โมฮัมมัด ลุกค์แมน ชาอิค อายุ 48 และบาสเชีย มูลล่า อายุ 62 มีประวัติอาชญากรรมติดตัวยาวเป็นหางว่าว พวกเขาถูกจับเข้าซังเตเมื่อประมาณเดือนกว่าๆที่แล้วด้วยข้อหาปลอมพาสปอร์ตและเอกสารทางราชการอื่นๆ
ผู้ต้องขังทั้งสองมีชื่อเสียงในการปลอมแปลงเอกสารมาก พวกเขามีประวัติในการทำเอกสารปลอมและการตบตาตำรวจจนถึงขั้นที่ - ศาลต้องเตือนตำรวจให้ตรวจเช็คเอกสารต่างๆก่อนนำมายื่นให้ศาลในระหว่างการพิจารณาคดี
แต่ถึงขนาดเตือนกันแล้ว ชาอิดกับมูลล่าก็ยังใช้ความช่ำชองของตัวเองทำให้พวกเขาได้ประกันตัว แล้วตอนนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว
ว่าที่จริงผู้ต้องขังทั้งสองหนีออกมาจากเรือนจำตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ตำรวจเพิ่งรู้เรื่องเมื่อสามสี่วันที่ผ่านมาเมื่อวิชัย สนับ ตำรวจประจำโรงพักศรีนาคาร์พบพิรุธในเอกสารการปล่อยตัว
“ผมต้องตรวจสอบบันทึกของผู้ต้องขังที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัว ต้องตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆในโรงพักและตรวจสอบวันเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคดี ผมรู้ว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องขังทั้งสอง แต่เราจะปล่อยตัวพวกเขาไม่ได้เพราะยังตรวจสอบรายละเอียดของนายประกันไม่เสร็จ เรามีกระบวนการในการพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ และเมื่อตรวจสอบเสร็จ จึงจะปล่อยผู้ต้องขังได้ สำหรับผู้ต้องขังทั้งสองคนนี้ ศาลอนุญาตให้ประกันตัวในวันที่ 20 กรกฎาคม แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีบันทึกอะไรเพิ่มเติมอีกเลย”
แล้วเมื่อสามสี่วันที่แล้ว วิชัยก็เจอเอกสารชิ้นหนึ่งซึ่งระบุว่าผู้ต้องขังทั้งสองถูกปล่อยตัวไปแล้ว เอกสารชิ้นนี้คนที่ชงเรื่องให้ปล่อยตัวคือตำรวจชื่อ อาร์เอส ปาทิน มีสารวัตรใหญ่คาอัคราของโรงพักศรีนาคาร์ เป็นคนอนุมัติ
“ผมประจำอยู่ที่โรงพักศรีนาคาร์ ผมรู้ว่าไม่มีตำรวจชื่อปาทินที่นี่ และสารวัติใหญ่ก็ไม่ได้ชื่อนี้ ผมถามคนในโรงพักก็เลยรู้ว่าคำสั่งให้ตรวจสอบคำสั่งศาลยังมาไม่ถึงพวกเขา พวกเขาจึงยังไม่ได้อนุมัติให้ปล่อยตัวผู้ต้องขัง พวกเขาไม่รู้เลยว่าผู้ต้องขังถูกปล่อยตัวไปแล้ว
เมื่อเขาขอให้ตำรวจตรวจสอบเอกสารทั้งหมดที่ทนายของผู้ต้องขังเอามายื่นขอประกันตัวผู้ต้องขัง ก็พบว่านายประกันชื่อซานโต๊ส ดองเกร และ ศักราราม กูเด ก็ไม่มีตัวตนเช่นเดียวกับปาทินและสารวัตรใหญ่ซึ่งอนุมัติเอกสารการปล่อยตัว นอกจากนั้นผู้ต้องขังก็ยังปลอมตราประทับของตำรวจอีกด้วย
พอรู้ดังนี้ ตำรวจจึงควานหาทนายคนนี้แล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่หาทนายชื่อนี้ไม่เจอ ดังนั้นจึงน่าจะเป็นชื่อของทนายเป็นชื่อปลอมเหมือนกับเอกสารทั้งหมด
ตำรวจสงสัยว่าจะมีคนในศาลให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขังทั้งสองเพื่อทำให้เอกสารการปล่อยตัวรอดสายตาของตำรวจ ขณะนี้การสอบสวนกำลังดำเนินต่อไป
อ่านจบแล้ว อย่าคิดว่ากำลังดูหนังฮอลลีวู๊ดนะนายจ๋า
อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น