่านรายละเอียดของการประนีประนอมยอมความกันครั้งนี้เมื่อวันศุกร์ (ซึ่งการประนีประนอมนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากสภาเมืองอีกครั้งหนึ่ง โดยสภาเมืองจะนำเรื่องนี้มาพิจารณาในวันที่ 6 กรกฎาคมที่จะถึง)

ตามคำฟ้อง คอร์ทนีย์ วิลสันกับเทลเลอร์ เกอรีโรเดินทางจากลอส แอนเจลิสมาเที่ยวฮาวายเมื่อปีที่แล้วๆถูกรังควาญและถูกจับเพราะตำรวจไม่ชอบการแสดงความรักของพวกเธอในที่สาธารณะ (ในห้างฟู้ดแลนด์ซึ่งอยู่บริเวณทางชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะโอวาฮู )

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่พวกเธอกำลังเดินจูงมือกันอยู่ในห้าง แล้วมีอยู่จุดหนึ่งที่พวกเธอกอดและจูบกัน ตำรวจในเครื่องแบบนายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ซึ่งกำลังช็อปปิ้งอยู่ ตะโกนบอกให้โจทก์หยุดการกระทำดังกล่าวและสั่งว่า "ไปทำกันที่อื่น"

หญิงสาวทั้งสองเชื่อฟังแต่โดยดีและเดินซื้อของต่อไป เมื่อตำรวจนายนั้นเห็นพวกเธอแสดงความรักกันอีกครั้ง เขาขู่จะจับพวกเธอโยนออกจากร้าน

เมื่อหญิงสาวทั้งสองเดินมารอจ่ายเงิน ตำรวจนายนั้นก็เข้ามาคว้าข้อมือวิลสัน เธอจึงโทรแจ้ง 911แต่พวกเธอถูกแจ้งข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่แล้วถูกจับไปขังเป็นเวลาสามวัน แต่สุดท้ายตำรวจก็ยกเลิกข้อกล่าวหา

เมื่อถูกหญิงสาวทั้งสองฟ้อง สำนักงานตำรวจโฮโนลูลูจึงทำการสอบสวนภายใน แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตำรวจยังไม่ได้เปิดเผยผลของการสอบสวน

การประนีประนอมยอมความทำให้ตำรวจนายนั้นพ้นข้อหาและไม่ถือว่ากระทำความผิด

วิลสันให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้เธอกับเกอรีโรไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วแต่ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เธอกลับไปลอส แอนเจลิส ส่วนเกอรีโรตัดสินใจอยู่ในโฮโนลูลูต่อไป

"ฉันดีใจที่มันจบแล้ว แต่ในขณะเดียวกันเราก็อยากให้ตำรวจนายนั้นเจ็บปวดจากการกระทำของตัวเองเสียบ้าง" วิลสันกล่าว

เกอรีโรลงเอยด้วยการทำงานและอยู่ในโฮโนลูลู ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตอนที่พวกเธอถูกปล่อยตัวออกจากห้องขัง พวกเธอต้องยอมรับเงื่อนไขว่าพวกเธอจะต้องไม่ออกไปจากเกาะ เมื่อถึงตอนที่พ้นจากข้อหาทั้งหลายทั้งปวง เกอรีโรพบว่าเธอชอบอยู่ที่นี่

"ฉันดีใจที่เป็นเช่นนี้" เกอรีโรพูดถึงการยอมความ "ดีใจที่มันจบเสียที"

วิลสันกับเกอรีโรวางแผนว่าหลังจากจ่ายเงินให้ทนายแล้ว จะเอาเงินที่เหลือมาแบ่งกัน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: รถแห่งอนาคต 3

กูเกิ้ลจดลิขสิทธิ์สารเคลือบผิวแบบเหนียว (sticky coating)



กูเกิ้ลจดลิขสิทธิ์กาวที่จะติดคนไว้กับรถแบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง(รถไร้คนขับ)

เมื่อวานนี้ (วันพฤหัส) กูเกิ้ลได้รับลิขสิทธิ์สารเคลือบผิวแบบเหนียว ที่สามารถเอาไปประยุกต์ให้กับรถขับเคลื่อนด้วยตัวเองเพื่อให้คนติดอยู่กับรถแทนที่จะกระเด็นออกไปเมื่อถูกชน

ลิขสิทธิ์อธิบาย - รายละเอียดของชั้นกาวที่ติดอยู่ที่กระโปรง กันชนและ(เป็นไปได้) บนตัวถังด้านหน้าของรถว่า - ชั้นกาวนี้จะอยู่ใต้สีเคลือบผิวรถ เมื่อสีเคลือบแตก ก็จะเจอผิวเหนียวๆ เหมือนแผ่นกาวดักแมลงวันซึ่งประยุกต์มาให้ติดคน

“เมื่อรถชนคน สีเคลือบผิวรถจะแตก เผยให้เห็นชั้นกาวที่อยู่ข้างล่าง” เอกสารระบุ

“กาวจะติดคนเอาไว้กับรถ และจะไม่ให้คนกระเด็นออกไปจนกว่ารถจะหยุด ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ให้คนไปกระแทกกับพื้นหรือวัตถุอื่นๆอีกครั้ง

กูเกิ้ลให้เหตุผลในใบขอจดลิขสิทธิ์ว่าคนที่ถูกรถชนจะเจ็บซ้ำสองเพราะน็อคกับพื้นหรือชนกับวัตถุอื่นๆ

ลิขสิทธิ์ก็ส่วนลิขสิทธิ์ ส่วนเรื่องข้างล่างเป็นความคืบหน้าของกูเกิ้ลกับรถยนต์ไร้คนขับ

ผู้บริหารของเฟี๊ยต โครสเลอร์ ออโตโมบิล (เอฟซีเอ) กล่าวเมื่อต้นเดือน หลังจากประกาศร่วมมือกับอัลฟาเบท -  ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิ้ล  - ว่า “รถไร้คนขับอาจจะออกมาวิ่งตามท้องถนนในอีกไม่เกินห้าปี”

ผู้อำนวยการบริหารของเอฟซีเอไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของวงเงินในการร่วมมือหรือระยะเวลาที่จะสร้างรถมินิแวน ที่จะเพิ่มจำนวนรถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองเพื่อการทดสอบให้กับกูเกิ้ล

“’มันไม่ใช่การวาดวิมานในอากาศ’” นี่เป็นของจริงที่จับต้องได้และมันก็กำลังจะมา”

“คนทั่วไปกำลังพูดถึงเวลาประมาณ 20 ปี แต่ผมคิดว่าเราจะมีรถแบบนี้ในอีกห้าปีข้างหน้า”

เมื่ออัลฟาเบทประกาศร่วมมือกับเอฟซีเอ รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองสำหรับการทดสอบของกูเกิ้ลก็จะเพิ่มขึ้นอีกมากกว่าหนึ่งเท่าตัว (ด้วยรถมินิแวนไฮบริต ไครสเลอร์ แปซิฟิกา นิว 2017 ร้อยคัน) โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรถดังกล่าวจำนวนหนึ่งออกมาวิ่งตามท้องถนนในปลายปีนี้

การร่วมมือกับเอฟซีเอเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นเป็นครั้งแรกว่ายักษ์ใหญ่ทางด้านอินเตอร์เน็ตที่มีฐานอยู่ในคาลิฟอร์เนียทำงานโดยตรงกับผู้ผลิตรถยนต์เพื่อสร้างรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง

กูเกิ้ลเริ่มทดสอบเทคโนโลยี่รถไร้คนขับในปี 2009 โดยใช้รถโตโยต้าพรีอุสซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทค ถึงตอนนี้กูเกิ้ลมีรถประมาณ 70คัน รวมทั้งเล็กซัสซึ่งกูเกิ้ลเอามาปรับแต่งและรถที่กูเกิ้ลออกแบบเองซึ่งเผยโฉมในปี 2014

ทางด้านผู้ผลิตรถยนต์อื่นๆ รวมทั้งเอาดี้ ฟอร์ด เบ็นซ์ เล็กซัส เทสลาและบีเอ็ม ก็ไม่อยู่เฉย กำลังเติมใส่สมรรถนะในการขับเคลื่อนด้วยตัวเองไว้ในรถของตนเช่นกัน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons / Google test car / Lexus RS 450h

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เด็กห้าขวบถูกโรงเรียนพักการเรียนสิบวันเพราะปืนฉีดฟองสบู่ฮัลโหล คิ๊ตตี้

โรงเรียนอนุบาลสั่งพักการเรียนนักเรียนสิบวันเพราะปืนฉีดฟองสบู่ฮัลโหล คิ๊ตตี้


รูปแทน

โรงเรียนอนุบาลสั่งพักการเรียนนักเรียนสิบวันเพราะเธอขู่จะ "ยิง" เพื่อนด้วยปืนของเล่นฮัลโหล คิ๊ตตี้สีชมพู สำหรับฉีดน้ำฟองสบู่

เด็กหญิงชาวเพนซิลวาเนีย วัย 5 ขวบ – ซึ่งบอกเด็กอีกคนหนึ่งว่า ‘ฉันจะยิงเธอด้วยปืนกระบอกนี้’ ถูกโรงเรียนอนุบาลทำโทษ แต่ปืนกระบอกนี้เป็นปืนเด็กเล่น เอาไว้ฉีดฟองสบู่

การทำโทษคือการสักพักการเรียน ซึ่งในตอนแรกสั่งให้พัก 10 วันแต่ต่อมาลดลงมาเหลือ 2 วัน

ผู้ปกครองของเธอจ้างทนายเพื่อต่อสู้กับการทำโทษครั้งนี้

ทนายโรบิน ฟิคเกอร์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของเขตการศึกษาเมาท์ คาร์เมล กล่าวหาว่าหนูน้อยคนนี้ "เป็นภัยก่อการร้าย" เพราะพูดถึงปืนฉีดฟองสบู่เมื่อวันที่ 10 มกราคมในขณะที่เธอและเด็กที่เธอพูดด้วยกำลังรอรถโรงเรียนให้ไปรับ

ฟิคเกอร์กล่าวว่าตอนนั้นเด็กหญิงคนนี้ไม่ได้ถือปืนอยู่ในมือและไม่เคยยิงปืนจริงเลยสักครั้งเดียว เขากล่าวว่า "เธอเป็นภัยก่อการร้ายน้อยที่สุดในเพนซิลวาเนีย"

ฟิคเกอร์บอกว่าวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนมาฟังว่าเธอพูดว่ายังไงและสอบถามหนูน้อยเป็นเวลาสามสิบนาที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าไม่มีใครแจ้งผู้ปกครองของเด็กว่าจะมีการสอบถามเด็ก แต่พวกเขาเห็นว่าหนูน้อยเป็น "ภัยก่อการร้าย" และสั่งพักการเรียนสิบวัน นอกจากนั้น โรงเรียนก็ยังส่งหนูน้อยไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินสภาพจิตใจ

เมื่อจิตแพทย์บอกว่าเธอไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่น เจ้าหน้าที่การศึกษาเขตจึงลดระยะเวลาการพักการเรียนจากสิบวันเป็นสองวัน

แต่เหตุการณ์ครั้งนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติของหนูน้อย ฟิคเกอร์ตั้งใจจะให้ลบประวัติตรงนี้ออกและต้องการให้มีการขอโทษเด็ก

ในขณะที่ทนายของเขตการศึกษาบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเจ้าหน้าที่กำลังดูเรื่องนี้อยู่

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2013  แต่สำนักข่าวเอามาลงอีกครั้งซึ่งตรงกับเคสที่เกิดขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

คราวนี้เกิดในโคราโด เด็กอนุบาลอายุ 5 ขวบเช่นกัน เธอถูกพักการเรียนหนึ่งวันเพราะเอาปืนพลาสติกใส สำหรับฉีดฟองสบู่ไปโรงเรียน

เด็กคนนี้เรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลเซาท์อีส ในไบร์สตัน เธอเอาของเล่นชิ้นนี้ใส่ไว้ในเป้สะพายหลังแล้วครูเห็น – เหตุเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

โรงเรียนโทรไปหาแม่ของเด็ก บอกให้เธอมารับลูกเพราะลูกของเธอถูกสั่งพักการเรียนหนึ่งวันเนื่องจากเอา “ปืนของเล่น” ไปโรงเรียน

แม่ของเด็กกล่าวว่าเธอเข้าใจแนวคิดของนโยบายที่ไม่มีการยืดหยุ่นเช่นนี้ แต่ในกรณีนี้ พวกเขาก็ควรจะใช้วิจารณญาณมากกว่านี้

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons/ Description: Bubble/ Author: Jeff Kubina

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:โจรขโมยปืนใหญ่โบราณ

ของเล็กๆไม่ ของใหญ่ๆเอา

รูปแทน


ขโมยใช้รถกระบะขโมยปืนใหญ่สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง น้ำหนักหนึ่งตัน เหตุเกิดในคาลิฟอร์เนีย

บ้าเหรอ ใครจะขโมยปืนใหญ่ หนักหนึ่งตัน?

ไม่บ้าหรอก เพราะมี ขโมยสองคนจากนอร์ตเทิร์น คาลิฟอร์เนียมาขโมยมันไปเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม วันที่มีงานซินโค เดอ มาโย* นะสิ

ปืนใหญ่สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ขนาดสูงห้าฟุต หล่อจากเหล็กและทองเหลือง กระบอกนี้ตั้งแสดงอยู่ในห้องโถงของอาคารทหารผ่านศึกมาตั้งแต่ปี 1947

ภาพโทรทัศน์วงจรปิดทำให้เห็นชายสองคนใช้คีมตัดเหล็กตัดที่ยึดปืนแล้วลากมันไปใส่รถกระบะ

เมื่อสถานีโทรทัศน์เอาเรื่องปืนใหญ่หายมาออกอากาศ ชายคนหนึ่งก็โทรมาหาตำรวจ เขาบอกว่าเมื่อสองวันก่อนเขาซื้อปืนใหญ่มาในราคา 1200 ดอลลาร์ เขาบอกอีกว่าเขาไม่รู้ว่ามันถูกขโมยมา

และแล้วปืนใหญ่ก็กลับมาตั้งอยู่ในห้องโถงดังเดิม ส่วนตำรวจก็ยังตามหาขโมยรายนี้ต่อไป

*งานฉลองซินโค เดอ มาโย เป็นงานฉลองชัยชนะที่กองทัพแม็กซิโกมีต่อกองทัพฝรั่งเศสใกล้ๆกับเมืองพีเอ็บบลาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1862 –ทั้งๆที่กองทัพแม็กซิโกมีทหารและอาวุธน้อยกว่ากองทัพฝรั่งเศสมาก - ในอดีตนี่เป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ จัดกันทั่วประเทศ แต่ปัจจุบัน จัดกันบ้างประปราย ที่จัดใหญ่ก็มีที่เมืองพีเอ็บบลาและในคาลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pixabay.com


อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:อนาถ ทั้งโรงพักมีปากกาด้ามเดียว ???

ตำรวจให้เด็กกลับบ้านเพราะโรงพักไม่มีปากกา



เด็กนักเรียนวัยรุ่นคนหนึ่งถูกปล้น จึงไปแจ้งความที่โรงพักมิลเนอตัน แต่ดูเหมือนตำรวจจะบอกเธอว่าไม่มีปากกาให้เธอ และให้เธอเอาแบบฟอร์มสำหรับแจ้งความไปกรอกที่บ้าน

เฮย์เลย์ คาลาแฮนแม่ของเด็กนักเรียนคนดังกล่าวกล่าวว่าเมื่อวันอังคาร เธอกลับมาบ้านเพราะ เป็นห่วงลูกสาวเพราะลูกสาวเธอไม่เดินไปดูยาย “ซึ่งอยู่บ้านตรงหัวมุม”ดังเช่นเคย

แล้วเธอก็เห็น แชนนอน ลูกสาววัย 18 ปี “นั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับแบบฟอร์มเหล่านั้น”

เฮย์เลย์กล่าวว่า “ฉันถามลูกว่ากำลังทำอะไร ลูกตอบว่าเธอไปโรงพัก แล้วผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งคงเป็นตำรวจ บอกเธอว่าโรงพักมีปากกาด้ามเดียวแล้วเธอก็กำลังใช้อยู่ ลูกฉันจึงควรกลับบ้านไปก่อน”

เมื่อลูกบอกเช่นนี้ เป็นใครๆก็ช็อก เฮย์เลย์จึงโทรไปเล้งที่โรงพัก

“ลูกฉันไม่เคยไปโรงพักหรือกรอกใบแจ้งความ เธอเสียใจจริงๆที่พวกเขาบอกให้เธอเอามันมากรอกที่บ้าน”

เฮย์เลย์อ้างว่าตำรวจเอาแต่ขอโทษขอโพยทางโทรศัพท์ พวกเขาบอกเธอว่ามีคนล็อคตู้เก็บอุปกรณ์ เช่นเครื่องใช้สำนักงาน เอาไว้

“ฉันบอกว่าไม่ต้องมาแก้ตัว คุณจะเอาเอกสารซึ่งต้องยืนยันว่าเป็นความจริงทุกประการให้กับใครไปก็ได้ไม่ได้”

ผู้แทนของตำรวจเวสเทิร์ท เค็ปกล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้” เขาเสริมต่อไปว่าสถานีตำรวจไม่ได้ขาดแคลนเครื่องใช้สำนักงาน

“เจ้าหน้าที่ของเราทุกคนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่จำเป็นเพื่อบริการประชาชนแบบมืออาชีพ”

เว็บไซค์ของตำรวจแถลงว่า ตามปกติจะมีตำรวจนายหนึ่งดูแล เติมอุปกรณ์ทุกชนิดสำหรับการแจ้งเหตุอาชญากรรม ไม่ให้ขาดอยู่แล้ว

ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้แชนนอน ต้องไปโรงพัก เกิดขึ้นเมื่อเธอกำลังเดินไปป้ายรถเมล์บนถนนวีมาสส์ในบรุ๊คลีน

ในขณะที่เธอกำลังจะไปถึงสะพาน ชายคนหนึ่งก็เดินมาขวางทางเธอเอาไว้แล้วเอ่ยปากขอยืมโทรศัพท์

เธอปฏิเสธไปหลายครั้ง เขาจึงเขยิบเข้ามาหาเธอและล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า

แชนนอนกลัวว่าเขาจะมีอาวุธ จึงยื่นโทรศัพท์ให้แล้ววิ่งไปโรงพัก

“ครอบครัวของเราอยู่แถวนี้มาหลายปี โรคพักที่นี่ใหญ่โตและสวยงาม” แต่ชาวบ้านรู้สึกอึดอัดที่มีคดีอาชญากรรมเกิดขึ้นเป็นประจำ” เฮย์เลย์กล่าว

“ดูเหมือนการพึ่งกฎหมายจะเป็นหนทางเดียวที่คุณจะได้รับการตอบสนอง ไม่ว่าจะจากตำรวจหรือจากสื่อ เพราะไม่มีใครทำอะไรเลยกับอาชญากรรม” เฮย์เลย์สรุปหลังจากได้รับการแนะนำว่าควรจะเข้าไปพบกับตำรวจระดับสูงของโรงพักเพื่อร้องเรียนอย่างเป็นทางการ

ภาพจากแฟ้ม: เครื่องเขียน

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:การดื่มสุราเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (โดยเฉพาะสาวคนนี้)

การดื่มสุราเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็ก)



หนุ่มนักศึกษาถูกจับหลังจากหญิงสาวที่เขาจุ๊กกรูด้วยไปแจ้งความว่าเขาเป็นชายอีกคนและข่มขืนเธอ  - เหตุเกิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร

หญิงสาวคนหนึ่งกับเพื่อนซี้ไปกินเหล้าในบาร์ เจ้าหล่อนทั้งสองเจอหน้าหนุ่มสองคน พอโอภาปราศรัยและกึ่มๆกันแล้วพวกหล่อนก็เลยตกลงไปต่อที่อพาร์ตเมนต์ของพวกเขา

เมื่อตกลงกันดังนั้น แซม โอเบคเฮ วัย 24 จากเมืองแมนเซสเตอร์ จึงขับรถบีเอ็มของเขาพาสาวๆไปที่อพาร์ตเมนต์ แล้ว แซมก็เล่นผีผ้าห่มกับสาววัย 21 คนนั้น

แต่ระหว่างนั้นแซมก็ชะงักเพราะสาวคนนั้นเริ่มครวญคราง เรียกชื่อเพื่อนของเขา – แซ็ค การ์รีแกน

หญิงสาวคนนั้นกล่าวว่าเธอกำลังวอร์มอัพอยู่กับการ์รีแกนในห้องแล้วเขาก็ขอตัวไปเอายาไวอากร้าในห้องที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ส่วนเธอม่อยหลับไป

เธอเล่าว่าต่อมาผู้ชายคนหนึ่งก็มาปลุกเธอ แล้วบทอัศจรรย์ก็เริ่มขึ้น ซึ่งเธอคิดว่านั่นคงเป็นการ์รีแกน...

แต่เมื่อเธอลูบหัวเขา เธอคิดว่ามันทะแม่งๆ และไม่น่าจะใช่การ์รีแกน

วันรุ่งขึ้น หญิงสาวเล่าเหตุการณ์ให้แม่ฟังแล้วโทรแจ้งตำรวจ

ในศาล หญิงสาวให้การว่าห้อง “มันมื๊ดมืด” เธอแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครแม้ว่ารูปร่าง เสียงและสีผิวของพวกเขาจะต่างกัน (การ์รีแกนผิวขาวผมทอง แซมผิวดำผมหยิก)

แต่คดีนี้ ศาลตัดสินว่าแซมไม่ผิดหลังจากใช้เวลาในการพิจารณาอย่างรอบคอบนานถึง  27  นาที

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : pixabay

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องขำๆของโจร ตอน: โจรหัวหมอ

ชายฉกรรจ์จะเอาพริ้นเตอร์ไปคืนห้างฯถูกจับเพราะในเครื่องมีแบงก์ปลอม

รูปแทน


ชายฉกรรจ์หอบหิ้วเครื่องพริ้นเตอร์ไปที่ห้างวอลล์มาร์ท โดยตั้งใจจะเอาไปคืน แต่ถูกตำรวจซิวเพราะในเครื่องมีธนบัตรปลอมใบหนึ่ง

ตำรวจจับชายคนหนึ่งซึ่งเอาพริ้นเตอร์ -  ที่มีธนบัตรปลอมติดอยู่ใบหนึ่ง –  ไปคืนที่ห้างวอลล์มาร์ท หลังจากที่เขาทำมันพังตอนพยายามพิมพ์ธนบัตรใบละร้อยดอลลาร์ใบหนึ่ง

จาราด คารร์ อายุ 37 เดินอย่างองอาจเข้าไปในห้างวอลล์มาร์ทในเลค ฮอลลี่ วิสคอนซิลพร้อมกับพริ้นเตอร์เพื่อจะขอเงินคืน แต่เขาไม่ได้เอาใบเสร็จไปด้วย ห้างจึงไม่คืนเงินให้เขา

แต่คารร์จะเอาให้ได้

พอพนักงานตรวจดูเครื่องพิมพ์เครื่องนั้น พวกเขาก็เห็นแบงก์ปลอม จึงโทรไปแจ้งตำรวจ

ถึงแม้พนักงานจะชี้แจงว่าพวกเขารับสินค้าคืนไม่ได้ เพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่าคารร์ซื้อไปจากห้าง แต่คารร์ก็ยังทู่ซี้ต่อว่าๆห้างฯผิด และไม่ยอมกลับ

นอกจากนั้น เขาก็ยังหัวหมอ พยายามต่อรองกับศูนย์บริการลูกค้าของห้างว่าเขาขอแลกเครื่องที่เขาเอามากับเครื่องใหม่ที่ราคาถูกลงก็ได้ถ้าห้างจะคืนเงินส่วนเกินให้เขาสักนิด

เมื่อตำรวจไปถึงห้างฯและพยายามควบคุมตัวคารร์เพื่อสอบปากคำ แต่คารร์ขัดขืน การยื้อยุดฉุดกระชากจึงเกิดขึ้นที่ศูนย์บริการลูกค้าของห้างฯ

นอกจากจะพบแบงก์ปลอมในเครื่องแล้ว ตำรวจก็ยังพบแบงก์ปลอมใบละร้อยอีกสามใบในตัวของเขา

เขาถูกจับข้อหาพิมพ์และพยายามใช้แบงก์ปลอมและขัดขืนการจับกุม

“คุณหอบหิ้วเครื่องพริ้นเตอร์ไปคืนที่ห้างวอลล์มาร์ท แต่คุณไม่มีใบเสร็จ แล้วในเครื่องก็มีกระดาษที่พิมพ์แบงก์ปลอมเอาไว้ติดอยู่แผ่นหนึ่ง แล้วคุณก็จะบีบบังคับให้เสมียนคืนเงินให้คุณครึ่งหนึ่ง คุณก็ถูกจับนะสิ” ตำรวจกล่าว

“เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าอย่าทำตัวให้เป็นที่สนใจจนเกินไป”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pixabay

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:รถมอเตอร์ไซค์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองพุ่งชนรถที่กำลังจอดติดไฟแดง

รถไร้คนขับ (ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง)พุ่งชนรถที่กำลังจอดติดไฟแดง

รูปแทน

รถมอเตอร์ไซค์พิกอัพ (ฝรั่งเรียกว่าสามล้อติดพ่วงท้าย) ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง พุ่งชนรถที่กำลังจอดติดไฟแดง

เมื่อกลางสัปดาห์ เพื่อนๆอ่านเรื่องรถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (รถไร้คนขับ)ไปแล้ว วันนี้เอามาให้อ่านอีกเรื่อง คราวนี้เป็นเรื่องมอเตอร์ไซค์พิกอัพ (รถมอเตอร์ไซค์ที่ต่อกระบะไว้ข้างหลัง เอาไว้ขนส่งสินค้า ย้ายของ บรรทุกสิ้นค้าการเกษตร ฯลฯ)

รถมอเตอร์ไซค์พิกอัพ ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (ไร้คนขับ) พุ่งชนรถที่กำลังจอดติดไฟแดงอยู่กลางสี่แยกห้าคันรวด – เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายนทีจังหวัดเป่าซาน มณฑลยูนาน

เมื่อเวลาสายๆของวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ในขณะที่รถยนต์หลายคันกำลังจอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกใจกลางเมือง ก็มีรถมอเตอร์ไซค์พิกอัพแบบใช้ไฟฟ้าคันหนึ่ง พุ่งมาจากทางด้านขวาของสี่แยก มันชนรถเก๋งที่จอดอยู่หัวแถวของรถที่จอดติดไฟแดงอยู่

พอชนเสร็จ รถมอเตอร์ไซค์อ้อมมาหลังรถคันแรกแล้วแทรกเข้าไปในช่องระหว่างรถคันแรกกับรถคันที่สองที่จอดอยู่ มันชนรถคันที่สอง ก่อนแล่นผ่านหน้ารถคันที่สองไป

พอพ้นจากรถคันที่สอง มันชนกับรถคันที่สามซึ่งจอดเคียงข้างอยู่กับรถคันแรก จากนั้นแทรกเข้าไปในช่องระหว่างรถคันแรกกับคันที่สาม ระหว่างทางก็สะบัดหัวสะบัดหางชนไปด้วย

เมื่อหลุดออกมาจากช่อง รถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวผ่านหน้ารถคันที่สาม แล้วแล่นผ่านสี่แยกไปอีกทาง

ยัง แค่นั้นยังไม่พอ รถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวกลับมาชนรถคันที่สามอีกครั้งก่อนที่จะสิ้นฤทธิ์

ตำรวจท้องที่เปิดเผยว่ารถไร้คนขับคันนี้ไม่ใช่รถทดสอบหรือรถไฮเทคอะไรหรอก มันก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์พิกอัพเอาไว้บรรทุกสินค้าและขับเคลื่อนด้วยแบตเตอร์รี่ธรรมดาๆนี่แหละ แต่ที่มันไม่มีคนขับเพราะคนขับลงไปจากรถ แล้วไม่ได้ดับเครื่อง ไม่ได้ดึงเบรกมือ รถมันก็เลยวิ่งไปชนรถชาวบ้านเขา

ภาพจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ผู้โดยสารสาวชกหน้านักบิน

ผู้โดยสารสาวชกหน้านักบิน ทำให้เครื่องดีเลย์ไปเกือบสองชั่วโมง

รูปแทน


สายการบินอีซี่เจ็ทต้องเลื่อนเวลาการขึ้นบินจากบ่ายสองโมงสิบนาที เป็นสี่โมง

เที่ยวบินเที่ยวหนึ่งของอีซี่เจ็ทต้องเลื่อนออกไป และเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งตำรวจให้ไปจับหญิงคนหนึ่งซึ่งชกหน้านักบิน -  เหตุเกิดขึ้นที่สนามบินแมนเชสเตอร์

เมื่อเวลาประมาณบ่ายสองโมงยี่สิบนาทีของวันพุธที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งให้ไปที่สนามบินหลังจากเกิดความไม่สงบขึ้นบนเครื่องบินที่จะต้องออกบินจากแมนเชสเตอร์ไปยังเมืองปาโฟส ในไซปรัส

หญิงสาววัย 25  ปีคนหนึ่งถูกเชิญให้ลงจากเครื่องบินเพราะพฤติกรรมของเธอ

แต่ในขณะที่เธอกำลังถูกนำตัวลงมาจากเครื่อง หญิงสาวคนนั้นก็ทำร้ายกัปตันของเครื่อง

ตำรวจเมืองแมนเชสเตอร์เปิดเผยว่าจับหญิงสาวคนนั้นข้อหาสันนิฐานว่าจะทำร้ายร่างกายผู้อื่น  ตำรวจยังเปิดเผยต่อไปว่าเธอเป็นผู้ต้องหาที่ตำรวจต้องการตัวในคดียาเสพติดอีกด้วย ขณะนี้เธอถูกนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก

สายการบินออกแถลงการณ์ ยืนยันว่าเป็นคนแจ้งตำรวจให้มาที่ๆเกิดเหตุก่อนเครื่องบินออก “เพื่อจัดการกับผู้โดยสารที่ก่อความไม่สงบ”

“ท้ายที่สุด ผู้โดยสารก็ถูกจับ ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้โดยสารและลูกเรือเป็นสิ่งที่อีซี่เจ็ตให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก” แถลงการณ์ระบุ

“ถึงแม้เหตุการณ์เช่นนี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่เราก็ถือว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ เราจะไม่ยอมให้เกิดพฤติกรรมหยาบคายและข่มขู่บนเครื่องและต้องมีการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด”

ตามหมายกำหนดการ เครื่องจะต้องออกจากสนามบินเมื่อเวลา 14.10 น. แต่ในที่สุด ก็ต้องเลื่อนไปออกเวลา 16.00 น.

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีซี่เจ็ทต้องเลื่อนตารางบินเพราะมีผู้โดยสารที่เป็นอันธพาล

เมื่อเดือนเมษายน 2015 เที่ยวบินเที่ยวหนึ่งจำเป็นต้องลงจอดอย่างฉุกเฉินหลังจากผู้โดยสารคนหนึ่งชกพนักงานบนเครื่องจนลงไปกองกับพื้นเพราะหงุดหงิดที่ต้องรอแซนวิชนาน

ขอขอบคุณภาพจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ยิงแสงเลเซอร์จากปากกาใส่เครื่องบิน

ยิงแสงเลเซอร์ใส่เครื่องบิน  - คิดคุกเพราะคึกคะนอง? 

รูปแทน

หนุ่มคนหนึ่งถูกจับติดคุก 21 เดือนเพราะใช้ปากกาเลเซอร์ยิงแสงเลเซอร์ใส่เฮลิคอปเตอร์ตำรวจ

ผู้ต้องหา – ซึ่งถูกจับในคาลิฟอร์เนียเพราะยิงแสงเลเซอร์จากปากกาเลเซอร์ใส่เฮลิคอปเตอร์ตำรวจ - ถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลาหนึ่งปีเก้าเดือน

ในการพิจารณาคดีซึ่งกินเวลาสองวัน บาร์รี่ ลี โบว์เซอร์ยอมรับสารภาพว่ายิงแสงเลเซอร์ใส่เฮลิคอปเตอร์เมื่อต้นปี เขาจึงถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 21 เดือน

ในการพิจารณาคดี ตำรวจให้การว่าเห็นแสงเลเซอร์พุ่งมาจากอาคารหลังหนึ่งในเซ็นทรัล คาลิฟอร์เนีย พวกเขาทำการตรวจสอบหลังจาก “นักบินรู้สึกเหมือนตาบอดไปชั่วขณะ และเกิดอาการเจ็บตาและเคืองตาซึ่งกินเวลาหลายชั่วโมง”

โบว์เซอร์ให้การว่าเขาเพียงแต่ลองปากกาเพื่อดูว่ามันทำงานหรือไม่หลังจากเปลี่ยนแบตเตอร์รี่เข้าไปใหม่

อันตรายจากปากกาเลเซอร์ที่มีต่อเครื่องบินรุนแรงจนอัยการต้องผลักดันให้ศาลลงโทษอย่างหนักเพื่อยับยั้งการกระทำเช่นนี้อย่างจริงจัง ในสหรัฐ ผู้ต้องหาหลายคนถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลาหลายปี รวมทั้งชายคนหนึ่งซึ่งถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลาถึง 14 ปีเพราะยิงแสงเลเซอร์ใส่เครื่องบินสองลำ

โดยทั่วไป หากผู้ต้องหาอุทธรณ์  อย่างมากศาลก็จะพิจารณาว่าระยะเวลาที่ตัดสินให้จำคุกนานเกินไปและลดเวลาลงเท่านั้น

สำหรับตำรวจ การจะจับตัวคนที่ยิงแสงเลเซอร์ใส่เครื่องบินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันยากที่จะระบุพิกัดที่แน่นอนว่าคนๆนั้นยิงมาจากไหน แต่ส่วนใหญ่ตำรวจจะจับได้เสมอ ยิ่งกับเฮลิคอปเตอร์ การหาตำแหน่งของคนยิงยิ่งง่ายกว่าเพราะเฮลิคอปเตอร์บินอยู่ใกล้พื้นและบินช้ากว่าเครื่องบิน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องขำๆของโจร ตอน: ขโมยขี้เซา

ขโมยขี้เซา



ตำรวจเปิดเผยว่าจับขโมยได้ในเลดี้ เลค ฟฃอริด้า หลังจากเข้าไปขโมยเครื่องเพชรและงีบหลับไป

โดโมนิค พิงค์การ์ด อายุ 21 ถูกจับขณะนอนหลับอยู่บนโซฟาในบ้านหลังหนึ่งในวินเนอร์ เซอร์เกิล เจ้าของบ้านมาเห็นเข้า จึงโทรแจ้งตำรวจ

ตำรวจคิดว่าพิงค์การ์ดและเพื่อนชื่อ จูเลี่ยน อีแวนเจลิสต์ งัดประตูหลังเข้าไปในบ้านเมื่อเวลาประมาณ 7.30 น.แล้วหลังจากนั้น พิงค์การ์ดก็หลับอยู่บนโซฟาในขณะอีเวนเจอลิสต์  -  ซึ่งดูเหมือนจะลืมปลุกเพื่อน - หนีไปพร้อมกับทีวีเครื่องหนึ่ง

ตำรวจเปิดเผยว่าพิงค์การ์ดบอกพวกเขาว่าเขาทำงานหนักมาทั้งวันและแค่อยากจะนั่งพักสักครู่ แต่ปรากฏว่าเขาม่อยหลับไป

ตำรวจเปิดเผยต่อไปว่าพวกเขาพบเครื่องประดับมูลค่าประมาณ 500 ดอลลาร์ของเจ้าของบ้านอยู่ในกระเป๋าของพิงค์การ์ด และพบสิ่งของอื่นๆ รวมทั้งเสื้อผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านของอีแวนเจอลิสต์

พิงค์การ์และอีแวนเจอลิสต์เจอข้อหาย่องเบาและลักทรัพย์

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: ขายหัวเราะสไตล์ฝรั่ง

เรื่องขำขันของฝรั่ง

Photo credit: pixabay


ลูกสาวของครูใหญ่

บักจ่อย “ครูใหญ่นี่ทึ่มจริงๆ”
ด.ญ.นาเดียร์ “เธอรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร”
บักจ่อย “อึ๊ ไม่รู้”
ด.ญ.นาเดียร์ “ฉันเป็นลูกสาวของครูใหญ่”
บักจ่อย “แล้วเธอรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร”
ด.ญ.นาเดียร์ “อึ๊”
บักจ่อย “ดี”
ว่าแล้วบักจ่อยก็วิ่งจู๊ดออกไป
ด.ญ.นาเดียร์ ???

ครูอังคณากับลูก

ครูอังคณาอุ้มลูกขึ้นรถเมล์
คนขับรถเมล์ “ฮู้ เด็กคนนี่น่าเกลียดที่สุดที่ผมเคยเห็น”
ครูอังคณาเดือดปุดๆ เธอเดินปึงปังไปนั่งบนเก้าอี้แถวหลังแล้วพูดกับชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น
ครูอังคณา “คนขับรถพูดไม่ดีกับฉัน!”
ชายคนนั้น “ไปจัดการกับเขาเลย ผมจะอุ้มลิงตัวนี้ไว้ให้เอง”
ครูอังคณา ???

ถ่มทิ้งเร็ว

ครูอังคณาพานักเรียนออกไปทัศนะศึกษาเพื่อสอนทักษะในการใช้ประสาทสัมผัส เธอเอาสิ่งประทังชีวิตไปด้วยหลายอย่าง
ครูอังคณา “ครูอยากให้พวกเธอหลับตาแล้วชิมของที่ครูจะให้ แล้วบอกครูว่ามันคืออะไร”
นักเรียนสามารถระบุรสชาติของลูกเชอร์รี่ มะนาวและมินต์ได้อย่างง่ายดาย คราวนี้ครูอังคณาเอาลูกกวาด รสน้ำผึ้ง (honey* flavored)ให้นักเรียนชิม
นักเรียนอ้ำอึ้ง
ครูอังคณา “ครูจะบอกใบ้ให้ มันเป็นของที่แม่ของพวกเธออาจจะเรียกพ่อของเธอตลอดเวลา”
เมื่อได้ยินคำใบ้ บักจ่อยรีบถ่มลูกกวาดทิ้งแล้วตะโกนว่า “ถ่มทิ้งเร็ว มันคือฮูดาก (asshole**)
ครูอังคณา ???

*ฝรั่งมักเรียกคนรักว่าฮันนี่ (honey) เสมอ
** Asshole = รูทวาร ไอ้งั่ง ไอ้โง่ ไอ้เลว

บักจ่อยกำลังจะมีน้อง

แม่ “จ่อยแม่กำลังจะมีน้องให้ลูกแล้วนะ”
บักจ่อยดีใจมาก เวลามาโรงเรียน เขาจะบอกกับครูอังคณาทุกวันว่า “ผมกำลังจะมีน้องแล้วครับ”
วันหนึ่ง แม่อุทานว่า “อุ้ย น้องเตะ” แล้วอนุญาตให้บักจ่อยเอามือลูบท้องของเธอ
วันต่อมา เมื่อบักจ่อยมาโรงเรียน เขาไม่พูดอะไรกับครูอังคณา
ครูอังคณาจึงถามว่า “จ่อย เกิดอะไรขึ้นกับน้องของเธอเหรอ”
บักจ่อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วตอบว่า “ผมคิดว่าแม่กินน้องไปแล้วครับ”
ครูอังคณา ???

ขอขอบคุณภาพจาพจาก: pixabay

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เมาไม่ขับก็ถูกจับได้

อุต๊ะ เมาไม่ขับก็ถูกจับได้ มันเป็นจ๊ะได

รูปแทน

สาวสวย วัย 24 จากสเตอลิ่ง ไฮท์ มิชิแกน ถูกจับข้อหาก่อกวน(ข้อหาจิ๊บๆ) หลังจากโทรไป 911 เพื่อให้มารับกลับบ้านเพราะเธอเมาอยู่ในบาร์จนขับรถไม่ไหว

จ่าแอนดี้ ไบรเดนิช ตำรวจเมืองทรอยเปิดเผยว่าอาลาน่า ซิมส์ถูกจับตอนเช้าตรู่หลังจากเมามายได้ที่ที่โจ คูลบาร์ในเมืองทรอย

“เธอโทรไป 911แล้วบอกว่า ‘ฉันอยากให้คนมาพากลับบ้าน’ “ จ่าแอนดี้เล่า

ตำรวจประจำศูนย์บอกเธอว่า 911 เป็นสายด่วนสำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย แต่เธอวางหูไปก่อน

“เนื่องจาก 911 เป็นเบอร์สำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย แล้วเราก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมของเธอกำลังเป็นยังไง เราจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปที่เกิดเหตุ และเนื่องจากเบอร์ที่เธอโทรเข้ามาถูกบันทึกเอาไว้ เราจึงโทรกลับไปหาเธอ”

โทรศัพท์ดังไปสองสามครั้งก่อนที่เธอจะรับสาย คราวนี้เธอบอกกับตำรวจประจำศูนย์ว่าเธอเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องไปรับเธอแล้ว เธอบอกอีกว่า ถ้าคุณมารับฉันก็คงขอบคุณแต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างโอเคซิกาแร็ตแล้ว”

เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ถามว่าทำไมเธอถึงต้องการให้คนไปส่ง เธอตอบว่าเธอเมาจนขับรถไม่ไหว

“ฉันดื่มมากไปหน่อย พอดีฉันรู้จักตำรวจที่สน.สองสามคน ก็เลยโทรไป เผอิญตอนนี้ศูนย์บริการรถแท็กซี่หาคนมารับฉันไม่ได้”

แต่ตอนนั้น เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์แจ้งตำรวจให้เดินทางไปที่บาร์แล้ว

“ทุกครั้งที่มีคนโทรเข้าไปที่หมายเลข 911 เราจะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบเพราะ 911 คือเบอร์สำหรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน คงไม่มีใครคิดว่าเรื่องของเธอเป็นเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือโดยด่วนแน่ๆ ผมว่านะ ถามว่าเธอต้องการให้มีคนมาพากลับบ้านหรือเปล่า แน่นอน เธอต้องการ แต่เธอจำเป็นต้องกลับบ้านอย่างเร่งด่วนหรือเปล่า เปล่าเลย ดังนั้นคุณจึงต้องมองมันในมุมต้องที่ต่างออกไป”

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ตำรวจอธิบายให้ซิมส์ฟังว่าทำไมเธอจึงไม่ควรโทรไป 911 แล้วจับเธอ

“เราจับเธอข้อหารบกวนการทำงานของตำรวจ ซึ่งเป็นข้อหากว้างๆ เพราะจริงๆแล้วมันคือข้อหาโทรไป 911 ด้วยเรื่องที่ไม่ใช่เหตุด่วนเหตุร้าย”

จ่าแอนดี้กล่าวต่อไปว่า “เราเข้าใจสถานการณ์และเข้าใจคนที่พูดว่า ‘อย่างน้อยเธอก็ไม่เมาแล้วขับ’ แน่นอน เราดีใจที่เธอไม่ขับรถและไม่ไปประสบอุบัติเหตุ จนทำให้ตัวเองหรือคนอื่นบาดเจ็บ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นใหญ่ในที่นี้ก็คือเธอโทรไป 911 เพื่อหารถกลับบ้านฟรีๆ แล้วที่เธอบอกว่าเธอรู้จักคนที่สน. นั่นก็เป็นการขอความเอื้อเฟื้อส่วนตัว”

จ่ากล่าวว่าตำรวจไม่ได้พยายามที่จะทำให้กรณีของซิมส์เป็นกรณีตัวอย่าง แต่พวกเขาอยากให้คนรู้ว่า 911 เป็นเบอร์สำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายจริงๆ – ก็เท่านั้นแหละ

“ถ้าเธอไม่โทรไป 911 และใช้วิธีที่ดีกว่านี้เพื่อหารถกลับบ้าน ก็คงจะมีคนช่วยเธอ เธอจะไปหาเจ้าของบาร์หรือพนักงานในบาร์ก็ได้ พวกเขาคงจะหาทางออกได้ หรือไม่ก็พาเธอไปส่งเอง” จ่าพูด “แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมเสียแรงมากไปกว่าการโทรไปที่ศูนย์บริการรถแท็กซี่สองแห่ง แล้วพอเขาไม่มีโชเฟอร์ที่จะมารับเธอ เธอก็เลยโทร 911 เพื่อขอให้มารับไปส่งบ้าน”

ขอขอบคุณภาพจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: รถแห่งโลกอนาคต 2

รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (รถไร้คนขับ)

Google self driven car

เพื่อนๆคงสงสัยว่าอยู่ดีๆเอาเรื่องรถไร้คนขับมาให้อ่านทำไม แหม ก็ต้องทำตัวอินเทรนหน่อย เพราะตอนนี้โทรทัศน์ช่องหลายสีเริ่มเอาซีรี่ย์เรื่องชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ (descendent of the sun) มาออกอากาศ วันนี้ดูเหมือนจะเป็นตอนที่สองมั้ง?

แล้วตอนหนึ่งในซีรี่ย์เรื่องนี้ มีฉากที่พระรองกับนางรอง (ความจริงก็พระเอกกับนางเอกอีกคู่หนึ่งนั่นแหละ) นั่งรถมาด้วยกัน (คงเป็นรถเกาหลี จำไม่ค่อยได้แล้ว) แล้วพระรองก็กดปุ่มอะไรสักอย่างให้รถวิ่งไปแล้วหันมาทำตาเยิ้มและจูบกับนางรองอย่างดูดดื่ม – น่าทึ่งมั้ย

ซี่รี่ย์สนุก จัดแสงดีมาก พระเอกหล่อ (หล่อขนาดสาวๆในเมืองไทยอยากให้พระเอกผูกเชือกรองเท้าให้นั่นแหละ) นางเอกสวย มีฉากบู๊ ครบทุกรส

มาเข้าเรื่องรถกันดีกว่า -

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว รถทดสอบของกูเกิ้ลถูกตำรวจเรียกให้จอดเพราะขับช้ากว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมาย 10 ไมล์ เหตุเกิดในเมาท์เทน วิว ซิลิคอน วัลเลย์

ในบล็อก กูเกิ้ล พลัส กูเกิ้ลโพสต์รูปที่สายตรวจจักรยานยนต์เรียกให้รถไร้คนขับของตนให้จอดแล้วตักเตือนคนในรถ

เมื่อโบกให้รถทดสอบจอดจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตำรวจก็ลงไปคุยกับเจ้าหน้าที่ๆนั่งอยู่ในรถว่ากำลังกีดขวางการจราจร (ในการทดสอบรถแบบไร้คนขับ จะมีช่างเทคนิคนั่งไปกับรถ เผื่อจะเกิดอุบัติเหตุหรือจำเป็นจะต้องเข้ามาควบคุมรถ)

หลังเกิดเหตุ กูเกิ้ลเอารูปมาลงในกูเกิ้ล พลัส และบรรยายว่า “ขับช้าไป? เราไม่ค่อยเห็นตำรวจเรียกคนให้จอดเพราะขับช้าบ่อยนัก”

กูเกิ้ลตั้งความเร็วของรถแบบไร้คนขับไว้ที่ 25 ไมล์/ชั่วโมง (40 กม/ชม.) เพื่อความปลอดภัย

ในขณะเดียวกันตำรวจก็ออกมาแถลงว่า “...เมื่อตำรวจเข้าไปใกล้รถคันนี้ จึงพบว่ามันเป็นรถไร้คนขับของกูเกิ้ล ในกรณีนี้ มันจึงไม่ผิดกฎหมายที่มันจะออกมาวิ่งบนถนน”

กฎหมายในคาลิฟอร์เนียอนุญาตให้รถแบบไร้คนขับออกมาวิ่งบนถนนได้ด้วยความเร็วสูงสุด 35 ไมล์/ชั่วโมง (56กม/ชม.) หรือช้ากว่านั้น

ส่วนเหตุผลที่ต้องมีเจ้าหน้าที่นั่งไปกับรถก็คือ “เราอยากให้มันเป็นมิตร ใครๆก็กล้าเข้าใกล้ ไม่ใช่เอาแต่แอบมองอยู่ไกลๆด้วยความกลัว”

“หลังจากทดสอบไป 1.2 ล้านไมล์ (ถ้าใช้คนขับก็จะใช้เวลา 90 ปีโดยประมาณ) เรามีความภาคภูมิใจที่จะพูดว่าเราไม่เคยได้รับใบสั่งเลยแม้แต่ใบเดียว”

อย่างไรก็ดี เมื่อต้นปีที่แล้ว กูเกิ้ลออกมายอมรับว่ารถแบบไร้คนขับของตนถูกชน “บ่อยจนน่าแปลกใจ” แล้วนำภาพจำลองของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้มาเผยแพร่

ภาพจำลองแสดงให้เห็นรถเล็กซัสแบบไร้คนขับกำลังจอดอยู่ตรงสี่แยกใกล้ๆกับสำนักงานใหญ่ของกูเกิ้ลแล้วถูกรถที่แล่นตามหลังมาชนท้าย

“พอเราจอด รถคันหนึ่งก็ชนท้ายเราด้วยความเร็ว 17 ไมล์/ชั่วโมง คนขับรถคันนั้นไม่แตะเบรกเสียด้วยซ้ำ” เจ้าหน้าที่ของกูเกิ้ลคนหนึ่งกล่าว

กูเกิ้ลกล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พนักงานทั้งสามคนที่อยู่บนรถมีอาการเคล็ดขัดยอก พวกเขาไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลและถูกปล่อยตัวให้กลับมาทำงานตามปกติ

ส่วนคนขับรถที่ขับมาชนท้ายก็บ่นว่าปวดต้นคอและหลัง

(หมายเหตุ: ความจริงรถที่ไม่ต้องมีคนขับก็อาจจะอยู่ไม่ไกลนักเพราะตอนนี้เรามีกูเกิ้ลแม็ป มีระบบเนวิเกเตอร์ มีระบบเบรกฉุกเฉิน มีระบบหมุนพวงมาลัยแบบกึ่งโอโต มีระบบครูซคอนโทรล มีระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน (จากเรื่องที่ลงเมื่อวาน) ฯลฯ แค่ทำการเชื่อมต่อระบบต่างๆเข้าด้วยกันก็น่าจะเวิร์คแล้ว ใช่มั้ย...ฟังดูง่ายดีเน้อ)

ขอขอบคุณภาพจาก: Wikipedia Commons /Google  self driven car at the Googleplex

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: รถแห่งโลกอนาคต

รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองอยู่ไม่ไกลเกินฝัน

รูปแทน

ในขณะที่เรากำลังรอให้กูเกิ้ล หรือแอ๊ปเปิ้ลผลิต ‘โรบ็อตเคลื่อนที่’ ที่จะทำให้คนขับถูกตัดออกไป ผู้ผลิตรถแบบเดิมๆก็เอาเทคโนโลยีใหม่ๆที่น่าสนใจมาใส่ในรถของตนอย่างเงียบๆ ทำให้รถในยุคปัจจุบันก็เจ๋งเช่นกัน

เมื่อเร็วๆนี้หน่วยงานของรัฐบาลซึ่งดูแลด้านรถยนต์ก็เพิ่งออกมาประกาศว่าผู้ผลิตรถใหญ่ๆทุกรายตกลงที่จะติดตั้งระบบเบรกเออีบี (AEB = automatic emergency braking system = เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถทุกรุ่นในปี 2022

เป็นที่รู้กันว่าระบบเบรกเออีบี เป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (รถอัตโนมัติ) และในปัจจุบัน รถยนต์ที่ผลิตในอเมริกาเหนือประมาณ 3% ติดตั้งอุปกรณ์ชิ้นนี้ไปแล้ว ส่วนรถที่ผลิตในยุโรปติดตั้งไปมากกว่า 3%  คาดกันว่า รถที่ติดตั้งระบบนี้จะเพิ่มสูงกว่า 3% อย่างรวดเร็ว

ระบบเบรกเออีบีจะทำงานเมื่อเซ็นเซอร์พบว่ารถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป โดยคำนวณจากพื้นฐานของความเร็วของรถคันหน้าและคันหลัง

เมื่อเซ็นเซอร์พบว่ารถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป มันจะส่งเสียงบี๊บๆหรือสัญญาณเตือนภัยอื่นๆมาบอกคนขับ ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้น คนขับไม่ทำอะไรเลย คอมพิวเตอร์จะเข้ามาควบคุมการทำงาน และจะเบรก - หนักเบาเท่าที่จำเป็น - เพื่อป้องกันการชน ระบบส่วนใหญ่ที่ใช้ในปัจจุบันจะหยุดรถเมื่อรถแล่นด้วยความเร็วต่ำกว่า 35 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือประมาณนั้น แต่มันคงทำงานในความเร็วที่สูงกว่านี้เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น

นอกจากนี้ ในปัจจุบันก็ยังมีระบบอัตโนมัติอื่นๆที่ติดมากับรถ เช่นระบบเตือนการเปลี่ยนเลนซึ่งจะเตือนคนขับว่าคุณกำลังขับเข้าไปในเลนของคนอื่น และระบบอีเลคโทรนิคมอนิเตอริ่ง โดยระบบนี้จะเห็นรถที่คนขับอาจจะมองไม่เห็นจากจุดอับสายตาในกระจกมองหลัง ระบบทั้งสองจะเตือนคนขับว่ารถอยู่ในสภาวะที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุ

เบ็นซ์ บีเอ็ม อินฟินิติ (บริษัทลูกของนิสสัน) เทสล่า (รถที่ขับเคลื่อนดัวยพลังงานไฟฟ้า) มีระบบพวงมาลัยกึ่งอัตโนมัติ (limited forms of automated steering) เป็นออฟชั่น ส่วนคาดิแลค (ของจีเอ็ม) จะมีฟิเจอร์ใหม่เรียกว่า “ซูเปอร์ครูซ” ซึ่งจะทำให้คนขับสามารถปล่อยมือจากพวกมาลัยและยกเท้าออกจากคันเร่งตอนใช้ระบบครูซคอนโทรลบนไฮเวย์

แต่ในสภาพถนนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คงจะยังอีกนานกว่าระบบเหล่านี้จะทำให้รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองจากจุดเอไปยังจุดบีโดยไม่มีอินพุดจากคน มันคงต้องใช้เวลาอีกหนึ่งหรือสองทศวรรษกว่าจะมีรถที่สามารถขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เทคโนโลยีที่กำลังจะมาในเร็วๆหรือที่กำลังแพร่หลายอยู่ในขณะนี้จะทำให้รถหลายยี่ห้อกลายเป็นรถกึ่งอัตโนมัติและช่วยทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เพราะโดยทั่วไป คอมพิวเตอร์จะควบคุมรถได้ดีกว่าคน

บรรดานักเลงรถอาจคร่ำครวญเมื่อเห็นว่ามันเหมือนกับโรบ๊อตกำลังเข้ามายึดครองรถ แต่การนำเทคโนโลยี – มาทำงานแทนบางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์ต้องทำในตอนนี้ – มาใช้ก็ดีและมีความสำคัญไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็คือดีสำหรับคนขับรถที่อายุมาก เพราะเทคโนโลยี – ซึ่งสามารถลดความผิดพลาดของมนุษย์ - อาจทำให้คนขับที่อายุมากขับรถได้ยาวนานยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นภัยต่อตัวเองและคนอื่นน้อยลง

นอกจากนั้นผู้ปกครองหลายๆคนก็อาจจะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อรถที่สามารถตัดสินใจแทนการตัดสินใจผิดๆของนักซิ่งวัยรุ่น โดยจะหมุนพวงมาลัยและแตะเบรก พาพวกเขากลับมายังจุดที่ปลอดภัย

สำหรับบริษัทเทคโนโลยี - ซึ่งน่าจะเป็นคนปฏิวัติวงการรถยนต์ – นั้น พวกเขายังตามหลังผู้ผลิตรถยนต์หน้าเก่าอีกไกล...ไกลเกินกว่าคนทั่วไปจะรู้ ถึงแม้แอ๊ปเปิ้ลและกูเกิ้ลจะมีแผนกรถยนต์และมีพนักงานไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่ว่าบริษัททั้งสองจะสร้างรถยนต์ พวกเขาน่าจะเขียนโปรแกรมเชื่อมต่อและพยายามขายให้กับผู้ผลิตรถยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โปรแกรมดังกล่าวอาจมีฟีเจอร์สำหรับขับเคลื่อนรถอัตโนมัติรวมอยู่ด้วย

สรุปว่าถึงแม้จะไม่มีแอ๊ปเปิลหรือกูเกิ้ล รถขับเคลื่อนอัตโนมัติก็จะมาแน่...เพราะตอนนี้โรบ๊อตมีอยู่ทุกแห่ง

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons / infiniti M56S / by IFCAR

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องขำๆของโจร ตอน: ทำบัตรตกไว้ให้เหยื่อดูต่างหน้า

มอบยาแล้วรูดทรัพย์



นังวายร้ายจากนอร์ท โคโรไลน่าถูกจับข้อหารูดทรัพย์

บรีตตานี่ นิโคล ฮับบาร์ด ถูกจับเพราะเป็นผู้ต้องสงสัยว่าหิ้วผู้ชายจากบาร์ไปรูดทรัพย์เขาหลังจากที่เขาม่อยหลับไปในบ้านของตัวเอง

สาวสวยจากนอร์ท คาโรไลน่า ซึ่งถูกกล่าวหามอมยาแล้วรูดทรัพย์ผู้ชายคนหนึ่งที่เจอกันในบาร์ ถูกตำรวจจับได้แล้วเพราะเธอลืมเอกสารสำคัญเอาไว้ให้เหยื่อดูต่างหน้า

เมื่อเวลาเที่ยงคืนสี่สิบแปดนาทีของวันที่ 1 ตุลาคม บรีตตานี่ นิโคล ฮับบาร์ดเจอกับเหยื่อที่บาร์บลู ไมอามี่ ในฟอร์ท ลอร์เดอร์เดล ข่าวไม่ได้รายงานว่าเหยื่อหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เขาคงใส่เฟอร์นิเจอร์เพียบ

คนทั้งสองสบตากันแล้วความสัมพันธ์ก็พัฒนาขึ้น พวกเขาดื่มกันสองสามแก้ว เธอบอกเขาว่าเธอชื่อ “โอลีเวีย”

จากนั้น เพื่อนของเหยื่อก็พาเหยื่อและเธอมาส่งที่บ้านของผุ้เสียหาย

เหยื่อให้การกับตำรวจว่าพวกเขาดื่มกันต่อในห้องนอนของเขา ระหว่างนั้นโอลีเวียก็นวดให้เขา พวกเขาดื่มไปนวดไปจนถึงประมาณตีหนึ่งครึ่ง เขาจำได้ว่าเครื่องดื่มแก้วหนึ่งมีรสชาติตลกๆ จากนั้นเธอก็ออกไปจากห้อง ส่วนเขาก็ม่อยหลับไป

เขาตื่นขึ้นมาตอนหกโมงครึ่งแล้วพบว่าโอลิเวียหายไปแล้วพร้อมกับเงินสดและทรัพย์สิน รวมมูลค่า 5280 ดอลลาร์

ของที่หายไปก็มีนาฬิกาหรูหนึ่งเรือน มีแล็ปท็อปหนึ่งเครื่อง มีโทรศัพท์มือถือและเงินสดอีก 180 เหรียญ

เพื่อนที่พาเหยื่อและโอลีเวียไปส่งที่บ้านโทรมาหาเหยื่อในเวลาต่อมา เขาบอกว่าเขาเจอใบขับขี่และบัตรเดบิทของฮับบาร์ดซึ่งออกให้ที่นอร์ท คาโรไลน่าในรถ

เหยื่อระบุตัวของฮับบาร์ดจากภาพถ่ายได้อย่างถูกต้อง

ฮับบาร์ดถูกจับตามหมายจับเมื่อวันที่ 17 เมษายน ในไอร์เดลล์ เคาน์ตี้ นอร์ท คาโรไลน่า สำนักงานนายอำเภอเมืองโบรวาร์ดเอาตัวเธอกลับมาที่เมืองโบรวาร์ดเมื่อวันจันทร์ แล้วเธอก็ประกันตัวออกไปในวันอังคาร

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: เรื่องขำๆของโจร ตอน: ขโมยอ่านหนังสือไม่ออก

๑ ขโมยอ่านหนังสือไม่ออก

รูปแทน


ถ้าหัวขโมยเป็นเหมือนนายคนนี้  บริษัท รปภ.คงเจ๊งกันหมด

เมื่อเจอปัญหากล้วยๆ –  เช่นประตู – นักย่องเบามือใหม่ ซึ่งพยายามจะงัดเข้าไปในบาร์ในชิกาโก ก็ทำอะไรไม่ถูกเอาเสียงั้น

เขาดึง ดึง และพยายามอย่างสุดแรงเกิดเป็นเวลาเจ็ดนาทีเต็มๆ – ทั้งๆที่ประตูก็ไม่ได้ล็อค -  แต่ไม่ว่าจะดึงยังไง ประตูก็ไม่เปิด

เพราะประตูบานนี้ต้องดัน!!!

ในวีดีโอ ขโมยคนนี้ตัดสายยูที่คล้องอยู่ที่ประตูหน้าร้านไปแล้วและเปิดล็อคประตูไปแล้วเช่นกัน

“ถ้าดูในวีดีโอ มันตลกกว่านี้ ดูจากภาพนิ่ง จะเห็นว่าเขากำลังดึงประตู” โจ ลิม เจ้าของร้านชามเบิล ซึ่งเป็นเป้าหมายของขโมยกล่าว “เขาควรจะดันมัน”

ในซีนในวีดีโอ ที่เหมือนตัดออกมาจากหนังเรื่องสามเกลอหัวแข็ง จะเห็นว่าบนประตูมีสติ๊กเกอร์คำว่า ‘ดัน’ ติดอยู่อย่างชัดเจน

๒ โดนซิวหลังจากโทรไป 911 ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หญิงคนหนึ่งถูกจับหลังจากโทรไป 911 เพื่อให้มาจับญาติของเธอ เหตุเกิดที่เมืองเกลมองต์ รัฐฟลอริด้า

เมื่อวันอังคารสัปดาห์ที่แล้ว นายอำเภอเมืองเลค เคาน์ตี้ได้รับโทรศัพท์จากบ้านหลังหนึ่งที่เพทรูส์ เลน

เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ เอลิซาเบต เดบบี้ โลเปซ ก็ร้องเรียนว่าญาติของเธอมายุ่งกับกระเป๋าสตางค์ของเธอ ในกระเป๋ามีบัตรเครดิตอยู่ข้างใน แล้วไม่ได้วางเอาไว้ที่เดิม เธอจึงอยากให้ตำรวจจับญาติของเธอ

ตำรวจบอกโลเปซว่านี่ไม่ใช่คดีอาญา เป็นคดีแพ่ง ต้องไปฟ้องร้องกันเอง

แต่โลเปซไม่ฟัง เธอขู่ว่าจะโทรไป 911ถ้าตำรวจไม่จับญาติของเธอ

ตำรวจบอกโลเปซว่าพวกเขาชี้แจงจบแล้ว และจะเดินทางกลับ แต่ไม่ทันจะลับหลัง โลเปซก็โทรไป 911 ตำรวจก็เลยจับเธอด้วยข้อหาโทรไปก่อกวนตำรวจ

โลเปซถูกปล่อยตัวไปหลังจากวางเงินประกัน  500 ดอลลาร์

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:นักท่องเที่ยวระวังถูกปรับเพราะดื่มน้ำบนเกาะอีบีซ่า

อังกฤษเตือนนักท่องเที่ยวระวังถูกปรับ





หน้าร้อนนี้ นักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวเกาะอีบีซ่า ประเทศสเปนอาจถูกปรับ  750 ยูโรถ้าดื่มน้ำ – ถึงแม้จะเป็นน้ำเปล่า  - ตามถนน

สภาท้องถิ่นของซาน อันโตนิโอกำลังพิจารณาออกกฎหมายเพื่อทำให้ตำรวจควบคุมการดื่มได้ง่ายขึ้น

สมาชิกสภาเมืองซาน อันโตนิโอคนหนึ่งเปิดเผยว่า “มันยากที่ตำรวจจะแยกแยะว่าคนกำลังดื่มน้ำ ดื่มแอลกอฮอล์หรือน้ำอัดลม จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายห้ามการดื่มทั้งหมด”

“แน่นอน ทุกคนยังดื่มเครื่องดื่มบนระเบียงของร้านอาหารหรือของบาร์ได้ แต่จะเอาเครื่องดื่มออกมานอกร้านไม่ได้”

มีคนแย้งว่ากฎหมายฉบับนี้อาจทำให้คนจำนวนหนึ่งเกิดสภาวะขาดน้ำเพราะอุณหภูมิในฤดูร้อนอาจร้อนจนตับแตกได้

ข่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคป๊อปปูลาร์ ปาร์ตี้คนหนึ่งกล่าวว่า “มันเป็นไปไม่ได้ และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ เราพร้อมที่จะอภิปรายเพื่อแก้ไขกฎหมายท้องถิ่นบางมาตราแต่ไม่ใช่เรื่องนี้แน่”

ในขณะเดียวกัน คนท้องถิ่นคนหนึ่งกล่าวว่า “คุณออกจากบ้าน ในเวลาที่อากาศร้อนแบบไม่ปรานีปราศรัย โดยไม่ถือน้ำติดไม้ติดมือไปสักขวดไม่ได้หรอก เพราะมันอาจมีคนตายได้”

กฎหมายฉบับนี้ยังต้องผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการต่อไป แต่ดูเหมือนมันจะลื่นปรี๊ดๆ ไปอย่างสะดวกโยธิน

คนที่ทำผิดจะถูกปรับ 750 ยูโรและอาจเพิ่มสูงถึง 3000 ยูโรถ้าทำผิดร้ายแรงหรือทำผิดซ้ำๆ

หมายเหตุ - อีบีซา เป็นเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อยู่ห่างจากเมืองบาเลนเซีย 79 กิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของหมู่เกาะแบลีแอริก และเป็นเขตปกครองตนเอง

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : Wikimedia Commons  /photo descript:  sea view, Ibiza Spain / author Athinaf

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องตลกๆของโจร ตอน แพ้อุปกรณ์ไฮเทค

โจรแพ้อุปกรณ์ไฮเทค?


รูปแทน

เพียงไม่กี่วันตำรวจใช้เทคโนโลยี่ของอินเตอร์เน็ตปิดคดีได้สองคดี

คดีแรกเกิดขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วเมื่อตำรวจใช้ฟิเจอร์ ออนสตาร์ ที่ติดอยู่ในรถเช่าติดตามตัวและจับกุม นอนเตอเรส คริสโตเฟอร์ ฮอลลีส ชาวเมืองฮอว์โทม ได้โดยละม่อม

ตำรวจแถลงว่าฮอลลีสขโมยรถเชฟโรเลท อิมพาลาของบริษัทให้เช่ารถเอวิสที่เขาทำงานอยู่แล้วขับไปปล้นร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยใช้ปืนขู่แคชเชียร์อย่างอุกอาจ

ตำรวจรู้การเคลื่อนไหวของฮอลลีสจากกล้องซีซีทีวีและระบบออนสตาร์บนรถเช่าที่ฮอลลีสเอามาใช้

เขาถูกตำรวจตั้งข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน

คดีที่สองเกิดขึ้นในเมืองเกรนวิลล์ เมื่อเวลา 8.30น.ของวันศุกร์ที่ผ่านมา

ในขณะที่คุณแม่อธิการของโบสถ์ยูไนเต็ม เชิร์ซในเมืองเกรนวิลล์กำลังอยู่ในโบสถ์ คุณแม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตู เมื่อคุณแม่เดินไปดู ท่านเห็นชายคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีไป

ลูกจ้างคนอื่นๆที่มาทำงานเห็นชายคนนั้นเข้าไปในรถบูอิคสีแดงที่จอดอยู่ในลานจอดรถของโบสถ์แล้วขับออกไป

เมื่อรู้ว่าเตาอบไมโครเวฟและโทรศัพท์ไอโฟนหายไป พวกเขาจึงโทรไปแจ้งตำรวจ

เพราะโทรศัพท์ที่ถูกขโมยไปติดตั้งแอป “ฟายด์ มาย ไอโฟน” ตำรวจจึงรู้ว่าโทรศัพท์อยู่ที่ไหน (แอปสำหรับตามหาโทรศัพท์มีหลายแอป เช่น ฟายด์ มาย แอนดรอยด์, ฟายด์ มาย ลอสท์ โฟน ฯลฯ ถ้าจำไม่ผิดโหลดฟรีนะ)

ตำรวจจึงรุดไปยังบ้านเลขที่ดังกล่าว เมื่อไปถึง พวกเขาเจอรถบูอิคสีแดงและชายที่ตรงกับรูปพรรณสัญฐานที่พยานระบุว่าเห็นที่โบสถ์เมื่อเช้า

ชายคนนั้นชื่อคริสโตเฟอร์ แอล ดูแคน อายุ 34 เป็นชาวเมืองเกรนวิลล์ และพบไอโฟนที่ถูกขโมยมาอยู่ในรถให้ตำรวจเห็นตำตา

เจ้านายของดูแคนบอกตำรวจว่าก่อนหน้านี้ดูแคนก็จะเอาเตาอบมือสองมาขายให้เขา

เมื่อตำรวจจับดูแคน ตำรวจพบกุญแจโบสถ์พวงหนึ่ง เขาถูกตั้งข้อหาย่องเบา ลักเล็กขโมยน้อย ตำรวจตั้งเงินประกันไว้ที่ 57500 ดอลลาร์

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาดูแคนก็ยังอยู่ในคุก

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:แม่เจ้า หนุ่มเมา ขับรถชนเฮลิคอปเตอร์

หนุ่มเมาขับรถชนเฮลิคอปเตอร์

รูปแทน


เฮลิคอปเตอร์รับส่งผู้ป่วยลำหนึ่งถูกรถชนขณะกำลังจะพาชายเดินถนนคนหนึ่ง ซึ่งถูกรถชน ไปส่งโรงพยาบาล

แหล่งข่าวจากตำรวจทางหลวงฟลอริด้าเปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณตีสองของวันที่ 26 เมษายน
เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวกำลังจอดอยู่กลางไฮเวย์หมายเลข 192 เพื่อรับตัวคนเจ็บ

ขณะลงจอด มีรถฉุกเฉินหลายคันจอดขวางทางเอาไว้เพื่อไม่ให้รถคันอื่นเข้าไปถึงเฮลิคอปเตอร์ แต่รถคันนั้นก็ขับอ้อมมันไปได้

จากนั้น  ก็ไปชนกับใบพัดส่วนหางของเฮลิคอปเตอร์ ทำให้เครื่องบินเสียหายจนต้องลากออกไป

ในรายงานการจับกุม หนุ่มนักซิ่งรายนี้ชื่อคาเมรอน ซันเดอร์ลี่ อายุ 20 เขาบอกกับตำรวจว่าเพิ่งไปกินข้าวที่ร้านร้านอาหารแห่งหนึ่งและกำลังจะกลับบ้าน โดยมีเพื่อนนั่งรถกลับมาด้วย

โชคดีที่หนุ่มน้อยนักซิ่งและเพื่อนไม่ได้รับบาดเจ็บ

ตำรวจเปิดเผยต่อไปว่า เมื่อตำรวจสอบปากคำเพื่อนของคาเมรอน เขา “งงมากว่ามาจากทางไหนและกำลังจะไปทางไหน นอกจากนั้น เขาก็เหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา”

เมื่อไปสอบปากคำซันเดอร์ลี่ ตำรวจบอกว่า”ได้กลิ่นละมุดหึ่งไปหมด”

ซันเดอร์ลี่ปฏิเสธที่จะให้ปากคำใดๆ แต่ยอมให้ตรวจสภาพว่าเมาหรือไม่

ตำรวจกล่าวว่าเ้มื่อให้ซันเดอร์ลี่ยืนตัวตรง เขายืนโงนเงนไปมาแล้วพอถึงจุดหนึ่งก็ขอโทษ “สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น”

หลังจากนั้น เขาบอกกับตำรวจว่า “ผมขอบคุณมากจริงๆที่เอาคนแบบผมออกไปให้ไกลจากถนน”

ซันเดอร์ลี่ถูกจับหลังเกิดอุบัติเหตุไปแล้วสองชั่วโมง เมื่อถูกนำตัวไปฝากขังไว้ที่เรือนจำออเร้นจ์ เคาน์ตี้ ซันเดอร์ลี่จึงยอมให้ตรวจแอลกอฮอล์

เขาเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ .18 มากกว่าสองเท่าที่กฎหมายในฟลอริด้ากำหนด

ส่วนคนที่ประสบอุบัติเหตุก่อนเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้คือโดนัล เวียเธอร์บี เขาได้รับปาดเจ็บสาหัสและมีรถพยาบาลมานำตัวไปส่งโรงพยาบาลต่อไปแล้ว

โดนัลถูกรถจี๊ป -  ซึ่งคนขับเป็นหญิงสาววัย 20 - ชนในขณะที่กำลังข้ามถนนใกล้ๆกับทางแยกใกล้กับดีส นีย์ เวิร์ด

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่