วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องขำๆของโจร ตอน:ขโมยเมืองผู้ดีถูกจับเพราะลืมฟันปลอม

ตำรวจเมืองผู้ดีจับขโมยได้เพราะฟันปลอม



ขโมยเมืองผู้ดีถูกจับเพราะลืมฟันปลอมไว้ในที่เกิดเหตุ

หัวขโมยเฟอะฟะสวาปามไอติม แกล้มเบียร์ตอนงัดเข้าไปขโมยของในบ้านหลังหนึ่ง แล้วลืมฟันปลอมเอาไว้ให้เจ้าของบ้านดูต่างหน้า

ขโมยติดเฮโรอินรายนี้มีนามกรว่า จัสติน สแตนฟิลด์ อายุ 38 เขาเมาแประจนลืมฟันปลอมเอาไว้ในบ้านของเหยื่อในเมียฟิลด์  ยอร์คชายน์  

เจ้าของบ้านในเมืองยอร์คชายน์รายนี้คือ สตีเวน พิกเกิลส์ เขาเจอฟันปลอมของจัสตีน สแตนฟิลด์ตกอยู่ข้างตู้เย็นหลังจากจัสตินงัดเข้าไปขโมยของแล้วหลายวัน

ก็เพราะฟันปลอมนี่แหละทำให้ตำรวจสามารถจับสแตนฟิลด์ได้

จัสติน ถูกตำรวจจับหลังจากสตีเวน เจอฟันปลอมตกอยู่ข้างตู้เย็นในโรงรถหลายวันหลังเกิดเหตุ

จากการสอบสวน ในวันที่เกิดเหตุ สิงห์เฮโรอีนรายนี้เมาจนจำไม่ได้ว่าเขาถอดฟันปลอมออกมาวางไว้

“พอถูกขโมยขึ้นบ้าน ผมก็ไปแจ้งตำรวจ แล้วสองสามวันต่อมา เมื่อผมเข้าไปในโรงรถก็เจอฟันปลอมตกอยู่ข้างตู้เย็น”

ผมเก็บมันเอาไปเก็บไว้ในตู้พร้อมกับอยากจะอ้วกแล้วโทรไปบอกตำรวจ

สแตนฟิลด์ สารภาพกับตำรวจว่าเข้าไปขโมยของเพื่อหาเงินไปซื้อเฮโรอีน เขาถูกศาลตัดสินจำคุก 16 เดือน

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ขายหัวเราะฉบับฝรั่ง

โฮๆๆๆ อ่านแล้ว หัวเราะแบบฝรั่งด้วยนะ





เพื่ออรรถรสในการอ่าน ขอเปลี่ยนชื่อตัวละครเป็นไทยๆนะครับ

หมากัด
บักจ่อยเดินเข้าไปในร้านขายสัตว์เลี้ยงแล้วเห็นสุนัขตัวเล็กๆน่ารักตัวหนึ่ง
บักจ่อย “หมาคุณกัดมั้ยครับ”
เจ้าของร้านตอบ “หมาฉันไม่กัดหรอก”
บักจ่อยเอื้อมมือไปลูบหัวสุนัข “โอ๊ย” จ่อยร้อง
บักจ่อย “ไหนคุณว่าหมาคุณไม่กัดไงล่ะครับ” บักจ่อยถามเจ้าของร้าน
เจ้าของร้าน “ตัวนั้นไม่ใช่หมาของฉัน”

อย่าให้เธอชนะ
บักจ่อย “ฮัลโหล 911 ใช่มั้ยครับ ผมต้องการความช่วยเหลือครับ”
911 “ช่วยอะไรล่ะ”
บักจ่อย “ผู้หญิงสองคนกำลังตบตีกันเพื่อแย่งผมครับ”
911 “แล้วมันด่วนยังไงเหรอ”
บักจ่อย “คนที่หน้าตาน่าเกลียดชนะครับ”

คำถามคณิตศาสตร์
บักจ่อยกับครูอังคณา
ครูอังคณา “ถ้าเธอมีเงิน 10บาท แล้วเธอขอพ่อเธออีก 5 บาท เธอจะมีเงินเท่าไหร่”
บักจ่อย “ 5 บาทครับ”
ครูอังคณา “เธอไม่รู้จักเลขเลยนะ จ่อย”
บักจ่อย “ครูก็ไม่รู้จักพ่อผมเหมือนกันครับ”

กลัวโง่คนเดียว
ครูอังคณา “ใครคิดว่าตัวเองโง่ ยืนขึ้น”
ไม่มีนักเรียนคนไหนยืน
ครูอังคณา “ครูแน่ใจว่าต้องมีคนโง่ในนี้แน่ๆ”
บักจ่อยลุกขึ้นยืน
ครูอังคณา “จ่อย เธอคิดว่าเธอโง่เหรอ”
บักจ่อย “เปล่าครับ แต่ผมกลัวครูจะเหงาเพราะยืนอยู่คนเดียว”

ช้างกับผู้ชาย
เมื่อช้างเชือกหนึ่งเดินไปเจอผู้ชายไม่นุ่งผ้าคนหนึ่ง คุณคิดว่าช้างจะพูดอะไรกับผู้ชายคนนั้น?
ช้างถามว่า “เกลอ เกลอหายใจทางงวงเล็กๆยังงั้นได้ยังไง?”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ช้างน้อยของเฮอร์คิวลิสหายไปไหน???

ฮีโร่ในอดีตได้ช้างน้อยแบบถอดได้

รูปแทน

ฮีโร่ในอดีตได้ช้างน้อยแบบถอดได้เพราะช้างน้อยที่เคยติดอยู่กับที่ถูกจับบ่อย

เฮอร์คิวลิสอาจจะเป็นฮีโร่ที่ความเป็นเอกบุรุษมากที่สุดในตำนาน แต่เขามีปัญหาเกี่ยวกับช้างน้อย

รูปปั้นของฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลในตำนานตัวหนึ่งมีช้างน้อยแบบถอดเข้าออกได้เพราะคนชอบขโมยช้างน้อยที่ติดมาแต่เดิม

เราอาจจะรู้ว่าเฮอร์คิวลิสเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ของกรีกและเป็นสุดยอดของเอกบุรุษซึ่งทำให้ผู้หญิงห้าสิบคนท้องได้ในคืนเดียว

แต่ประติมากรรมตัวล่ำบึ้กตัวนี้ถูกนักท่องเที่ยวเล่นตลกด้วยบ่อยๆ

เพราะบ่อยครั้งที่มีคนเห็นรูปปั้นสูง 3 เมตรของฮีโร่ – ที่รู้จักกันว่านี่คือรูปปั้นของเฮอร์คิวลิสในตำนานของกรีก – ไม่มีช้างน้อย

มันทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องของสวนสาธารณะในเมืองอาร์กาฌอง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ต้องใช้สมองอย่างหนัก

แล้วพวกเขาก็ได้ไอเดียอันบรรเจิด นั่นคือการทำช้างน้อยแบบถอดเข้าออกได้ โดยจะเอามาใส่เฉพาะเมื่อมีโอกาสพิเศษหรือมีงานพิธีเท่านั้น

นายกเทศมนตรีเมืองอาร์กาฌองกล่าวว่า “ทุกคน แม้แต่ศัตรูชองผม ก็คงเห็นว่ารูปปั้นมีตำหนิตรงไหน”

รองนายกเสริมว่า “แทนที่จะให้เฮอร์คิวลิสมีช้างน้อยที่บอบบาง เราเลือกช้างน้อยที่ถอดได้ ซึ่งเราจะอามาใส่ก่อนมีเทศกาลต่างๆ”

ตอนที่รูปปั้นถูกเอามาตั้งไว้ในสวนสาธารณะ ปาร์ค โมแรสก์ ในปี 1948 มันถูกวิจารณ์ทั้งในด้านบวกและลบอย่างกว้างขวาง ก้อบรรดาสาวแก่แม่หม้ายต่างตกตะลึงเพราะขนาดของช้างน้อยของมัน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นประเด็นที่ฮ็อตฮิตในโซเซียลเมื่อนักท่องเที่ยวชอบเอารูปที่ถ่ายกับมันมาแชร์กัน

ปฏิมากร โกลด บุสโก เหลาช้าวน้อยให้สั้นลงแล้วสองครั้งเพราะคนในเมือง ซึ่งมีประชากร 12000 คน พูดถึงมันว่า “ใหญ่จนพูดไม่ออก”

เฮอร์คิวลิส แต่งงานสี่ครั้ง และขึ้นชื่อในเรื่องปฏิบัติการบนเตียง

เรื่องที่จำกันได้ดีเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องตอนที่เขาพักอยู่ในวังของกษัตริย์เธปิอุส และกษัตริย์เธปิอุส ขอให้เขาฆ่าสิงโตซินธารอน

เพื่อตบรางวัล กษัตริย์จึงให้โอกาสเฮอร์คิวลิสมีความสุขกับธิดาของพระองค์ – ซึ่งมีทั้งหมดห้าสิบคน – ในคืนเดียว

เฮอร์คิวลีสสนองตอบต่อคำบัญชา แล้วบุตรสาวทั้งห้าสิบคนของกษัตริย์ก็ตั้งท้องและกำเนิดบุตรชายทั้งหมด

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons / author: Sailko / Description: 
Pieter paul rubens, ercole e i leone nemeo

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่







วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:สลด...มีคนเสียชีวิตในการแข่งขันลอนดอน มาราธอน (2)

ฟังคำอำลาอาลัยของแฟนสาวของผู้เสียชีวิต

รูปแทน

สาวคนสนิทของนักกีฬาที่ลงแข่งลอนดอน มาราธอนกล่าวว่า “การตายของเขาทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ไว้ในชีวิตของเรา”

สาวคนสนิทของชายซึ่งเสียชีวิตระหว่างการแข่งขันลอนดอน มาราธอนพูดถึงความโศกเศร้าจากการเสียชีวิตของเขา

ชายอาภัพรายนี้ชื่อ เดวิด ซีท เขาล้มลงขาดใจตายในขณะที่ยังเหลืออีกแค่สามไมล์ก็จะถึงเส้นชัยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สาวคนสนิทของเขา เกบี้ โชเนนเบเกอร์ อายุ 29 กล่าวถึงการเสียชีวิตนของเดวิดว่า “ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่” ในชีวิตของเธอและครอบครัวของเขา

เดวิด เป็นทหาร เป็นหัวหน้าหน่วย เขาลงวิ่งเพื่อหาเงินบริจาคให้กับทหารผ่านศึก”เฮล์พ ฟอร์ ฮีโร่” ซึ่งขณะนี้ได้เงินบริจาคเพื่อเป็นการระลึกถึงเขาสูงถึง 140000 ปอนด์แล้ว

ตอนแรกเขาตั้งเป้าว่าจะหาเงินบริจาคให้ได้แค่ 200 ปอนด์เท่านั้น

เกบี้โพสต์ในโซเซียล มีเดียว่า “ฉันยังอธิบายไม่ได้ว่าความเจ็บปวดที่ฉัน ครอบครัวของเดวิดและเพื่อนของเขา ได้รับในตอนนี้เป็นอย่างไร”

“มันไม่มีเหตุผล ทำไมคนอย่างเขาจึงต้องจากไปอย่างโหดร้าย แล้วทิ้งหลุมดำขนาดใหญ่เอาไว้ในชีวิตของเรา”

“ฉันไม่รู้ว่าเราจะกลบหลุมนั้นได้อย่างไร จะผ่านมันไปได้หรือจะจัดการกับมันอย่างไร แต่ฉันก็อยากขอบคุณความช่วยเหลือของพวกคุณ มันเหมือนผ้าห่มให้กับเราในช่วงเวลาที่ดำมืดเช่นนี้”

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:สลด...มีผู้เสียชีวิตในการแข่งขันลอนดอน มาราธอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เกิดเหตุสลดในการแข่งขันลอนดอน มาราธอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว






ในการแข่งขันลอนดอน มาราธอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีผู้เข้าแข่งขันรายหนึ่งเสียชีวิตเพราะหัวใจหยุดเต้นทั้งๆที่ยังเหลืออีกแค่สามไมล์ก็จะถึงเส้นชัย (อ่านรายละเอียดของนักกีฬาที่เสียชีวิตรายนี้ในวันพรุ่งนี้)

นักกรีฑารายนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากหัวใจวายเมื่อพวกเขากำลังจะถึงจุดเช็คระยะทาง 23 ไมล์

เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นที่ถนนอัปเปอร์ เทมส์ สตรีทเมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงยี่สิบนาที

ตำรวจหลายสิบนายและหน่วยแพทย์ฉุกเฉินรีบเข้าไปช่วยนักกีฬา

โฆษกของลอนดอน แอมบูแลนซ์ เซอร์วิสเปิดเผยว่า “เมื่อเวลา 13.24 น. มีคนแจ้งว่ามีนักกีฬาคนหนึ่งหัวใจหยุดเต้นบนถนนอัปเปอร์ เทมส์ สตรีท

“เราจึงส่งเจ้าหน้าที่และแพทย์ที่ปรึกษาท่านหนึ่งไปยังที่เกิดเหตุ”

“เราพบผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการหัวใจล้มเหลวจึงพยายามช่วยชีวิตและรีบพาไปส่งที่โรงพยาบาลเซ็นต์ เจมส์”

แอมบูแลนซ์ เซอร์วิส คาดว่าวันพรุ่งนี้ (วันที่ 25 )จะประกาศตัวเลขของคนที่โทรเข้ามาขอความช่วยเหลือระหว่างการวิ่งมาราธอนคราวนี้

ในปี 2012 ผู้เข้าแข่งขันลอนดอน มาราธอนคนหนึ่งก็เสียชีวิตก่อนจะถึงเส้นชัยไม่ถึงหนึ่งไมล์

ผู้เสียชีวิตในปี 2012 คือ แคลร์ เอสควายส์ อายุ 30 เพศหญิง อาชีพ แฮร์ สไตลิสต์ (ช่างทำผม) เธอหัวใจวายที่เบิร์ดเกท ว็อกค์ ใกล้กับเซ็นต์ เจมส์ ปาร์ค เมื่อวิ่งมาถึงช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน

พยานหลายคนเล่าว่าเห็นเธอวิ่งช้าลง แล้วเอามือจับหน้าอกและล้มลง


หลังการเสียชีวิตของแคลร์ ก็มีคนหลั่งไหลเข้าไปบริจาคในเว็บเพจ จัสท์กิ๊ฟวิ่ง ของเธอมากกว่าหนึ่งล้านปอนด์ โดยมีบุคคลดังๆเช่นเซอร์ ริชาร์ด บรานสัน และ ปีเตอร์ โจนส์ ควักกระเป๋าบริจาคด้วย

ข่าวชิ้นหนึ่งรายงานว่าเธอกินยากระตุ้น (ซึ่งตอนนี้ถูกสั่งห้ามไปแล้ว) เพื่อช่วยให้เธอวิ่งไปถึงเส้นชัย

ยาตัวนี้มีส่วนผสมของดีเอ็มเอเอ (dimethylamylamine (DMAA)) ซึ่งถูกสำนักงานมาตรฐานอาหารห้ามใช้เพราะมีผลข้างเคียง คือทำให้ความดันสูง คลื่นไส้และเลือดออกในสมอง

เมื่อสองปีที่แล้ว นักกรีฑาคนหนึ่งก็เสียชีวิตที่เส้นชัยในการแข่งลอนดอน มาราธอน

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ชายใจดีไล่จับโจรไปถึงผับเลยเลี้ยงเหล้าโจรเสียเลย

หนุ่มใหญ่ใจดีไล่จับโจรแล้วเลี้ยงเหล้าโจรเสียเลย

  

 

เฟรด โฟร์แมน วัย 55 ไล่จับขโมยที่เข้าไปขโมยของในบ้านของตัวเองไปจนถึงผับที่อยู่ห่างจากบ้าน 300 หลา...แล้วซื้อเหล้าเลี้ยงขโมยระหว่างรอตำรวจ

ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจของเทรซี่ ภรรยา ที่เผชิญหน้ากับ อเล็กซานเดอร์ ฮ้อคเกตต์ หัวขโมยต่อเนื่อง ซึ่งงัดเข้าไปในบ้าน โฟร์แมนก็มิรีรอวิ่งไล่กวดตามไปทันที

เมื่อโฟร์แมนเห็นขโมยวิ่งเข้าไปในผับแห่งหนึ่งในบูรี่ เซ็นต์ เอ็ดมันด์ส เมืองซูลฟอร์ค  เขาจึงตามเข้าไป
พอถูกจับ ฮ้อคเกตต์บอกโฟร์แมนว่าเขาเป็นคนไร้บ้าน สุดท้ายโฟร์แมนก็สั่งเหล้ามากินด้วยกัน

ภรรยาของโฟร์แมน วัย 52 โทรแจ้งตำรวจ ตำรวจจึงมาจับฮ้อคเกตต์

ฮ้อคเกตต์เพิ่งออกจากคุกเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนหน้านี้ เขาเคยทำผิดมาแล้วถึง 128 คดี นอกจากนั้น ก็เคยมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด เคยถูกจำคุก 18 เดือนในปี 2004 จำคุก 4 ปีในปี 2009 และ 4 ปีในปี 2014

ฮ้อคเกตต์สารภาพว่าเขางัดเข้าไปในบ้านของโฟร์แมนจริง และเมื่อเดือนสิงหาคม ปี  2013 ก็งัดเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในฮาเวอร์ฮิลล์ ซูลฟอร์ด ได้เครื่องเพชรและเงินสด 800 ปอนด์

ผู้พิพากษาตัดสินจำคุกฮ้อคเกตต์เป็นเวลาสี่ปีโดยเอาความผิดในคดีย่องเบาเมื่อเดือนกรกฏาคมและสิงหา 2013 อีก 15 คดีมาพิจารณารวมด้วย

อัยการเมืองซุลฟอร์คชมเชยการกระทำของโฟร์แมนว่ามี ‘ทัศนะคติที่น่ายกย่อง’

“เขาทำยังงั้นเพื่อหาเหตุผลว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้ฮ้อคเกตต์งัดเข้าไปในบ้านของเขาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนปีที่แล้ว” อัยการเสริม

โฟร์แมนยอมรับว่าเห็นใจฮ้อคเกตต์เมื่อได้ยินว่าฮ้อคเกตต์เป็นคนร่อนเร่และสิ้นไร้ไม้ตอก
หลังการพิจารณาคดี โฟร์แมนเล่าว่าตอนแรก “อาดีนาลีนของผมพุ่งปรี๊ด ผมวิ่งไล่กวดเขา ตอนนั้นผมคงโมโหนะ ก็เลยอยากจับเขา”

“วิ่งไปได้ครึ่งทางเขาก็ไปหยุดในสวนหน้าบ้านของใครสักคนแล้วห้ามไม่ให้ผมแตะต้องตัวเขา  ผมถามว่า ‘ทำไม’ เขาตอบว่าเขานอนไม่ค่อยหลับแล้วก็วิ่งต่อไป”

เขาบอกผมว่า “คนแก่ๆคงวิ่งมาราธอนกันแบบนี้ไม่ไหวหรอก” ตอนนั้นเราสองคนหายใจจะไม่ทันกันอยู่แล้ว  ผมก็เลยถามว่า “กินเหล้ากันก่อนมั้ย”

“เราก็เลยเข้าไปในผับแล้วสั่งเหล้ามากินกัน เขาบอกว่าเขาเป็นคนไร้บ้าน ต้องนอนกับดินกินกับทราย ต้องนอนในสวน ผมก็เลยสงสารเขา”

“เขาไม่ใช่คนสำมะเลเทเมา อย่างน้อยในสายตาของผม ก็ไม่ใช่ มันเป็นอาชญากรรมที่โอกาสมันเป็นใจ”

ตอนที่อยู่ในผับ โฟร์แมนได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ ตำรวจบอกให้เขาจับฮ้อคเกตต์ซึ่งไม่มีที่อยู่ที่แน่นอนเอาไว้

“ตำรวจพูดเหมือนผมกำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัวฮ้อคเกตต์หรืออะไรทำนองนั้น แต่เราแค่กำลังนั่งกินเหล้ากัน”

“ตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าเขางัดเข้าไปในบ้านผมเรียบร้อยแล้ว  มันเป็นเรื่องซีเรียส  เป็นแผลในใจ เพราะต่อจากนั้น แค่ผมออกมาสูบบุหรี่นอกบ้าน ภรรยาผมจะล็อคประตู มันเป็นยังงั้นตั้งสามสี่สัปดาห์ มันมีผลกับคุณ ทำให้ระแวง”

โฟร์แมนบอกว่าหลังจากถูกย่องเบาคราวนี้ เขาจึงทำรั้วและประตูบ้านให้แน่นหนาขึ้น

“มันทำให้รู้ว่ามันสำคัญแค่ไหนที่จะล็อคประตูถึงแม้คุณจะอยู่บ้านก็ตาม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่





วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:บีเวอร์จอมโหดบุกเมืองเดากัฟปิลส์

บีเวอร์จอมโหดกัดคนจนเหวอะ





หนุ่มโชคร้าย ซึ่งรู้เพียงว่าชื่อ เซอร์จี้ ในเมืองเดากัฟปิลส์ - เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของลัตเวีย - ถูกบีเวอร์ตัวหนึ่งทำร้ายกลางดึก

เซอร์จี้เล่าว่าขณะที่เขากำลังเดินอยู่บนถนนในเมืองตอนกลางดึก เขาเห็นตัวเงาตะคุ่มๆโผล่ออกมาจากเงามืดแล้ววิ่งเข้ามาหา

เซอร์จี้ไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายจนมันงับขาเขา

เขาเล่าต่อไปว่าเขาพยายามสู้กับมันและสะดุดล้ม ในขณะที่เขาล้มลงนอนกับพื้น บีเวอร์ตัวนั้นก็จ้องเขาด้วยสายตาที่ดุร้ายและกัดเขาอีกเมื่อเขาพยายามที่จะลุก

ภาพที่เห็นก็คือบีเวอร์ตัวน้อยกำลังจับเซอร์จี้เป็นตัวประกัน

ในขณะที่ล้มอยู่บนพื้น เซอร์จี้โทรไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย

เขาบอกว่าถูกสัตว์ฟันหนูทำร้ายแต่พนักงานของหน่วยกู้ภัยไม่เชื่อและคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตที่โทรไปป่วน

พอไม่รู้จะทำยังไง เซอร์จี้จึงโทรไปหาเพื่อน ตอนแรกเพื่อนก็ไม่เชื่อและถามว่าเขายังสติดีอยู่หรือเปล่า แต่ในที่สุด เขาก็สามารถขอให้เพื่อนออกมาช่วยจากสถานการณ์ที่น่ากลัวได้

แต่...แต่ ในขณะที่เพื่อนของเซอร์จี้กำลังเดินทางไปช่วยเซอร์จี้ เขาถูกตำรวจจับเพราะขับรถเร็ว

เพื่อนของเซอร์จี้อธิบายกับตำรวจว่าเขารีบไปช่วยเพื่อนที่กำลังถูกบีเวอร์ตัวหนึ่ง - ไม่ใข่เป็นฝูงเสียด้วยซ้ำ – จับเป็นตัวประกัน แต่ตำรวจไม่เชื่อ

หลังจากจับเพื่อนของเซอร์จี้เป่าครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์เสร็จ ตำรวจก็พาเขาไปยังที่เกิดเหตุอย่างเสียไม่ได้

เมื่อตำรวจไปถึง เซอร์จี้ยังนอนรอความช่วยเหลือ ในขณะที่เจ้าตัวเล็กยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง นอกจากนั้นมันก็ยังหันมาขู่ตำรวจด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรอีกด้วย

ตำรวจก็เอาไม่ไหว จึงโทรไปขอกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่คุ้มครองสัตว์ เจ้าหน้าที่่มาถึงที่เกิดเหตุแล้วเริ่มเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสันติเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน

ในที่สุด เจ้าบีเวอร์ - สัตว์คุ้มครองในลัตเวีย - ก็วิ่งหนีไป และตอนนี้ก็ยังจับตัวไม่ได้

ถือว่าหนุ่มโชคร้ายรอดมาได้ แต่เขาตัวสั่นเป็นลูกนกและต้องเย็บแผลที่ขาสิบห้าเข็ม

ไมฮาล ปูแปง ผู้อำนวยการสวนสัตว์เดากัฟปิลส์ กล่าวว่าในฤดูใบไม้ผลิ บีเวอร์อาจจะดุร้ายมากและอาจจะทำร้ายคน เพราะในฤดุนี้ บีเวอร์ตัวผู้จะออกจากที่อยู่ไปหาบ้านใหม่ ฝูงบีเบอร์จะเดินผ่านเมืองต่างๆทุกวัน ในที่นี้ถ้าพวกมันเจอคนที่คิดว่าจะเป็นอันตราย มันก็จะดุจนถึงจุดที่มีพฤติกรรมผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ ดังเช่นในกรณีนี้

ปูแปงกล่าวว่าถ้าเจอกับบีเวอร์อันธพาล วิธีที่ดีที่สุดก็คือวิ่งหนี หรืออีกอย่างก็คือโยนอะไรบางอย่างออกไปให้ไกลตัวเพื่อหันเหความสนใจของมัน (ยกตัวอย่างเช่นกระเป๋าแอร์เมสของคุณ) หรือ – ดังที่รู้จักกันดี - ก็คือปีนต้นไม้ แต่ต้นไม้ก็อาจเป็นที่หลบภัยจากบีเวอร์ที่ตั้งใจจะเอาคุณให้ตายจริงๆไม่ได้นัก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons / Author: Steve from washington,dc,usa  / Description: he was happily sitting back and munching on something. and munching, and munching...

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เจ้าของภัตตาคารจัดการกับลูกค้าที่รังเกียจพนักงานเสิร์ฟออติสติก

ทีเด็ดที่เจ้าของภัตตาคารจัดการกับลูกค้าที่ไม่ยอมให้พนักงานเสิร์ฟออติสติกให้บริการ


เจ้าของภัตตาคารแห่งหนึ่งในอังกฤษถึงกับช็อกเมื่อลูกค้าไม่ยอมให้เด็กเสิร์ฟที่เป็นออติสติกในภัตตาคารหรูของเขาให้บริการ

ไมค์ เจนนิง - ซึ่งเปิดร้านกรีนาซ ในว็อคเดน เมืองแมนเชสเตอร์ - เปิดเผยว่ามีลูกค้าโต๊ะหนึ่งอิดเอื้อน ไม่อยากให้พนักงานซึ่งเป็นออทิสติก ให้บริการ

“ผมอธิบายกับพวกเขาว่าเด็กของผมเป็นออติสติก พวกเขาแสดงท่าทีว่าไม่ต้องการให้เด็กคนนี้ให้บริการ”

“พวกเขาถามผมว่าทำไมผมถึงให้เด็กคนนี้ทำงานในภัตตาคารหรูๆแบบนี้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”

ไมค์ช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากจนต้องโพสต์ในเฟซบุ๊กของร้าน เขาขอให้คนที่มีทัศนคติแบบเดียวกับลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ต้องมาจองโต๊ะที่ร้านของเขา

โพสต์ซึ่งไมล์ตัดสินใจอยูข้างแอนดี้ (เด็กเสิร์ฟ) มีคนเข้าไปกดไลค์เป็นร้อยๆ

ไมค์และคาเรน - หุ้นส่วน กล่าวว่าพวกเขาไม่พอใจพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้ และรู้สึกว่าเขา ‘ต้องแสดงจุดยืน’ ออกมา

ไมค์กล่าวว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ใจเด็กของเขาแป้วไปจริงๆ เราต้องทำให้เขากลับมา ทำให้เขารู้ว่าเราไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นแน่ๆ”

“สิ่งที่เราต้องการก็คือคนที่มีไฟและความกระตือรือล้น อย่างอื่นเราสอนได้”

หมอพบว่าแอนดี้มีอาการของคนออติสติกเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว

แอนดี้กล่าวว่าเขาเคยถูกเลือกปฏิบัติเพราะเป็นออติสติกมาแล้วหลายครั้ง”

เขาบอกว่า “ผมรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของผมโดยอัตโนมัติและจะเข้าไปแก้ไขเพื่อแก้ตัว ผมคิดเสมอว่าผมต้องขอโทษ”

“เมื่อผมขอโทษลูกค้า เธอแสดงอาการไม่พอใจ”

“ลูกค้าโต๊ะอื่นที่ผมเสิร์ฟให้ทิปเยอะมาก ผมก็เลยรู้ว่ามันไม่ใชความผิดของผม”

“ผมพยายามไม่เอามันมาเป็นเรื่องส่วนตัวเพราะมันเคยเกิดแบบนี้มาแล้วหลายครั้งในอดีต ผมชินแล้ว”

แอนดี้บอกต่อไปว่าเขาดีใจที่ไมค์กับคาเรนแสดงจุดยืนว่าเข้าข้างเขา “ไมค์กับคาเรนให้กำลังใจผมโดยบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของผม”

“ลูกค้าบอกว่าพวกเขาไม่รู้ว่าผมเป็นออติสติก แต่ผมคงไม่ต้องใส่เสื้อที่ติดป้ายว่าผมเป็นออติสติกหรอก ใช่มั้ย”

“พวกเขาควรจะปฎิบัติกับผมแบบแฟร์ๆและเหมือนคนอื่นๆในร้าน”

ภาพประกอบจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:สิงห์นักปั่นขึ้นทางด่วน กะจะไปสนามบินฮีทโธรว์ ถูกจับปรับ

สิงห์นักปั่น ขึ้นทางด่วนเอ็ม 25 กะจะไปสนามบินฮีทโธรว์ ถูกจับปรับ




การจะไปสนามบินที่อยู่ทางตะวันตกของลอนดอนอาจจะไปได้ไม่เร็วนัก นักปั่นจักรยานหัวใสคนหนึ่งจึงพยายามที่จะไปที่นั่นด้วยการปั่นไปบนไหล่ทาง

สิงห์นักปั่นรายหนึ่งพยายามปั่นจักรยานไปบนไหล่ทางของทางด่วนเอ็ม 25 เพื่อจะไปสนามบินฮีทโธรว์ แต่ถูกตำรวจจับปรับทันควัน

ภาพจากซีซีทีวี เห็นสิงห์นักปั่นรายนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำกำลังปั่นจักรยานไปบนมอเตอร์เวย์ที่มีรถคับคั่งเมื่อเช้าวันพฤหัสบดี

นอกจากจะปั่นขึ้นไปบนทางด่วนแล้ว เขายังขี่ย้อนศรใกล้ๆกับทางขึ้นลงที่ 12 และ 13

แต่เขาไปไม่ถึงจุดหมายเพราะถูกตำรวจพาลงไปจากทางด่วนเสียก่อน

หลังจากจัดการกับนักปั่นคนนี้เสร็จ ตำรวจก็โพส์ตลงในทวิตเตอร์ “นักจักรยานคนหนึ่งถูกปรับหลังจากถูกจับขณะขี่จักรยานขึ้นไปบนทางด่วนเอ็ม 25 เพื่อจะไปยังฮีทโธรว์”

ทวิตเตอร์ชิ้นนี้ถูกแชร์ออกไปนับสิบๆครั้งด้วยความสะใจ

การขี่จักรยานขึ้นไปบนทางด่วนผิดกฎหมายในสหราชอาณาจักร

ทางด่วนเอ็ม 25 ช่วงฮีทโธรว์เป็นช่วงที่รถติดมากที่สุดในยุโรป

เมื่อปีที่แล้ว นักปั่นชาวบัลแกเลียก็ถูกตำรวจพาออกไปจากทางด่วนเอ็ม1 ตอนนั้น เขาพยายามขี่จักรยานไปลอนดอนหลังจากลงจากเครื่องบินที่สนามบินลูตั้น

มีเมนต์เกี่ยวกับเรื่องนี้เข้ามาเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นการตำหนิ

สงสัยว่านักปั่นคนนี้คงเคยไปฮอลแลนด์  (เพราะมีจักรยานเยอะมาก)

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

หนุ่มตุรกีประท้วงเพราะหาเมียไม่ได้

ทำไมน้องไม่แต่งงาน จะครองโสด ความสาวให้หนาวใจ ไว้คอยใคร เล่าหนา



(เพลงชวนน้องแต่งงานของยอดรัก สลักใจ ใครเคยฟังก็แสดงว่าแก่แล้ว 555)

หนุ่มตุรกีออกมาเดินขบวนประท้วง เรียกร้องให้ผู้หญิงเลิกปฏิเสธคำขอแต่งงานของพวกเขา

หนุ่มโสดกลุ่มหนึ่งในหมู่บ้านอูซัมลูในตุรกีออกมาประท้วงตามท้องถนนเพราะโมโหโกธาที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงานแหงๆ

สาเหตุที่พวกสาวน้อยสาวใหญ่ในหมู่บ้านไกลปืนเที่ยงแห่งนี้ไม่ยอมให้หนุ่มๆจ๊วบเพราะพวกเธอกลัวจะติดอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล ส่วนพวกหนุ่มๆที่มาประท้วงคิดว่าความคิดเช่นนั้นมันตลก

ครั้งสุดท้ายที่หมู่บ้านอูซัมลูมีงานแต่งงานก็คือเมื่อเก้าปีที่แล้ว  แล้วนับจากนั้น ประชากรในหมู่บ้านก็ลดลงจาก 400 คน เหลือ 233 คน

นายกเทศมนตรี มุสตาฟา บาสบีลัน กล่าวว่าผู้หญิงจำนวนมากตัดสินใจย้ายจากหมู่บ้านไปอยู่ในเมืองใกล้ๆเช่นอิสตันบูลและอังกาลา แต่พวกผู้ชายจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเรือกสวนไร่นาที่เป็นมรดกตกทอดกันมา

ท่านนายกกล่าวต่อไปว่า ผู้ชายเหล่านี้มีเงินพออันจะกิน แต่หาเมียไม่ได้ พวกเขาจึงไม่แฮปปี้

ในการประท้วงเมื่อเร็วๆนี้ หนุ่มโสด อายุระหว่าง 25 ถึง 45 ปี 25 คน ออกมาเดินขบวนถือป้ายและเป่านกหวีดไปตามถนนในหมู่บ้าน พวกเขาเรียกร้องให้พวกผู้หญิงหันมาเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ปลูกผักปลูกหญ้า ใช้ชีวิตแบบคนชนบท แทนที่จะไปอยู่ในเมือง

ป้ายแผ่นหนึ่งเรียกร้องให้ประธานาธิบดีของตุรกีช่วย โดยสัญญาว่าถ้าท่านช่วย ตนจะทำให้เมียท้องป่องอย่างน้อยห้าครั้ง (อนึ่ง ประธานาธิบดีท่านนี้มีนโยบายต่อต้านการคุมกำเนิดและขอให้ผู้หญิงมีลูกอย่างน้อยสามคน)

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประธานาธิบดีจะลงมาช่วยหนุ่มโสดกลุ่มนี้หรือเปล่า แต่มันคงต้องมีอะไรดีๆมากกว่านี้แน่.ถ้าจะห้ามไม่ให้ผู้หญิงย้ายออกมาจากหมู่บ้าน


ภาพประกอบจาก : pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่




วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559

เรื่องขำๆของโจร ตอน: ถูกจับเพราะเรียกแท็กซี่ให้ไปรับริมทางหลวง

โชเฟอร์แท็กซี่รัฐมิสซิสซิปปี ช่วยตำรวจจับโจร





นักโทษหนึ่งในสองคนจากฟลอริด้าถูกจับตัวได้แล้วเมื่อเช้าวันพุธที่แรงกิ้ง เคาน์ตี้ การตามล่านักโทษทั้งสองเริ่มขึ้นตั้งแต่คืนวันจันทร์

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเมื่อเจมส์ โทมัส แบงค์ส อายุ  31 และไมเคิล แอนดรู โรตุนโน อายุ 30 หลบหนีไปจากรถขนส่งนักโทษของเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อเช้าวันจันทร์

พนักงานขับรถแวนกล่าวว่าเมื่อพวกเขาขับรถมาถึงเรือนจำวอลตัน เคาน์ตี้ นักโทษทั้งสองคนก็หายไปแล้ว คาดว่าทั้งสองคงหลบหนีไประหว่างทางจากวอลตัน เคาน์ตี้และลีออง เคาน์ตี้ในฟลอริด้า

การตามล่านักโทษทั้งสองจึงเริ่มขึ้นในเย็นวันนั้น

โรตุนโนถูกตั้งข้อหาเข้าไปขโมยของในอาคาร ส่งและผลิตยา แบงค์สถูกตั้งข้อหากรรโชกทรัพย์และหนีจากเรือนจำ

ต่อมาในวันจันทร์ เมื่อเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง บนทางหลวงหมายเลข 20 มุ่งหน้าไปทางตะวันตก
นักโทษทั้งสองก็ไปเจอด่านตรวจของตำรวจเมืองแรงกิ้ง เคาน์ตี้ พวกเขาถูกโบกให้จอด แต่พวกเขาหลบหนี โรตุนโนวิ่งหนี ส่วนแบงค์สขับรถซึ่งขโมยมาหนี แต่รถเจ้ากรรมดันมาพังเสียก่อน แบงค์จึงวิ่งหนีต่อไป

แล้วเมื่อเช้าวันพุธนายอำเภอ ไบรอัน  เบลีย์ก็แถลงว่าจับ เจมส์ โทมัส แบงค์ส ได้แล้วเมื่อเวลา 6.30 บนทางหลวงหมายเลข 20

สาเหตุที่ตำรวจสามารถจับกุมแบงค์สได้อย่างรวดเร็วก็เพราะได้เบาะแสมาจากแท็กซี่พลเมืองดีคนหนึ่ง - ซึ่งได้รับวิทยุจากบริษัทของตนให้ไปรับผู้โดยสารที่กำลังรออยู่ริมทางหลวงหมายเลข 20

แท็กซี่พลเมืองดีคนนี้รู้สึกเอะใจ จึงแจ้งตำรวจ ตำรวจจึงขับรถตามรถของเขาไปยังจุดที่ต้องไปรับผู้โดยสาร

ปรากฏว่าแบงค์สเป็นคนเรียกแท็กซี่ เขายังใส่ตรวนอยู่ที่ข้อเท้าข้างหนึ่ง

ในการจับกุมมีตำรวจจากแบรนดอนและจากเปลาฮัทชี่ ร่วมจับกุมด้วย

ตำรวจเชื่อว่าโรตุนโนขโมยรถฟอร์ดแล้วขับหนีไปจากที่เกิดเหตุ

ล่าสุดมีคนเห็นโรตุนโนเมื่อวันอังคารในรัฐเท็กซัส

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

อนาถ...หญิงโชคร้าย ถูกวัวขวิด

หญิงโชคร้าย ถูกวัวขวิดตาย





หญิงวัยกลางคนๆหนึ่งถูกวัวขวิด ครอบครัวของเธอกล่าวว่าผู้คนต้องตระหนักถึงอันตรายจากวัวให้มากกว่านี้

มาเรียน โคลด อายุ 61 ชาวเมืองแอสตัน อันเดอร์ ไลน์ เสียชีวิตแล้วหลังจากถูกวัวฝูงหนึ่งวิ่งมาทำร้ายในขณะที่กำลังเดินออกกำลังในหมู่บ้านเบลฟอร์ด นอร์ดทัมเบอร์แลนด์เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา

อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นขณะเธอไปพักผ่อนสุดสัปดาห์กับครอบครัว

ในวันที่เกิดเหตุ มาเรียนกำลังเดินอยู่บนทางเดินเล็กๆในหมู่บ้านกับคริส สามี ลูซี่ โลว์ ลูกสาว และ เควิน ลูกเขย เมื่อวัวฝูงหนึ่ง ซึ่งมีลูกวัวรวมอยู่ด้วย วิ่งรี่เข้ามาใส่

คริสกล่าวว่าวัววิ่งเข้ามาขวิดเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ผมเห็นมันอยู่บนเนิน เห็นมันวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือผมตอนนั้น ผมไม่รู้ว่ามาเรียนอยู่ที่ไหน” คริสกล่าว

“ผมเห็นวัวตัวนั้น มันเอาเท้าตะกุยดินด้วยท่าทางไม่น่าไว้ใจ ผมจะไม่มีวันลืมสายตาของมัน มันเหมือนสายตาของวัวกระทิงในสนามสู้วัว...”

ลูซี่กล่าวว่า “มันขวิดแม่สามครั้ง แม่กลิ้งไปมาเหมือนตุ๊กตาผ้า กระเด็นจากรั้วฟากหนึ่งไปอีกฟากหนึ่ง

“แม่ไม่มีทางสู้วัวตัวนั้นได้เลย ฉันเห็นแม่ฉันหน้าซีด ปากซีด ฉันตะโกนเรียกชื่อแม่ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะวัวกำลังจ้องหน้าฉัน”

พวกเขาโทรเรียกรถพยาบาล แพทย์ฉุกเฉินพยายามช่วยชีวิตเธอ

มาเรียนถูกหามขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไปส่งโรงพยาบาลในนิวคาสเซิล แต่เธอเสียชีวิตในอีกสองวันต่อมา
ตั้งแต่ปี 2000 มีการบันทึกว่ามีคนตายเพราะถูกวัวขวิด 74 ราย ในจำนวนนี้คนตาย 18 คนเป็นคนในหมู่บ้าน

เปรียบเทียบกับการถูกหมากัด ในระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมา มีสุนัขกัดคนตายไปแค่ 17 คนเท่านั้น

ครอบครัวของมาเรียนกำลังรณรงค์ให้คนในหมู่บ้านตระหนักถึงภัยที่เกิดจากวัวและลูกวัว

“ชาวไร่ชาวนาควรรู้ว่าฤดูนี้เป็นฤดูที่วัวจะอยู่กับลูกของมัน พวกมันอาจจะเป็นอันตรายและไล่ขวิดคน”

"ภรรยาผมจากไปแล้ว เธอเป็นคนที่แข็งแรงมาก ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม มันเป็นบาดแผลทางใจ เศร้า งี่เง่า และตลกสิ้นดี แต่มันก็อาจจะเกิดกับใครก็ได้"

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่




วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559

มัมมี่ใส่รองเท้าอาดิดาส?

รองเท้าของมัมมี่อายุ 1500 ปีคล้ายรองเท้ากีฬาอาดิดาส

รูปแทน


มัมมี่ตัวนี้มีสไตล์ – และดูเหมือนจะชอบวิ่งเสียด้วย

นักโบราณคดีพบซากศพมนุษย์อายุ 1500 ปีในมองโกเลีย และดูเหมือนในสมัยนั้น มนุษย์เหล่านี้ก็มีรสนิยมเกี่ยวกับรองเท้าไม่เบา เท้าของซากศพถูกมัดจนดูเหมือนรองเท้ากีฬาสมัยใหม่

การค้นพบคราวนี้เกิดขึ้นเมื่อมีชาวปศุสัตว์คนหนึ่งมาแจ้งกับนักโบราณคดีของพิพิธภัณฑ์ในเมืองโควด์ว่าพบหลุมศพ

เมื่อนักโบราณคดีออกไปสำรวจ พวกเขาพบหลุมศพของมัมมี่ดังกล่าว ที่ความสูง 9200 เมตร บนเทือกเขาอัลไต

จากสภาพนี่ไม่ใช่ศพของชนชั้นสูง และน่าจะเป็นผู้หญิงเพราะไม่มีคันธนูอยู่ในหลุมศพ

ตอนนี้นักโบราณคดีกำลังแกะผ้าห่อศพ เมื่อแกะเสร็จ ผู้เชี่ยวชาญจึงจะบอกได้ว่าศพเป็นศพของผู้หญิงหรือผู้ชาย

หลุมศพตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2803 เมตร ความสูงขนาดนี้บวกกับอากาศเย็นๆช่วยรักษาสภาพของหลุมศพเอาไว้

การค้นพบคราวนี้ถูกยกย่องว่าเป็นการค้นพบหลุมศพของชาวเติร์กโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดที่พบในเอเซียกลางเป็นครั้งแรก

เมื่อมีคนทราบข่าว โซเซียล มีเดียและกระดาษโพส์ตข้อความจึงเต็มไปด้วยเรื่องมัมมี่ใส่อาดิดาส มีบางคนเขียนว่า

“การเดินทางข้ามกาลเวลาอาจไม่ใช่นิยายปรัมปรา”

“ด็อกเตอร์ลืมเพื่อนเอาไว้ในอดีต?” ใครคนหนึ่งเขียนในทวิตเตอร์ คำว่าด็อกเตอร์ของเขาอาจหมายถึง  ด็อกเตอร์ ฮู พระเอกในนิยายวิทยาศาสตร์ซึ่งเดินทางข้ามเวลา และระหว่างทางบางครั้งก็จะเจอเพื่อนร่วมเดินทางด้วย

“เธอๆ รู้มั้ย มีคนเจอมัมมี่ใส่รองเท้าอาดิดาสด้วยแหละ”

“ไม่ใช่หรอก ฉันนับแถบได้ห้าแถบ ต้องเป็นเค สวิสแน่นอน”

“อุ แม่เจ้า นี่เป็นการค้นพบที่น่าทึ่งและมีนัยสำคัญ คนทั่วไปอยากรู้ว่ารองเท้าของเธอเหมือนรองเท้าอาดิดาสได้ยังไง”

นอกเหนือจากซากศพ นักโบราณคดียังพบอานและบังเหียนม้า เหยือกน้ำที่ปั้นด้วยดิน ชามที่ทำจากไม้ หม้อเหล็ก ซากม้าทั้งตัว และสิ่งของอื่นๆอีกหลายรายการในหลุมศพ

“สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่เราพบก็คือ พวกเขาไม่ได้ใช้ผ้าที่ทำจากขนแกะอย่างเดียว แต่มีผ้าจากขนอูฐด้วย เราสามารถระบุวันที่มีการฝังศพจากสิ่งที่เราพบที่นั่น นอกจากนั้น หมวกที่พวกเขาใส่ มันทำให้เราคำนวณเวลา (ในเบื้องต้น) ได้ว่ามันอยู่ในช่วงราวๆศตวรรษที่  6 หลังคริสตกาล

“นี่เป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง” นักวิจัยของพิพิธภัณฑ์ khovn กล่าว “ซากศพแสดงให้เห็นความเชื่อและพิธีกรรมของชาวเติร์กโบราณ”

ข้าวของที่พบในหลุมฝังศพ ทำให้เห็นวิถีชีวิตในมองโกเลียเมื่อประมาณศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล และแสดงให้เห็นว่าคนพวกนี้เป็นช่างฝีมือที่เก่งมาก

เมื่อคำนึงว่านี่เป็นหลุมศพของคนธรรมดา นี่จึงทำให้รู้ว่าฝีมือในการทำหัตถกรรมของพวกเขาค่อนข้างจะล้ำหน้าไปมาก

เทือกเขาอัลไตเป็นเทือกเขาในเอเชียกลาง บริเวณพรมแดนร่วมของประเทศรัสเซีย จีน มองโกเลีย และคาซัคสถาน

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

กฎหมายแปลกๆในโลก


กฎหมายอย่างนี้ก็มีในโลก






- เสรีภาพในการปัสสาวะ

กฎหมายในอังกฤษ อนุญาตให้หญิงตั้งครรภ์ไปปัสสาวะที่ไหนก็ได้ที่เธอต้องการ รวมทั้งถ้าเธอต้องการปัสสาวะใส่ในหมวกของตำรวจ

นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาชมพระราชวังและทหารรักษาวัง การตั้งท้องก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทีเดียวหรอกนะ

- หญิงมีสามีกับฟันปลอม
กฎหมายในรัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกากำหนดว่าหญิงที่มีสามีแล้วต้องได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากสามีเพื่อใส่ฟันปลอม

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะมันเป็นความจริง ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในรัฐเวอร์มอนต์จะทำผิดกฎหมายทันทีถ้าเธอใส่ฟันปลอมโดยไม่ได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากสามี

กฎหมายนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรไม่ปรากฏ ถ้าจะให้เดา ขอเดาว่า ชายชรากลุ่มหนึ่งบัญญัติมันขึ้นเพื่อทรมานภรรยาของตน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลุ่มเรียกร้องสิทธิสตรีไปอยู่ที่ไหนตอนที่มีการร่างกฎหมายฉบับนี้

- ห้องน้ำกับคนในสก็อตแลนด์

กฎหมายในสก็อตแลนด์กำหนดว่าถ้ามีคนมาเคาะประตูบ้านคุณแล้วขอเข้าห้องน้ำ คุณจะต้องให้เขาเข้ามา

กฎหมายฉบับนี้คงออกมาเพราะเห็นใจคนที่ปวดท้องแล้วหาห้องน้ำสาธารณะไม่เจอ แต่มันอันตรายมาก เพราะเกิดอะไรขึ้นถ้าโจรห้าร้อยเข้ามาในบ้านของคุณโดยอ้างว่าขอเข้าห้องน้ำ แต่แทนที่จะเข้าห้องน้ำกลับเข้ามาปล้นคุณเสียฉิบ

ในกรณีนี้ การสร้างห้องน้ำสาธารณะให้เพียงพอน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เพราะคนส่วนมากคงยอมทำผิดกฎหมายมากกว่ายอมถูกปล้น

- เคี้ยวหมากฝรั่งผิดกฎหมายในสิงคโปร์

ในสิงคโปร์ ถ้าคุณเคี้ยวหมากฝรั่ง คุณกำลังทำผิดกฎหมาย

เคยคิดว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งจะทำให้คุณติดคุกติดตารางบ้างมั้ย? ในสิงคโปร์มันเป็นไปได้ กฎหมายห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งออกมาใช้บังคับในปี 1992 เพราะคนชอบเอาหมากฝรั่งไปติดไว้ใต้โต๊ะใต้เก้าอี้แทนที่จะเอาไปทิ้งในถังขยะ

ในปี 2004 ได้มีการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ โดยอนุญาตให้คนที่ต้องใช้ตัวช่วยในการอดบุหรี่เคี้ยวหมากฝรั่งได้ ดังนั้น ในร้านขายยาจึงมีหมากฝรั่งขาย แต่คุณจะซื้อได้เฉพาะเมื่อมีใบสั่งของแพทย์เท่านั้น

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia Commons / Photo credit: Bortescristian / Photo des.: Changing of the Guard at Buckingham Palace     

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559

ฝังชิพน้องหมา

ฝังไมโครชิพสุนัขในอังกฤษ




สุนัขทุกตัวที่มีอายุแปดสัปดาห์หรือแปดสัปดาห์ขึ้นไปในอังกฤษ สก็อตแลนด์และเวลส์ต้องติดไมโครชิพ

เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าของของน้องหมาที่ไม่ฝังชิพจะถูกปรับ

จุดประสงค์ในการฝังชิพก็เพื่อให้ง่ายต่อการหาสุนัขที่สูญหายหรือถูกขโมยไปให้กลับมาอยู่กับเจ้าของอีกครั้ง นอกจากนั้น ก็ยังเป็นการช่วยให้ตามตัวเจ้าของสุนัขที่สุนัขไปกัดคนอื่น ตลอดจนทำให้ฟาร์มผิดกฎหมายที่เพาะลูกสุนัขประกอบกิจการได้ยากขึ้น

ผลดีอีกประการหนึ่งของการฝังชิพก็คือมันจะช่วยให้องค์กรการกุศล มูลนิธิและรัฐบาลประหยัดค่าใช้จ่ายได้ปีละ 33 ล้านปอนด์ด้วยการลดจำนวนของสุนัขจรจัดซึ่งหาเจ้าของไม่พบอีกด้วย

คลีนิคชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วอังกฤษประมาณว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของสุนัขทั้งสิ้น 8.5 ล้านตัวในอังกฤษติดไมโครชิพแล้ว ยังเหลือสุนัขอีก 1.8 ล้านตัวที่ยังไม่ได้ติด ซึ่งหมายความว่าเจ้าของของมันเสี่ยงที่จะถูกปรับเป็นเงิน 500 ปอนด์ (ต่อสุนัขหนึ่งตัว)

ผู้อำนวยการของคลีนิคดังกล่าวๆว่า “ในอีกไม่กี่สัปดาห์ เจ้าของสุนัขหลายแสนตัวอาจจะถูกปรับ” แล้วเสริมว่า “ชิพมีราคาประมาณตั้งแต่ 10 ปอนด์ถึง 30 ปอนด์”

“เจ้าของสุนัขไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการฝังไมโครชิพเข้าไปในตัวของสัตว์เลี้ยง ไมโครชิพมีขนาดเท่าเมล็ดข้าว เราจะฉีดมันลงไปไว้ใต้ผิวหนังบริเวณต้นคอของสุนัข กรรมวิธีมันง่ายและไม่ซับซ้อนอะไร”

“ภายในไมโครชิพจะมีโค้ดสิบห้าหลัก เวลาจะอ่านก็ใช้สแกนเนอร์แบบพิเศษอ่าน”

ไมโครชิพจะมีที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ของเจ้าของสุนัข

ผู้อำนวยการของมูลนิธิ ด็อก ทรัสท์ กล่าวว่า “เรายินดีต้อนรับกฎหมายฉบับนี้ เรารณรงค์ให้การฝังชิพเป็นสิ่งที่ต้องทำมานานแล้ว”

เจ้าหน้าที่อีกคนจากมูลนิธิเดียวกันกล่าวว่า “การฝังชิพให้สุนัขจะทำให้เจ้าของสุนัขสบายใจ อย่าลืมว่า สุนัขทุกตัวอาจจะหายไปจากเจ้าของได้ไม่ว่าเจ้าของจะดูแลดีขนาดไหน การฝังไมโครชิพจะทำให้เจ้าของกับสุนัขได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ในไอแลนด์เหนือ สุนัขทุกตัวต้องฝังไมโครชิพตามกฎหมาย เพียงแต่ตอนนี้อังกฤษ สก็อตแลนด์และเวลส์เพิ่งจะเอากฎคล้ายๆกันนี้มาใช้

ในไอแลนด์เหนือ หลังจากมีกฎหมายฉบับนี้ พวกเขาสามารถลดปริมาณของสุนัขจรจัดลงไปได้เป็นอันมาก

ปัจจุบันในสหราชอาณาจักร มีสุนัขถูกนำไปทิ้งหรือถูกแจ้งว่าหายไปประมาณ 120000 ตัว

บทความนี้มีคนเมนต์เข้ามามากมาย หนึ่งในนั้นเป็นสุภาพสตรีท่านหนึ่ง เธอบอกว่าเธอรักน้องหมาของเธอมาก เธอเลี้ยงดูเขาแบบไม่ให้คลาดสายตา และเธอจะไม่ยอมเอาสุนัขไปฝังชิพเพราะกลัวเขาเป็นมะเร็ง (???)

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559

หุ่นยนต์ทำให้ภัตตาคารสองแห่งในจีนปิดกิจการ

หุ่นกระป๋องทำเอาภัตตาคารสองแห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ต้องปิดกิจการ



เราสร้างหุ่นยนต์ที่เดินได้ พูดได้ เล่นหมากรุกหมากฮอสได้ หรือแม้แต่บริหารโรงแรมก็ได้เหมือนคน แต่ดูเหมือนจะมีความสามารถอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่หุ่นยนต์ยังทำไม่ได้ นั่นก็คือการรินเครื่องดื่ม

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อเชนของภัตตาคารแห่งหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ซึ้อหุ่นยนต์ตัวละ $7000 หลายตัวมาใช้แทนพนักงานเสิร์ฟในสาขาสามแห่ง พวกเขาใช้เวลาไม่นาน ก็พบกับว่าพวกเขาวางใจ ให้หุ่นยนต์ทำงานพื้นๆของภัตตาคารไม่ได้

และหลังจากพบว่าหุ่นพวกนี้โหลยโท่ย ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ วันนี้ พวกเขาต้องปิดภัตตาคารไปสองแห่ง เหลือเปิดแค่แห่งเดียว โดยภัตตาคารที่เปิด เอาหุ่นยนต์ทั้งหมดไปกองทิ้งไว้ เหลือเอาไว้แค่ตัวเดียว แล้วเอาคนมาทำงานแทน

พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งของภัตตาคารกล่าวว่าหุ่นยนต์รินน้ำร้อนไม่ได้ ถือชามใส่ซุปไม่ได้ รับคำสั่งของเจ้านายไม่ได้ และเหนือสิ่งอื่นใด มันเสียบ่อย

แน่นอน ค่าซ่อมหุ่นย่อมถูกกว่าเงินเดือนของพนักงาน แต่ความฝันที่จะให้เจ้าของร้านเอาเครื่องจักรที่ต้องหยดน้ำมันให้ดีมาแทนพนักงานเสิร์ฟที่ชอบต่อล้อต่อเถียงคงเป็นไปได้ยาก

หุ่นยนต์อาจเป็นเชฟที่เก่งได้ แต่เมื่อถึงยุคที่หุ่นยนต์ครอบโลก คงมีคนที่ยังมีชีวิต ถูกบังคับให้เสิร์ฟน้ำมันหล่อลื่นใส่แก้วทรงสูงให้กับเจ้านายที่เป็นเครื่องจักรจนกว่าพวกมันจะตาย

เดี๋ยวนี้อะไรๆก็เทคโนโลยี มีอะไรออกใหม่ก็หากันมาใช้ จะเหมาะสมหรือไม่ๆรู้ ขอให้อยู่ในกระแสไว้ก่อน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559

นักโบราณคดีขุดพบเศษกระทะนอนสติ๊กโบราณ

นักโบราณคดีขุดพบเศษกระทะ



เมื่อหกสิบปีที่แล้ว วิศวกรชาวฝรั่งเศสชื่อมาร์ค เกรกัวร์ ตั้งบริษัทเทฟาลขึ้น บริษัทนี้ผลิตเครื่องครัวแบบนอนสติ๊กขึ้นมาเป็นครั้งแรกของโลก – หรือตามที่เราคิดจนกระทั่งบัดนี้ 

แต่เมื่อเร็วๆนี้ นักโบราณคดีในอิตาลีพบหลักฐานว่ากระทะแบบนอนสติ๊ก (ที่บ้านเราเรียกกันติดปากว่ากระทะเทฟล่อน) เป็นอุปกรณ์สำคัญชื้นหนึ่งในครัวของคนในอาณาจักรโรมันเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว

ถึงแม้จะมีคนเคยคิดมาก่อนว่าชาวโรมันใช้เครื่องครัวที่มีความคิดสร้างสรรค์เช่นนี้มาก่อน แต่ยังไม่มีการค้นพบหลักฐานที่เป็นเรื่องเป็นราวมาก่อน จนกระทั่งบัดนี้

มาร์โก้ กีกลิโอ กับ จีโอวานนี่ บอร์รีแอลโล และสเตฟาโน อิวาโรนี นักโบราณคดีของมหาวิทยาลัยนาโปลี ขุดพบกระทะอยู่ในหลุม – ซึ่งเปรียบได้ว่าเป็นที่ทิ้งขยะของเมืองคูมี (เมืองคูมีเป็นเมือง ซึ่งเคยอยู่ใกล้กับเมืองนาโปลีในปัจจุบัน) โดยพบชิ้นส่วนต่างๆของฝา หม้อและกระทะประมาณ 50000 ชิ้น

แม้ว่าชิ้นส่วนต่างๆเหล่านี้จะมีรูปทรงและความหนาแตกต่างกันไป แต่พวกมันมีลักษณะอย่างหนึ่งที่คล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ – นั่นก็คือการเคลือบสารทำให้ลื่นสีแดง ยิ่งกว่านั้น มันก็ยังเป็นภาชนะในการทำครัวที่เคลือบสารทำให้ลื่นสีแดงที่หนังสือวิธีปรุงอาหารของชาวโรมันโบราณ ชื่อ เดอ เรอ โกกีนาเรีย  กล่าวถึง

หนังสือการทำอาหารเล่มนี้พูดถึงกระทะชนิดนี้และต้องให้เอามาใช้เวลาทำสตูเนื้อ

“เราพบที่ทิ้งขยะเต็มไปด้วยชิ้นส่วนของเครื่องครัวที่เคลือบสารสีแดงเอาไว้ข้างใน” กิกีลีโอกล่าว “มันเป็นที่ทิ้งขยะของโรงงานเครื่องปั้นดินเผา นี่แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่าเครื่องครัวจากเมืองคูมีถูกผลิตในเมืองนี้จริงๆ”

แม้ว่าชิ้นส่วนที่พบจะพบอยู่ในสถานที่ๆทีมนักโบราณคดีเหล่านี้จะเรียกว่ากองขยะ แต่พวกเขาก็อึ้งกับจำนวนที่ค้นพบ

“คูมาดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางสำคัญในการผลิตกระทะแบบนอนสติ๊กที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอาณาจักรโรมัน” กิกีลีโอกล่าว “การค้นพบกองขยะเช่นนี้เป็นความฝันของนักโบราณคดีจริงๆ”

ถึงแม้ชิ้นส่วนที่ค้นพบจะดูมาก แต่การขุดสำรวจพื้นที่ๆเต็มไปด้วยโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาก็เพิ่งขุดได้แค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

หลังจากตรวจวิเคราะห์เครื่องครัวเหล่านี้ กิกีลิโอกล่าวว่ามันมีอายุย้อนกลับไปในสมัยโรมันในยุคที่ออกกัสตุส และทีเบอรีอัสครองราชย์เมื่อ 27 ปีก่อนคริสตกาลถึง 37 ปีหลังคริสตกาล

แม้ว่าพื้นที่ส่วนที่เหลือจะเต็มไปด้วยหม้อและกระทะจำนวนมากมายมหาศาล แต่ก็ไม่รู้ว่านักโบราณคดีทีมนี้จะขุดต่อไปหรือไม่

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia Commons/ Photo credit: Andervan 
                                                Photo description:ฺ Blintzes in frying pan 

อ่านเรื่องแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559

เล่นโทรศัพท์ในห้องน้ำอันตรายกว่าที่คิด

คุณเคยใช้โทรศัพท์ตอนนั่งอยู่ในห้องส้วมหรือเปล่า?

ท่อฉีดน้ำชำระ

ถ้าเคย ก็อ่านนี่ก่อนแล้วจะรู้ว่าทำไมมันจึงเป็นความคิดที่ไม่ดี

เราๆท่านๆคงเคยใช้โทรศัพท์คุยกับใครหรือเคยเปิดดูเฟซตอนเข้าห้องน้ำใช่มั้ย? แต่ผู้สันทัดกรณีไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น

เวลาที่นั่งอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลาที่เสียเปล่า กิจกรรมที่เคยเป็นตัวเลือกเพื่อไม่ให้เสียเวลาก็คือการอ่านหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ แต่เดี่ยวนี้ คนส่วนใหญ่จะเลือกเล่นมือถือ

ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่าโทรศัพท์ของเราอยู่กับเราทุกที่ ดังนั้นเมื่อคุณมีเวลาเบื่อๆสักสองสามนาที จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่คุณจะเอาเวลานั้นมาเช็คว็อทแอพ เมสเสจ ดูผลบอลหรือเล่นเกม

แต่มันเป็นความคิดที่ไม่ดีเอามากๆ

เพราะนอกจากอาจจะเกิดอุบัติเหตุ ทำโทรศัพท์ราคาแพงๆตกโถส้วมแล้ว มันก็ยังทำลายสุขภาพของเราด้วย

ใครๆก็รู้ว่าห้องน้ำไม่ใช่สถานที่ๆสะอาดที่สุดในโลก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องน้ำสาธารณะ) แล้วคุณรู้มั้ยว่ามีคนมาทำความสะอาดมันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ –  แล้วคุณรู้มั้ยว่าโทรศัพท์ที่มีคุณแตะต้องได้คนเดียวไม่ได้ปลอดภัย หายห่วงจริงๆ

ศาสตราจารย์ทางจุลชีววิทยา ชาร์ส เจอบ้า และ ศาสตราจารย์ทางสุขอนามัยสิ่งแวดล้อม เคลลี่ เรย์โนลด์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ในห้องน้ำว่าห้องน้ำเต็มไปด้วยเชื้อโรค พยาธิและแบคทีเรียจากลำไส้  - ส่วนใหญ่ปะปนมากับอุจจาระ

ศาสตราจารย์เรย์โนลด์กล่าวว่า “เมื่อคุณกดชักโครก น้ำปนเปื้อนอุจจาระและปัสสาวะจะกระจายออกไปเป็นวงกว้างประมาณหกฟุต

“และละอองของน้ำก็จะเพิ่มขึ้นพร้อมกับการกดชักโครกทุกครั้ง ดังนั้นถ้ามันเป็นส้วมสาธารณะ ก็จะมีน้ำชักโครกสกปรกไปติดอยู่บนผิวของทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนผิวของกระดาษชำระ เพราะมันอยู่ใกล้กับโถส้วมที่สุด

แล้วเวลาคุณเล่นทินเดอร์ โดยเอานิ้วปัดไปทางขวาทีซ้ายที ก็เรียบร้อย คุณจะได้โทรศัพท์ที่สกปรกมาก (ทินเดอร์ เป็นแอพสำหรับระบบแอนดรอยด์ เป็นการหาเพื่อนใหม่ คุณจะปัดหน้าจอไปทางซ้ายถ้าไม่ชอบคนๆหนึ่ง และปัดไปทางขวาเมื่อพบคนที่น่าสนใจใหม่ๆ ฯลฯ)

และไม่ว่าเชื้อโรคจะไปไหน อาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะตามไปที่นั่น

ภาพประกอบจากแฟ้ม: ท่อฉีดน้ำชำระ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่ 

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

ลาบราดอร์ตัวใหญ่แพ้งูหางกระดิ่ง เกือบตาย

ลาบราดอร์ตัวใหญ่แพ้งู ถูกกัด วิ่งหางจุกตูดเข้าบ้าน

ผมไม่ใช่ลาบราดอร์ครับ

หลังจากถูกงูหางกระดิ่งเล่นงาน ขณะนี้สุนัขพันธ์ลาบราดอร์ของครอบครัวมูเนทในคาลิฟอร์เนียปลอดภัยและอาการดีขึ้นแล้ว – ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับตำรวจท้องที่ๆให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที

เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว แจ็กเกอลีน มูเนท สาวน้อยวัย 17 พยายามห้ามเบลีย์ สุนัขพันธ์ลาบราดอร์ของเธอ ไม่ให้เข้าไปใกล้งูหางกระดิ่งที่นอนขดอยู่กลางสนามหลังบ้าน

แต่ความขี้สงสัยและอยากรู้อยากเห็นของเบลีย์ทำให้เธอเจ็บตัวเมื่อถูกงูพิษฉกเข้าที่หน้า

“เธอร้องเอ๋งแล้วถอยออกมาแล้ววิ่งจู๊ดเข้าบ้าน”

หลังจากมูเนทโทรไปแจ้ง 911ไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่คริส กรันส์เฟล์ด และ เกร็ก โรดิเกซของเมืองเวิร์นก็มาถึง

แต่ปัญหาก็คือมูเนทไม่มีรถ แม่ของเธอก็ยังไม่เลิกงาน กว่าจะเลิกก็อีกชั่วโมงหนึ่ง

เมื่อเห็นรอบๆดวงตาของเบลีย์เริ่มบวม กรันส์เฟล์ดจึงอุ้มเบลีย์ไปขึ้นรถตำรวจแล้วพาเธอไปโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุด

“ผมรู้ว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง คนที่สามารถพาสุนัขไปหาหมอได้เร็วที่สุดก็มีแต่ผมเท่านั้น” เขาบอก

แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พวกเขาก็พบว่าที่นั่นไม่มีเซรุ่มแก้พิษงู พวกเขาจึงออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้ๆไปที่เมืองอัฟแลนด์ ซึ่งอยู่ห่างจากเวิร์นไปสองเมือง

โชคดีที่เบลีย์ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีแล้วตอนนี้ก็มีอาการดีขึ้นแล้ว (หลังจากนอนโรงพยาบาลอยู่หนึ่งคืน)

ครอบครัวมูเนทกล่าวว่าการเจองูหางกระดิ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งในช่วงนี้ยิ่งเจอบ่อยเพราะบ้านของพวกเขาอยู่ติดกับเชิงเขา

ตามปกติ พวกเขาจะพาเบลีย์ไปฉีดวัคซีนในเดือนเมษาของทุกปี

“ปีนี้ เรายังไม่ได้นัดหมอ” แม่ของมูเนทบอก “เราจึงประทับใจมากที่ตำรวจพาเบลีย์ไปหาหมอได้ทันเวลา”

ถึงแม้จะถูกงูกัดแต่ความขี้สงสัยของเบลีย์ก็ไม่ได้ลดลง

“พอเราพาเค้ากลับมาถึงบ้าน เค้าก็วิ่งไปตรงที่งูเคยนอนอยู่ทันที เค้าทำเหมือนจะบอกว่า “มาเจอกันอีกทีน่า” แม่ของมูเนทบอก

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:โจรบ้องตื้อ จะปล้นเงินเป็นพันล้านแต่ดันสะกดคำผิด

การโจรกรรมเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ล้มเหลวเพราะสะกดคำผิดเพียงคำเดียว






แค่สะกดคำผิดคำเดียวทำให้การโจรกรรมเงินด้วยการโอนแบบอิเลคโทรนิค จำนวนเงิน 1 พันล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้วไม่สำเร็จ เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับธนาคารในบังคลาเทศและธนาคารในนิวยอร์ก

เจ้าหน้าที่ธนาคารคนหนึ่งเปิดเผยว่าเมื่อเดือนที่แล้ว มีคนร้ายกลุ่มหนึ่งพยายามจะขโมยเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ของเซ็นทรัล แบงก์ของบังคลาเทศผ่านทางธนาคารเฟดเดอรัล รีเซิร์ฟ ในนิวยอร์ก (เฟด) แต่พวกเขาพลาด เพราะสะกดชื่อของผู้รับผิด

แต่อย่าเพิ่งดีใจว่าธนาคารบังคลาเทศจะไม่เสียเงิน เพราะแฮกเกอร์กลุ่มนี้สามารถสวิฟท์เงินจำนวน 80 ล้านดอลลาร์ไปได้ (ตั้งแต่อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เริ่มแข็งแกร่งและแพร่หลายมากขึ้นจนเป็นที่ประจักษ์ นี่เป็นการปล้นธนาคารที่ได้เงินไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์)

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกล่าวว่า อาชญากรกลุ่มนี้เจาะเข้าไปในระบบของธนาคารบังคลาเทศแล้วขโมยข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการทำธุรกรรม โอนเงินแบบออน ไลน์ของธนาคาร

พอได้ข้อมูลสำคัญ คนร้ายก็เริ่มส่งคำสั่งไปยังเฟดเดอรัล รีเซิร์ฟ ในนิวยอร์ก (เฟด)รวมทั้งสิ้นสามสิบคำสั่ง เป็นคำสั่งให้เฟดโอนเงินจากบัญชีของธนาคารบังคลาเทศที่เปิดอยู่ที่นั่นไปยังผู้รับในฟิลิปปินส์และศรีลังกา

คำสั่งให้โอนเงินสี่ใบ  จำนวนเงินประมาณ 80 ล้านดอลลาร์  ไปยังฟิลิปปินส์ผ่านฉลุย

แต่คำสั่งใบที่ห้า  จำนวนเงินประมาณ 20 ล้านดอลลาร์  ที่สั่งให้โอนเงินไปยังชาลีกา ฟาวเดชั่น ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร (เอ็นจีโอ)ในศรีลังกาไม่ผ่านเพราะกลุ่มแฮกเกอร์สะกดชื่อขององค์กรผิด

โดยคนร้ายสะกดคำว่า ‘foundation’ ในชื่อของเอ็นจีโอ เป็น ‘fandation’ ทำให้ดอยซ์ แบงก์ ธนาคาร ซึ่งได้รับเงินโอนเข้ามา สอบถามกลับไปยังธนาคารผู้โอนเพื่อขอคำยืนยันทันที

ไม่มีองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจดทะเบียนในนามชาลีกา ฟาวเดชั่นในศรีลังกา จนนำมาซึ่งการยกเลิกการโอนในที่สุด

ในขณะเดียวกัน เนื่องจากธุรกรรมครั้งนี้เป็นการสั่งให้โอนเงินในจำนวนที่มากจนผิดปกติไปยังผู้รับที่เป็นเอกชน ธนาคารในนิวยอร์กก็เกิดความสงสัย และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในบังคลาเทศด้วยเช่นเดียวกัน

เงินของธนาคารบังคลาเทศถูกโอนออกไปทั้งสิ้น 850 -870 ล้านดอลลาร์ก่อนจะถูกยับยั้ง – เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าว

การใช้กลโกงเพื่อให้โอนเงินก้อนมหึมาคราวนี้เกิดขึ้นในขณะที่โลกกำลังกลัวว่าจะเจอแผนการร้ายแบบนี้กับตัว

เมื่อต้นเดือน ก็มีรายงานข่าวเรื่อง “ซีอีโอปลอม” ที่ทำให้ธุรกิจใหญ่น้อยทั่วโลกสูญเสียเงินไป สองพันล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีที่ผ่านมาแล้ว

ธนาคารบังคลาเทศกล่าวว่าพวกเขาได้เงินที่ถูกขโมยไปคืนมาบางส่วน และกำลังร่วมมือกับปปง.ในฟิลิปปินส์เพื่อเอาเงินที่เหลือคืนมา

หลังเกิดเหตุ รัฐมนตรีท่านหนึ่งของบังคลาเทศกล่าวว่าบังคลาเทศอาจจะฟ้องเฟด ในขณะที่เฟดกล่าวว่าพวกเขาทำตามวิธีปฏิบัติอย่างถูกต้องทุกอย่าง

การเจาะเข้าไปในระบบของธนาคารบังคลาเทศเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 4 และ 5 กุมภาพันธ์ 2016 ซึ่งเป็นวันหยุดของธนาคาร

ผู้เชี่ยวชาญด้านรักษาความปลอดภัยกล่าวว่าพวกที่ก่อเหตุรู้ระบบภายในธนาคารเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะได้ความรู้นี้มาจากการแอบถามข้อมูลจากพนักงานของแบงก์

เรื่องราวยังไม่จบแค่นี้ เราจะนำความคืบหน้ามาเสนอต่อไปถ้ามีรายงานข่าวเพิ่มเติม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:pexels.com

อ่านเรื่องแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ช้างน้อยไบโอนิค

ช้างน้อยไบโอนิคเพิ่งได้ท่องโลก





ชายหนุ่มซึ่งได้ช้างน้อยไบโอนิค และได้เปิดซิงเมื่ออายุ 44 กำลังแสวงหาความรักจากเว็บหาคู่

ตอนเป็นเด็ก มูฮัมหมัด แอ็บบัด (ซึ่งขณะนี้ อายุ 44) ประสบอุบัติเหตุจนช้างน้อยขาดกระจุย แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขาก็เสียความบริสุทธิ์ให้กับหญิงขายบริการคนหนึ่ง และตอนนี้ ก็สมัครเป็นสมาชิกของเว็บหาคู่แห่งหนึ่งเพื่อเสาะหาความรักที่ยั่งยืน

และแล้ว มูฮัมหมัด แอ็บบัด อายุ 44 ก็สามารถมีความสุขทางเพศ เมื่อหมอผ่าตัดต่อช้างน้อยไบโอนิค (เทคโนโลยีชีวจักรกล) ราคา 70000 ปอนด์ให้เขาได้สำเร็จ

แล้วตอนนี้ชายที่มีช้างน้อยราคา 70000 ปอนด์บอกว่าเขากำลังเสาะหาความรักจากคนในเว็บหาคู่

ถ้าคุณเคยดูหนังเรื่อง ‘ซิก มิลเลี่ยน ดอลลาร์ แมน’ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พระเอกประสบอุบัติเหตุแล้วหมอก็ผ่าตัดเอาจักรกลมาใส่ให้จนมีความสามารถเหนือมนุษย์  – นั่นแหละคือมนุษย์ชีวจักรกล (ถ้าใครเคยดูก็แสดงว่าแก่แล้ว 555)

มูฮัมหมัดเป็นคนเมืองเอดินเบิร์ก เขาสูญเสียช้างน้อยไปเพราะอุบัติเหตุในวัยเด็ก และเพิ่งได้เปิดซิงไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

เขาเสียความบริสุทธิ์ให้กับหญิงขายบริการคนหนึ่งชื่อชาร์ล็อต ซึ่งให้บริการกับเขาฟรีเนื่องในโอกาสสำคัญของเขา

มูฮัมหมัดทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย  เขากำลังเสาะหาความรักที่จีรังยั่งยืน แต่จนถึงวันนี้ ความพยายามที่จะหาคู่แบบออน ไลน์ของเขา ก็ยังเจอแต่ความผิดหวัง

“ผมว้าเหว่ และอยากมีใครสักคน ผมสมัครเป็นสมาชิกเว็บหาคู่มาแล้วสามแห่ง” เขาบอกอย่างเศร้าสร้อย

“แต่ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครสนองตอบ ผมยังไม่ได้เดทกับใครเลย ผมจะขอบคุณที่สุดถ้ามีใครช่วยให้ผมได้พบรัก”

“มันจะเป็นเรื่องราวอีกบทหนึ่งในชีวิตของผม ผมมีอะไรอีกมากที่อยากจะแบ่งปัน เป้าหมายสูงสุดของผมก็คือมีลูกสักสองคน แต่ตอนนี้ผมต้องหาแม่ของเด็กให้ได้ก่อน”

กว่าจะมาเป็น ‘อะ แมน วิท ไบโอนิค ช้างน้อย’ มูฮัมหมัดต้องผ่าตัดมาแล้วมากกว่า 100 ครั้ง ตอนนี้เขาสามารถมีเซ็กส์และยืนฉี่ในห้องน้ำได้ – ทั้งนี้ต้องขอบคุณปุ่มเปิดปิดกลไกที่อยู่ในกล่องดวงใจของเขา

ว่าที่จริง เขาเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2011 แต่ไม่ได้บอกภรรยาก่อนวันแต่งงานว่าเขามีเซ็กส์ไม่ได้

“เธอเจ็บปวดและเศร้าอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น แต่ในที่สุดมันก็มากเกินกว่าคนๆหนึ่งจะรับได้” เขาบอก แล้วชีวิตคู่ของคนทั้งสองก็จบลงในปี 2013

“ผมภูมิใจและเป็นเกียรติที่ได้ผ่าตัด แล้วผมก็อยากจะสนุกกับชีวิต”

ตอนนี้มูฮัมมัดยังเหลือการผ่าตัดอีกหนึ่งครั้ง – เพื่อลดขนาดของช้างน้อยลง

ทางด้านคุณหมอ พวกเขาก็กำลังหวังว่าจะสามารถเก็บเชื้อของมูฮัมมัดเพื่อเติมเต็มความฝันที่จะเป็นพ่อคนของเขา

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:แค้นนี้ต้องชำระ ตอน - ไสว่าสิบ่อทิ่มกัน

ไสว่าสิบ่อทิ่มกัน (ไหนว่าจะไม่ทิ้งกัน) 





ทหารเก่า “ทุบภรรยาจนเสียชวิตเพราะเธอหัวเราะที่นกเขาของเขาไม่ขัน”

อดีตชายชาติทหารรายนี้ชื่อเนอร์มอล จิลล์ ฆ่า โรสแมรี ภรรยาหลังจากนักสืบที่เขาจ้างพบว่าเธอกำลังมีชู้

ทหารเก่าให้การในศาลว่าเขาฆ่าภรรยาที่มีชู้เพราะเธอหัวเราะเยาะที่นกเขาของเขาไม่ขันและบอกเขาว่า “น่าอีโตนหลายๆ(น่าสงสารมากๆ)”

จิลล์ อายุ 49 ทุบหัวภรรยาโรสแมรี อายุ 48 จนตายด้วยดัมเบลล์ (เหล็กยกน้ำหนัก)ในห้องนอนในบ้านหลังจากนักสืบเอกชนที่จิลล์จ้างพบว่าเธอกำลังมีกิ๊ก

เมื่อเวลาสามนาฬิกาของวันที่ 20 เดือนกรกฏาปีที่แล้ว หรือก่อนหน้าที่เธอจะเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง จิลล์กับภรรยาตกลงที่จะแยกทางกัน แต่เขาขอระลึกถึงความหลังกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อตกลงกันดังนี้ เขาก็เดินตามภรรยาเข้าไปในห้องนอนที่บ้านในเซ็นต์ เวอร์เบิร์กส์ บริสตอล แต่นกเขาของเขาไม่ขัน

จิลล์ให้การว่า “ผมจำได้ว่าโรสแมรี่หัวเราะเยาะผม นอกจากนั้นก็ยังบอกว่า ผมเป็นผู้ชายที่น่าอีโตนที่สุด”

“ผมก็เลยเอาเหล็กฟาดเธอ” จิลล์บอก “เธอหัวเราะที่นกเขาผมไม่ขัน”

จัสมิน อายุ 19 บุตรสาวของคนทั้งสองเป็นคนพบศพในเวลาต่อมา จิลล์ถูกตำรวจจับเมื่อเวลาสามทุ่มในเย็นวันนั้นเมื่อเขากลับมาบ้าน

คุณพ่อลูกสองรายนี้ยอมรับว่าฆ่าคนตายแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้วางแผนที่จะฆ่าเธอ และบอกว่าเขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้”

เขาให้การกับตำรวจว่าเขาเอาวาสลีนทาบนตัวของเธอและตั้งใจจะข่มขืนศพ “มันดูไม่ดี แต่ผมตั้งใจจะทำยังงั้น”

ตอนออกไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จิลล์ให้การว่าเขาเอาดัมแบลล์ทุบเธอ 12 ทีเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และเขาเองก็เสียใจเป็นอันมาก

“มันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ผมถามตัวเองแค่จะทำหรือไม่ทำ” เขาให้การ “คุณไม่ได้ใช้สมอง คุณแค่ฟาดเธอไปเลย”

ก่อนเกิดเหตุ จิลล์ดื่มเบียร์ไปสองกระป๋อง ดื่มเหล้าวอดก้าไปครึ่งขวดและกินยาพาราและยาที่หมอสั่งมากเกินขนาด

จิลล์ให้การว่าเขาคิดจะฆ่าตัวตายหลังจากตกลงที่จะแยกทางกับเธอเมื่อหลายชั่วโมงก่อนเกิดเหตุ “เธอพูดว่า ‘ฉันเป็นแม่ของคุณ ไม่ใช่ภรรยาของคุณมา 24 ปีแล้ว’”

ก่อนหน้านี้ จิลล์จ้างนักสืบเอกชนติดตามภรรยาและพบว่าเธอกำลังมีสัมพันธ์สวาทกับ แอนดรู คูเปอร์ ซึ่งเป็นสามีเก่าอีกครั้ง

ในการสืบ นักสืบเอาเครื่องติดตามตัวไปติดไว้ในรถของภรรยาของจิลล์ เครื่องที่ว่าส่งสัญญาณมาบอกจิลล์ว่าภรรยาเขาอยูที่ไหน เมื่อหลายวันก่อน จิลล์ตามสัญญาณไป แล้วเห็นเธอกำลังกอดจูบกับคูเปอร์แบบเต็มตา

“ผมเข่าอ่อน ทรุดนั่งกับพื้นและร้องไห้ ผมไม่เชื่อสายตา หัวใจผมแตกเป็นเสี่ยงๆ”

ภรรยาของเขาไม่ยอมรับว่าเธอมีชู้ แต่ทั้งคู่ก็ตกลงจะแยกทางกัน

ในขณะที่อยู่ในเรือนจำ จิลล์เขียนจดหมายจากไปหาแม่และพี่สาวของภรรยา โยนความผิดให้คูเปอร์เขาว่าคูเปอร์เป็นสาเหตุของการตายของภรรยาของเขา

พยานฝ่ายโจทก์เบิกความว่า จิลล์สมัครเป็นสมาชิกเว็บไซค์หาคู่สองแห่งและเคยใช้บริการจากโสเภณีระหว่างที่แต่งงานกับภรรยา

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ทำไมต้องเปลี่ยนชุดชั้นในทุกวัน

ทำไมคุณจึงควรเปลี่ยนชุดชั้นในทุกวัน




เคยมั้ยที่คุณเอากางเกงในตัวที่ใส่เมื่อวานมากลับด้านแล้วใส่ซ้ำ เคยมั้ยที่คุณเอากางเกงในที่กลับด้านไปเมื่อวานมากลับด้านแล้วใส่ซ้ำอีก

ถ้าเคย มันเป็นเพราะอะไร คุณมีชุดชั้นในไม่พอ? คุณไม่อยากไปเดินเบียดคนในห้าง ก็เลยไม่ไปซื้อ? แล้วก็เลยใส่ชุดชั้นในตัวเดิมซ้ำๆกันหลายวัน

ทำไมนิสัยเสียยังงี้? แล้วคุณรู้มั้ยว่าทำไมจึงควรเปลี่ยนชุดชั้นในทุกวัน มา... มาดูเหตุผลกัน:

คุณควรเปลี่ยนชุดชั้นในทุกวันเพื่อจะได้ไม่มีกลิ่นตุ – ถ้าคุณใส่กางเกงในตัวเดิมหลายวัน มันจะมีกลิ่นไม่สะอาด มันไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับคุณและคนที่คุณกำลังคบหาหรอกนะ

เพื่อให้ห่างไกลจากเชื้อโรค – ถ้าคุณใส่ชุดชั้นใน โดยเฉพาะกางเกงในตัวเดิมหลายวัน คุณมีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคได้หลายชนิด

เพื่อป้องกันความอับชื้น – อย่าลืมว่าคุณเหงื่อออก การใส่กางเกงในซ้ำๆกันหลายวัน ทำให้เกิดการอับชื้น

เพื่อความสดชื่น – การใส่กางเกงในสะอาดหลังจากอาบน้ำอุ่นๆจะทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั้งวัน

เพื่อความมั่นใจ – เขาพิสูจน์กันมาแล้วว่าการใส่ชุดชั้นในสวยๆช่วยให้เป็นหนุ่มหล่อสาวมั่น

เพื่อจะได้พร้อมถ้ามีคนมาปิ๊ง – ปัจจุบันมีชุดชั้นใน โดยเฉพาะกางเกงในมากมาย – ลองซื้อแบบสวยๆมาใส่ ในอนาคต มันคุ้มนะ จะบอกให้

เพื่อไม่ให้แฟนทิ้ง – จริงๆนะ ถ้าคุณได้กลิ่นตุๆโชยมาจากกางเกงในของคุณ แฟนคุณก็คงจะได้กลิ่น แล้วมันจะรักกันได้ยังไง

สุดท้าย เพราะมันเป็นเรื่องปกติ – แน่นอนที่ซู้ด การเปลี่ยนกางเกงในทุกวันเป็นเรื่องปกติ มันเป็นเรื่องที่เราถูกสอนมาตั้งแต่ยังเด็ก

บทความนี้ยกเว้นสำหรับคนไม่มีตังค์ซื้อนะจ๊ะ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ครอบครัวตัวอย่าง – สามีแจ้งจับภรรยา


ผัวแจ้งความจับเมียที่ด่าทอผู้นำประเทศ




กระทาชายนายหนึ่งโมโหภรรยา จึงโทรไปแจ้งตำรวจว่าเธอด่าท่านผู้นำ กฎหมายในประเทศนี้ (ขอสงวนนาม) การด่าทอท่านผู้นำผิดกฏหมาย ต้องติดคุกสี่ปี

กระทาชายนายนี้ ชื่ออาลี ดิ่ง เขากล่าวว่าเขาโทรไปแจ้งตำรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากเบื่อที่ต้องฟังเสียงด่าทอของนางกุลแคน ภรรยา

กุลแคนสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านในขณะที่ดิ่งจงรักภักดีต่อท่านผู้นำ เมื่อดิ่งเตือนกุลแคนให้หยุดด่าแล้วเธอไม่ฟัง เขาจึงตัดสินใจอัดเสียงของเธอเอาไว้

ในประเทศดังกล่าว การด่าทอท่านผู้นำผิดกฎหมาย ใครฝ่าฝืนจะติดคุกข้อหาละสี่ปี

ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะหลังจากถูกจับ กุลแคนฟ้องหย่าสามีทันที โดยทั้งคู่แต่งงานกันมาแค่สามปีเท่านั้น

ดิ่งเปิดเผยต่อมาว่าถึงแม้ชีวิตครอบครัวจะล่มสลาย แต่เขาก็ไม่เสียใจที่แจ้งความจับภรรยาเพราะเธอต้องนับถือท่านผู้นำ ซึ่งกำลังปฏิรูปประเทศ

“ถ้าพ่อผมด่าท่านผู้นำ ผมก็จะไม่ยกโทษให้ แล้วผมก็จะไปแจ้งความ” แล้วเขาก็เสริมว่า “ผมรักเมีย แต่ตอนนี้ไม่รักแล้ว ถ้าเธอด่าผม ผมยังทนได้ แต่เธอด่าท่านผู้นำ ผมทนไม่ได้”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสองเดือนที่แล้ว

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia Commons / Photo credit: Margaret A. McIntyre

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่





วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:จี้เครื่องบินเพราะความรักไม่ได้เกิดกับอียิปต์แอร์เป็นครั้งแรก

จี้เครื่องบินเพราะความรัก





เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับการจี้เครื่องบินของสายการบินอียิปต์แอร์ คนร้ายเป็นชาวอียิปต์ ซึ่งทราบชื่อในเวลาต่อมาว่า เซฟ เอลดิน มูสตาฟา

เซฟ เอลดิน มูสตาฟา ถูกจับได้อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ

วันที่เกิดเหตุ มูสตาฟาได้ที่นั่งอยู่ท้ายเครื่องแอร์บัส A320 เมื่อเครื่องบินๆขึ้น เขาบอกกับลูกเรือว่าเขาผูกระเบิดติดไว้กับตัวและขู่ว่าจะกดระเบิดถ้ากัปตันไม่เอาเครื่องไปลงที่ไซปรัส

ภาพถ่ายที่เขาถ่ายกับผู้โดยสารคนหนึ่งทำให้เห็นว่าเขามีมัดระเบิดไว้กับตัวจริงๆ แต่เป็นระเบิดปลอม

เมื่อเครื่องบินไปถึงไซปรัส มุสตาฟาขยับไปยืนหลังม่านห้องที่อยู่ท้ายเครื่องในขณะที่พลแม่นปืนมาล้อมสนามบินเอาไว้หมดแล้ว

จากนั้นมุสตาฟาก็เริ่มโทรศัพท์และส่งจดหมายเป็นภาษาอาหรับจำนวนสี่แผ่น เรียกร้องอยากจะเจอ มารีน่า พาราชู ภรรยาเก่าวัย 51 ซึ่งเขาบอกว่ามีลูกสี่คน

เมื่อตำรวจอียิปต์เช็คประวัติอันยาวเหยียดของมุสตาฟา ก็พบว่าเขาเคยทำผิดในคดีเล็กๆน้อยๆเช่นขโมยของและทำร้ายร่างกายเท่านั้น ไม่พบว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้าย คดีที่รุนแรงขึ้นมาหน่อยของมุสตาฟาก็คือเขาเคยแหกคุกเมื่อปี 2011 แต่ไปมอบตัวในภายหลัง แลกกับการลงโทษที่เบากว่าเดิม

“เขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย แต่เป็นอีเดียด ผู้ก่อการร้ายจะใช้ความรุนแรงและไม่โง่ แต่หมอนี่โง่” เจ้าหน้าที่ของไซปรัสคนหนึ่งกล่าว

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ มุสตาฟาก็ยอมมอบตัวแต่โดยดี

เหตุการณ์ข้างต้นเป็นเหตุการณ์คร่าวๆที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ แต่ที่น่าสนใจก็คือเมื่อมีการจี้เครื่องบิน สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการพูดถึงการค้นคว้าและบทความของนักหนังสือพิมพ์ชาวบริติส อเมริกันท่านหนึ่ง (ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังด้วย) ในการจี้เครื่องบินซึ่งเกิดขึ้นเพราะความรักคราวนี้ นักเขียนท่านนี้ก็ได้เขียนบทความลงในทวิตเตอร์เช่นกัน

กล่าวคือ ในปี 1971 ริชาร์ด โอเบิร์กเฟลล์ อดีตช่างซ่อมเครื่องบินของกองทัพเรือ ก็จี้เครื่องบินที่กำลังเดินทางจากนิวยอร์กไปยังชิกาโก เขาต้องการไปหาเพื่อนที่ติดต่อกันทางจดหมายในอิตาลี เพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิงที่เขาตกหลุมรัก

“ก่อนหน้าที่เขาเคยไปสมัครงานกับสายการบินอลิตาเลีย เมื่อใบสมัครของเขาถูกทิ้งลงถังขยะ เขาจึงจี้เครื่องบินเพื่อไปหาเพื่อนทางจดหมายในมิลาน

เมื่อกัปตันบอกเขาว่าเครื่องบินโบอิ้ง 727 บินข้ามมหาสมุทรไม่ได้ โอเบิร์กเฟลล์จึงเรียกร้องขอปลี่ยนเป็นเครื่องบินลำอื่นที่สามารถบินข้ามมหาสมุทรได้

แต่ทว่า ยังไงเขาไม่มีทางข้ามมหาสมุทรไปได้ เพราะขณะที่เครื่องบินไปจอดที่สนามบินเจเอฟเค เขาก็ถูกนักแม่นปืนของเอฟบีไอยิงตายในขณะที่กำลังควบคุมตัวประกันอยู่

นอกจากนั้น 1961 คนงานบ่อขุดน้ำมันเมาเหล้า ก็พยายามจี้เครื่องบินเพื่อไปหาภรรยาที่โกรธกันในอาร์คันซอ แต่ไม่สำเร็จ

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ใช้กระดูกผีทำพิธีให้ลืมผัว

ตำรวจจับหนุ่มสาวที่เข้าไปทำพิธี “วูดู” ในป่าช้าด้วย “กระดูกจากศพ” 




ชายหญิงคู่หนึ่งถูกจับเพราะไปทำพิธีไล่รังควานด้วยกระดูกของคนตาย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเมื่อสัปเหร่อที่ดูแลป่าช้าในอัลลีกังเต้ สเปน ไปพบสิ่งที่ทำให้ขนลุกเมื่อพวกเขามาทำงานในตอนเช้า

พวกเขาพบหุ่นตัวเล็กสองคนถูกเชือกมัดติดกัน พบเม็ดถั่ว ข้าวโพด เข็ม ถ้วยพลาสติกสองใบใส่เหล้ารัมสีแดงและเทียนไขที่จุดไปแล้วครึ่งเล่ม

ข้าวของแปลกๆเหล่านี้ตั้งอยู่หน้าช่องเก็บศพ (โกศ)ซึ่งถูกทุบจนฝาด้านหน้าแตกเพื่อเอาซากสังขารของผู้ตายออกมา

ไม่รอช้า พวกเขาโทรไปแจ้งตำรวจทันที

เมื่อตำรวจมาถึงและเห็นหลักฐานต่างๆ พวกเขาจึงคิดว่ามันเป็นการประกอบพิธีกรรมอะไรบางอย่าง และจับผู้ต้องหาได้ในอีกไม่กี่วันต่อมา

ผู้ต้องหาที่จับได้มีหญิงหนึ่งชายหนึ่ง  ฝ่ายหญิง อายุ 37 ส่วนฝ่ายชายเป็นคนรักใหม่ของเธอ อายุ 34 ทั้งคู่อ้างว่าเข้าไปทำพิธีไล่ดวงวิญญาณของคนรักเก่าของฝ่ายหญิง

ทั้งคู่ถูกตั้งข้อหาทำลายทรัพย์สินและ “ลบหลู่คนตาย” เพราะขุดหลุมศพหลุมหนึ่งเพื่อ เอากระดูกของคนตายมาประกอบในพิธี

ผู้ต้องหาฝ่ายชายบอกกับตำรวจว่ามันเป็นพิธีที่เขาทำร่วมกับสาวคนรักเพื่อให้เธอลืมสามีเก่าของเธอ

คนที่รู้จักกับผู้ต้องหาฝ่ายชายกล่าวว่าเขาเป็นสาวกของศาสนานิกายหนึ่งที่มาจากแถบคาริเบียน

ผู้ต้องหาทั้งสองถูกประกันตัวออกไปแต่จะต้องไปขึ้นศาลในภายหลัง

คดีนี้เป็นคดีที่สามในหนึ่งสัปดาห์ที่ตำรวจต้องเดินทางไปสุสานแห่งนี้ (เป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดในอัลลีกังเต้)  เพราะ เมื่อสองสามวันก่อนสัปเหร่อคนเดียวกันนี้ก็โทรไปแจ้งว่าเจอถุงใส่กระดูกมนุษย์และหุ่น

และก่อนหน้านี้ ก็มีคนโทรไปแจ้งว่าพบกะโหลกมนุษย์ พร้อมกับเทียนและกระดูกส่วนอื่นๆซึ่งถูกฝังไปตั้งแต่ปี 1992 อยู่ในช่องเก็บศพ (โกศ)

ตำรวจเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นฝีมือของพวกโรคจิตหรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับลัทธิบูชาภูตผีปีศาจ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ต้องมีลูกร้อยคน ถึงจะได้ขึ้นสวรรค์แน่ๆ

จะขึ้นสวรรค์ ต้องมีลูก 100 คน





นายแพทย์แจน มูฮัมมัด เป็นหมอในปากีสถาน เขากำลังปฏิบัติภารกิจสำคัญ ซึ่งก็คือต้องปั๊มลูกให้ได้  100 คน เพราะเขาเชื่อว่ามันจะทำให้เขามีพื้นที่ในสวรรค์

ขณะนี้คุณหมอวัย 43 คนนี้มีลูกกับภรรยาทั้งสามแล้ว 35 คน และกำลังจะแต่งงานกับภรรยาคนที่สี่เพื่อเร่งสปีดในการผลิตลูกให้เร็วขึ้น

“ผมอยากมีลูกสัก 100 คนเพราะหมอดูกล่าวเอาไว้ว่าคนที่มีผู้ติดตามมากๆจะไม่มีวันตกนรก” คุณหมอให้สัมภาษณ์จากบ้านเกิดที่เมืองกูเอตต้า ในปากีสถาน “ลูกๆจะช่วยผมให้ขึ้นสวรรค์”

ตอนนี้คุณหมอมีภรรยาแล้วสามคน คนแรกชื่อบีบี นาซ กูล อายุ 32  คนที่สองชื่อโนออร์ บีบี อายุ 28  และคนที่สามชื่อฮายัท บีบี อายุ 25 พวกเธอมีลูกชายให้เขา 14 คนและลูกสาว 21 คน (เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว ภรรยาสองคนของเขาเพิ่งคลอดลูกสาวให้เขาสองคน) แต่หมอก็มีแผนที่จะแต่งงานใหม่อีก

“ครอบครัวของเรา ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งดี ผมหวังว่าจะเจอภรรยาคนที่สี่และได้แต่งงานกับเธอไวๆ” คุณหมออธิบาย

สมาชิกทั้ง 39 คนของคุณหมออาศัยอยู่รวมกันในบ้านขนาด 4000 ตารางเมตร 12 ห้องนอน คุณหมอเปิด คลีนิกเล็กๆในเมืองกูเอตต้า ได้เงินเดือน 100000 รูปี ซึ่งเป็นเงินที่ทำให้เขาเลี้ยงดูลูกๆได้อย่างสบาย

คุณหมอรักลูกเท่ากันหมดไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย และเชื่อว่าผู้หญิงก็มีสิทธิได้รับการศึกษา “ลูกสาวของผมทุกคนจะได้เรียนหนังสือ” เขาบอก และอันที่จริง ลูกที่เขารักที่สุดก็คือลูกสาวคนโต

คุณหมอยอมรับว่าเขาจำชื่อลูกได้ไม่หมดทุกคน แต่เขาก็มีความสุขที่ในบ้านเต็มไปด้วยเด็กๆ “ผมมีความสุขที่สุดและโชคดีเพราะลูกๆ” เขากล่าว “เมื่อผมกลับบ้าน ลูกๆไม่ต่ำกว่าโหลจะวิ่งเข้ามาต้อนรับ พวกเด็กๆดูมีความสุขที่เห็นผม”

คุณหมอชอบเล่นกับลูก และชอบที่สุดเวลาเล่นคริกเก็ตที่ผู้เล่นในทีมทั้งสองทีมเป็นสมาชิกในครอบครัวของเขา สำหรับการไปเที่ยวพักผ่อน คุณหมอจะเหมารถเมล์ทั้งคันไปกันหมด

ขอขอบคุณภาพจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่