วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ชายวัยเกษียนชาวฟลอริด้าถูกจับเพราะน้ำตาล

ชายวัยเกษียนชาวฟลอริด้าอาจไม่กินโดนัทในรถไปอีกจนตาย


รูปแทน

แดเนียล รัสติ้ง (นามสมมุติ)อาจไม่กินโดนัทในรถไปอีกตลอดชาติ – เหตุการณ์เกิดในเมืองออร์แลนโด้ ฟลอริด้า

แดเนียล อายุ 64 ถูกจับข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองหลังจากตำรวจเห็นเกล็ดเล็กๆสีขาวเป็นประกายสี่เกล็ดตกอยู่บนพื้นรถและคิดว่ามันเป็นยาไอซ์

ตำรวจหญิงเมืองออร์แลนโด้เขียนในบันทึกการจับกุมว่า เมื่อวันที่ 11 เดือนธันวาคม ในขณะที่เธอกำลังตั้งด่านตรวจบนถนน เธอโบกรถของแดเนียลแล้วเห็นเกล็ดสีขาวตกอยู่บนพื้นรถของเขา เมื่อเอาสารดังกล่าวมาตรวจกับอุปกรณ์ตรวจสารเสพติดที่ติดมาด้วย เธอพบว่ามันเป็นสารผิดกฎหมาย แดเนียลจึงถูกจับ

แต่หลังจากนั้นหลายสัปดาห์ แดเนียลก็พ้นข้อกล่าวหาเมื่อการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งในห้องแล็ปของเมือง ออร์แลนโด้ให้ผลตรงกันข้าม

“ใครจะเชื่อ” แดเนียลกล่าว “คุณไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ถูกจับ มันน่ากลัว...มันเป็นความรู้สึกที่แย่สุดๆ”

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อแดเนียลขับรถพาเพื่อนบ้านคนหนึ่งไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อทำคีโม (เพื่อนเป็นมะเร็งครับ) เสร็จแล้วขับไปรับเพื่อนที่ซูเปอร์มาร์เกตเพราะเพื่อนขอนั่งรถกลับบ้านด้วย

ตำรวจหญิงที่จับแดเนียลกล่าวว่าขณะนั้นเธอกำลังตั้งด่านตรวจจับยาเสพติด เธอโบกรถของแดเนียล ในบันทึกการจับกุม เธอพบปืนอยู่ในเก๊ะหน้ารถของเขา ซึ่งเขาบอกว่าเขามีใบอนุญาต เมื่อเธอบอกให้เขาลงจากรถ เธอก็เห็น “สารที่เป็นเม็ดเล็กๆเหมือนหิน” ตกอยู่บนพื้นรถ

“จากการฝึกฝนและประสบการณ์การเป็นตำรวจมาสิบเอ็ดปี ฉันรู้ว่านั่นเป็นยาเสพติดอะไรสักอย่าง”

แดเนียลไม่ขัดขืนเมื่อตำรวจขอตรวจค้นรถ “ผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง” เขาบอก “แต่ในอนาคต ผมจะไม่ให้ใครค้นรถผมอีกแน่”

ตำรวจหญิงนางนั้นและตำรวจคนอื่นๆเห็นสารสีขาวอีกสามเกล็ด

แดเนียลกล่าวว่า “ผมบอกพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่ามันเป็นน้ำตาลโรยหน้าโดนัทๆ”

อย่างไรก็ดี เขาถูกตั้งข้อหามียาเสพติดและมีอาวุธไว้ในครอบครอง เขาถูกจับเข้าห้องขังนานสิบชั่วโมงก่อนที่จะถูกประกันตัวออกไป

สำนักงานตำรวจฟลอริด้าออกมาบอกกับผู้สื่อข่าวว่าห้องแล็ปของรัฐออร์แลนโด้ไม่ได้พยายามตรวจว่าสารที่ตำรวจพบในรถคืออะไร แต่ตรวจว่ามันคือสารผิดกฎหมายหรือไม่เท่านั้น เมื่อตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่สารผิดกฎหมาย สำนักงานอัยการก็ยกเลิกข้อหาที่ตั้งกับคุณแดเนียลหลังจากการจับกุมสามวัน”

แดเนียล - ทำงานฝ่ายดูแลสวนสาธารณะของออร์แลนโด้ 25 ปีแล้วเกษียนออกมา - บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเขาจ้างทนายแล้วและวางแผนจะฟ้องสำนักงานตำรวจที่จับเขา “โดยไม่มีเหตุผลใดๆ”

สำนักงานตำรวจระบุในแถลงการณ์ว่าการจับกุมถูกต้องตามกฎหมาย

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

นึกว่าเป็นแคมป์ของชาวนู๊ด

ปีศาจสุราทิ้งเสื้อผ้าไว้ในผับ





ปีศาจสุราถูกกล้องวงจรปิดถ่ายภาพเอาไว้ขณะเดินเปลือยกาย ผ่าใจกลางเมืองๆหนึ่งในสาธารณรัฐเช็กเพราะเงินหมด

ปีศาจสุราตนหนึ่งไม่มีเงินจ่ายค่าเหล้า จึงถอดเสื้อผ้าเอาไว้ในผับเพื่อเป็นหลักประกันแล้วเดินโทงๆออกไปหาเงินตอนกลางวันแสกๆ

คนในละแวกนั้นตกตะลึง มองกันตาค้างเมื่อเขาเดินเข้าไปในเมืองเปรอฟในสาธารณรัฐเช็กโดยใส่ถุงเท้าสีดำคู่เดียว

กล้องวงจรปิดในเมืองบันทึกภาพของเขาเอาไว้ได้ตอนที่เขาเดินข้ามถนนพร้อมกับคุยโทรศัพท์มือถืออย่างสบายใจ

เมื่อถูกตำรวจเรียก เขาบอกว่าเขาแค่จะเดินไปเอาเงินที่ผับอีกแห่ง ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง

ในที่สุด ตำรวจก็อนุญาตให้เขาทำภารกิจต่อไปได้ ซึ่งต่อจากนั้น เขาก็เอาเงินมาจ่ายค่าเหล้าให้กับผับที่เกิดเหตุแล้วเก็บเสื้อผ้าออกไป

ตำรวจท้องที่กล่าวว่าพวกเขาโอนเรื่องนี้ไปให้ตำรวจตำรวจส่วนกลางเพื่อดำเนินการต่อไป

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิธีแก้เซ็งของหนุ่มมะกัน

หนุ่มวอชิงตันขับรถหนีตำรวจแก้เซ็ง



ตำรวจเปิดเผยว่าหนุ่มมะกันคนหนึ่งขับรถให้ตำรวจไล่ล่าแก้เซ็ง  - เหตุเกิดที่เมืองโอลิมเปีย กรุงวอชิงตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อกลางดึกของคืนวันเสาร์ ตำรวจเห็นชายวัย 30 ปีคนหนึ่งขับรถผ่านสี่แยกในเขตโอลิมเปียไปอย่างรวดเรว ตำรวจจึงขับตามไป

ตำรวจพยายามจะให้เขาจอด แต่เขาไม่เชื่อฟัง (ข่าวไม่ได้บอกว่าเขาขับฝ่าไฟแดง)

ตำรวจไล่ตามรถของชายคนนั้นไป ด้วยความเร็ว 49 ไมล์ (79 กิโล) ต่อชั่วโมง นานกว่าหนึ่งชั่วโมง

ผ่านไปสองท้องที่ ชายคนนั้นก็พลาด ขับไปชนรั้ว ขับต่อไปไม่ได้

ตำรวจกล่าวว่าเขาไม่ได้เมาเหล้าหรือเมายาแต่อย่างใด

ชายคนนี้ไม่มีหมายจับ ไม่เคยต้องคดีใดๆและใบขับขี่ของเขาก็ยังไม่หมดอายุ

ตำรวจสรุปว่าชายคนนี้ขับรถให้ตำรวจไล่ล่าเพื่อความสนุกสนาน เขาถูกตั้งข้อหาขับรถหนีตำรวจ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิธีเอาโรคไลม์ออกไปจากสนามหญ้าของคุณ

ถึงหน้าฝน เห็บหมัดก็อาละวาดอีกแล้ว





พอเข้าหน้าฝน คนที่เลี้ยงสุนัขจะรู้ว่าเห็บหมัดจะอาละวาดอีกแล้ว เห็บหมัดพวกนี้นอกจากจะอยู่กับสุนัขแล้ว ก็เพ่นพล่านไปทั่ว ถ้ามันกัดคุณแล้วมันมีเชื้อ คุณก็อาจจะเป็นโรคไลม์ (lyme desease)ได้

โรคไลม์คืออะไร?

โรคไลม์เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Borrelia spp. ติดต่อโดยการแพร่เชื้อผ่านเห็บ อาการของโรคแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะมีผื่นแดงรอบรอยกัดและปวดตามข้อ หรือข้ออักเสบ หากไม่ได้รักษาอาจเริ่มมีอาการเพิ่มที่ข้อต่อ หัวใจและระบบประสาทส่วนกลาง  โรคนี้พบได้ทั่วโลก ส่วนใหญ่รักษาหายขาดได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ

แล้วคุณจะป้องกันตัวยังไง?

ก็พอมีทางอยู่ ลองทำตามนี้คงพอช่วยได้ (แค่พอช่วยได้นะ)

ตัดหญ้าในสนาม
ตัดหญ้าสูงๆและวัชพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงขอบสนาม เพื่อกำจัดที่ๆเห็บชอบไปสิงสู่ จากนั้นเก็บใบไม้ ไปรวมกันไว้ รอให้มันเป็นปุ๋ย

ทำให้มันระคายเท้า
เห็บไม่ชอบเดินบนเศษไม้ ก้อนกรวดหรือก้อนหิน ก็คงเหมือนคนที่รู้สึกจักจี้ตอนเดินบนหญ้านั่นแหละฉะนั้นก็เอาก้อนกรวดก้อนหินหรือเศษไม้มาโรยกั้นไม่ให้พวกมันเดินเข้ามาในบ้านก็แล้วกัน (แต่เห็บกระโดดเก่งนะ)

เรียงกองไม้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
บางครั้งที่เราเจอเห็บคลานอยู่บนกองไม้ชื้นๆในที่มืดๆ ถ้าบ้านคุณมีกองไม้ เอามันมาเรียงไว้ในที่ๆเจอแดดจะดีกว่า โปรดจำไว้ว่าบริเวณที่มีไม้และมีความชื้นเชื้อเชิญเห็บ ส่วนบริเวณที่แห้งและมีแสงแดดไม่เชื้อเชิญ

ปลูกต้นไม้ไล่เห็บ
ในขณะที่สารเคมี DEET (สารเคมีไล่แมลง. N,N-diethyl-m-toluamide หรือเรียกโดยทั่วไปว่า DEET จัดเป็นสารเคมีที่ใช้ไล่แมลง – มักอยู่ในผลิตภัณฑ์กันยุงและแมลงบินเล็กๆ เช่นยาฉีดกันยุง โลชั่น ฯลฯ) เป็นสารเคมีสำหรับไล่เห็บที่ดี แต่มันก็สามารถทำร้ายคุณได้ (ผลิตภัณฑ์ที่มีผสมสารเคมีชนิดนี้ไม่ควรใช้กับทารก) ถ้าคุณต้องใช้เคมีไล่เห็บ โปรดอ่านวิธีใช้ให้ดีด้วย แต่ถ้าคุณไม่อยากใช้ มันก็มีวิธีที่จะอยู่โดยไม่มีแมลงมากล้ำกรายแบบไม่ต้องพึ่งพา DEET อยู่ ยกตัวอย่างเช่นการปลูกต้น American beauty –berry bush ซึ่งเป็นไม้ทรงสวยและพิสูจน์แล้วว่าใบสามารถไล่เห็บได้เอาไว้ (บ้านเราก็มีตะไคร้หอมหรือสะเดา แต่ต้องสกัดเอาน้ำมันมาใช้)

สุดท้ายก็คือใช้บริการของตัวกินเห็บ
มันไม่ใช่ทางเลือกสำหรับทุกคนหรอก แต่ลองลงทุนเลี้ยงไก่ดูสักสองสามตัวสิ เลี้ยงไก่ นอกจากจะได้กินไข่แล้ว ไก่ก็ยังกินเห็บให้คุณด้วย ถ้าคุณเลือกทางนี้ ก็คิดเผื่อเอาไว้ด้วยว่าจะหาอาหารและที่อยู่ให้พวกมันยังไง ไก่และสัตว์ปีกอื่นๆที่คุณเลี้ยงไว้ในสนามจะช่วยลดประชากรเห็บ แต่โชตร้ายที่สัตว์ปีกเหล่านี้บางชนิดก็มีไร มีเห็บเสียเอง ดังนั้นก็อย่าสร้างกรงหรือที่ให้อาหารไก่ใกล้กับหญ้ารกๆหรือเศษขยะที่เห็บจะอาศัยอยู่

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ถ่ายรูปใต้กระโปรงไม่ผิดกฎหมายในจอร์เจีย สหรัฐ

จอร์เจียอนุญาตให้ถ่ายรูปใต้กระโปรงได้โดยไม่ผิดกฎหมาย





ใครที่ชอบเรื่องตื่นเต้นแบบนี้ต้องรีบไปเพราะจะหมดเวลาโปรโมชั่นในปีหน้า

เจ้าหน้าที่ของรัฐจอร์เจีย สหรัฐออกมาเตือนผู้หญิงให้เพิ่มความระมัดระวังคนรอบข้างให้มากขึ้นในอีกหกเดือนข้างหน้าหลังจากพบว่าฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐเขียนกฎหมายออกมาให้พวกโรคจิตถ่ายรูปใต้กระโปรงของสาวแก่แม่หม้ายในที่สาธารณะได้โดยไม่ได้ผิดกฎหมายโดยไม่ได้ตั้งใจ

มันเป็นไปได้ยังไง?

มันเกิดขึ้นในปี 2013 เมื่อแบรนดอน ลี (นามสมมุติ) เสมียนร้านค้าในเมืองเปอร์รี่ รัฐจอร์เจียถูกดำเนินคดีข้อหาถ่ายคลิปใต้กระโปรงของลูกค้ารายหนึ่ง

แบรนดอน – และผู้ชายอีกจำนวนมากก่อนหน้าเขา – ถูกตัดสินว่าทำผิดฐานละเมิดสิทธิส่วนบุคคล (เพราะรัฐไม่มีกฎหมายเป็นการเฉพาะเกี่ยวกับการถ่ายรูปใต้กระโปรง)

แต่เมื่อไม่นานมานี้ แบรนดอนยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยให้เหตุผลว่าถ้อยคำในกฎหมายสิทธิ์ส่วนบุคคลไม่ได้ครอบคลุมไปถึงการถ่ายรูปใต้กระโปรง เป็นผลให้กฎหมายไม่สามารถเอาผิดคนที่ถ่ายรูปใต้กระโปรงของผู้หญิงโดยที่เธอไม่ยินยอมในที่สาธารณะได้

ศาลให้ฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐไปเรียบเรียงถ้อยคำของกฎหมายใหม่ ให้การถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปใต้กระโปรงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่โชคร้ายที่ฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถทำตามคำสั่งศาลได้จนกว่าจะเปิดประชุมสภาอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิที่จะถึง จึงเป็นอันว่าการถ่ายรูปหรือคลิปใต้กระโปรงโดยที่ผู้หญิงไม่ยินยอมจะไม่ผิดกฎหมายไปอีกหกเดือน

แต่ถ้าการถ่ายรุนแรงถึงขั้นละเมิด เช่นไปแอบถ่ายในห้องแต่งตัว กฎหมายก็ยังจะปกป้องผู้เสียหายต่อไป ในทางกลับกัน ถ้าพวกโรคจิตพยายามจะถ่ายในที่สาธารณะ เช่นในซูเปอร์มาร์เกตหรือตามริมถนน พวกเขาจะไม่ผิดกฎหมาย

ศาสตราจารย์ทางกฎหมายท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยจอร์เจียกล่าวว่า “นี่เท่ากับคุณให้ใบอนุญาตกับคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ทำเช่นนี้ต่อไปได้จนถึงปีหน้า”

ส่วนฝ่ายการเมืองของรัฐกล่าวว่าพวกเขาจะรีบเอากฎหมายนี้เข้าสภาและจะให้มันผ่านออกมาโดยเร็ว

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

นอนดูจอสมาร์ตโฟนนานๆในเวลากลางคืนอาจตาบอดได้?

กลางคืนมีไว้ให้นอน เอาแต่อ่านสมาร์ตโฟนอาจตาบอดได้





มีผู้หญิงสองคนเกิดอากาตาบอดชั่วคราวเพราะนอนดูจอโทรศัพท์ในความมืดเป็นประจำ หมอหลายคนกำลังออกมาเตือนคนอื่นๆให้ตระหนักถึงอาการผิดปกติเช่นนี้

วิธีแก้ก็คือ – เวลาจะดูหน้าจอสมาร์ตโฟนในความมืด พยายามดูทั้งสองตา

มีแพทย์หลายคนออกมาพูดถึงอาการป่วยของผู้หญิงสองคน คนหนึ่งอายุ 22 อีกคนอายุ 40 ที่มีอาการ “ตาบอดชั่วคราว” นานหลายเดือน  - วารสาร นิว อิงแกลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิกัลรายงาน

หญิงต่างวัยทั้งสองมีอาการมองไม่เห็นบ่อยๆ (โดยบางครั้งนานถึง 15 นาที) เมื่อพวกเธอไปโรงพยาบาล พวกเธอถูกส่งไปตรวจกับหมอหลายแผนก รวมทั้งถูกส่งไปทำเอ็มอาร์ทีและตรวจหัวใจ แต่หมอทุกแผนกหาสิ่งผิดปกติที่จะเอามาอธิบายสาเหตุของอาการของพวกเธอไม่ได้

แต่พอพวกเธอเดินเข้าไปหาจักษุแพทย์ได้ไม่กี่นาที ความลับก็ถูกเปิดเผย

“ผมก็แค่ถามพวกเธอว่า ‘คุณกำลังทำอะไรก่อนที่จะมีอาการเช่นนี้’ จักษุแพทย์ของโรงพยาบาลตามัวร์ฟิลด์ในลอนดอนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หมออธิบายว่าผู้หญิงทั้งสองนอนตะแคงในห้องนอนที่ไม่เปิดไฟและดูจอสมาร์ตโฟนด้วยตาข้างเดียว ส่วนตาอีกข้างมีหมอนบังอยู่

“นั่นหมายความว่าตาข้างหนึ่งของคุณปรับตัวให้เข้ากับแสงเพราะมันกำลังดูจอโทรศัพท์ในขณะที่ตาอีกข้างหนึ่งปรับตัวให้เข้ากับความมืด

เมื่อพวกเธอวางโทรศัพท์ ตาข้างที่ดูจอโทรศัพท์ก็จะมองไม่เห็น นั่นก็เพราะ มันต้องใช้เวลาหลายนาทีเพื่อจะปรับตัวเข้าหาตาข้างที่ปรับตัวเข้ากับความมืด” หมอกล่าว

แต่ข่าวดีก็คืออาการตาบอดชั่วคราวไม่เป็นอันตราย และหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆ ด้วยการดูจอโทรศัพท์ทั้งสองตา

คนไข้สาวคนหนึ่งโล่งอกที่อาการมองไม่เห็นชั่วคราวไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะเป็นปัญหารุนแรงมากกว่านี้ แต่อีกคนค่อนข้างจะวิตกจริต เธอจดบันทึกอาการของเธอทุกวันก่อนที่จะเชื่อคำพูดของหมอ แต่เธอก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้เช็คโทรศัพท์บนเตียงนอนไม่ได้

แต่หมออีกคน ซึ่งเป็นโฆษกของสมาคมจักษุแพทย์อเมริกันพูดถึงการวินิจฉัยนี้ว่าเป็นสมมุติฐานที่ดี แต่กล่าวว่าการมีคนไข้แค่สองคนไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าการดูจอโทรศัพท์ตาเดียวในความมืดเป็นเหตุให้เกิดปัญหา นอกจากนั้น เขาก็ยังสงสัยด้วยว่าคนมากมายก่ายกองที่ใช้สมาร์ตโฟนเคยมีอาการนี้หรือไม่

หมอท่านนี้ยอมรับว่าเขาก็ติดสมาต์โฟน ท่านกล่าวว่าเมื่อเร็วๆนี้ท่านกับภรรยาลองนอน ไม่เปิดไฟ ดูจอโทรศัพท์มาแล้ว แล้วพบว่าการดูจอโทรศัพท์ด้วยตาข้างเดียวมันยากมาก “มันแปลกมากนะ” หมอเสริม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โจรดวงซวย ถูกตำรวจจับได้ในสภาพเปลือยเปล่า

โจรแก้ผ้าบุกบ้านสาว ถูกตำรวจจับได้ในสภาพเปลือยเปล่า



รูปแทน


หนุ่มเมืองเฮอมิสตันแก้ผ้า บุกเข้าไปหาหญิงที่อยู่คนเดียวในบ้าน แต่สุดท้ายต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปจนมุมตำรวจอยู่บนต้นไม้

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้นกับเกล์ วิลสันเมื่อหนุ่มชีเปลือยคนหนึ่งเปิดประตูเข้าไปในบ้านในเซาท์อีส  เพนเดอตันของเธอแล้วทักเธอว่า "ไฮ ฮันนี่"

ขณะเกิดเหตุ วิลสัน – ซึ่งเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อม - กำลังนั่งดื่มซุปอยู่บนเก้าอี้ช่วยประคองตัว

เธอเล่าว่า "เขาแสยะยิ้มจนเห็นฟันเต็มปาก แล้วเดินอ้าแขนเข้ามาหาฉัน ฉันได้แต่พูดซ้ำๆว่าอย่าเข้ามานะ ออกไปจากบ้านหลังนี้"

ตอนนั้น วิลสันอยู่บ้านคนเดียว สามีและลูกสาวของเธอไม่อยู่ เมื่อโจร (ซึ่งทราบชื่อในภายหลังว่า สตีเฟน เอส เบอร์ตัน อายุ 30) ก้มลงมากอดเธอ เธอผลักมันออกไป

วิลสัน ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติ กล่าวว่าประสบการณ์จากการฝึกการป้องกันตัวหวนกลับเข้ามาในสมองของเธออีกครั้ง เธอนั่งตัวตรง ไม่แสดงอาการสติแตกและไม่สบตามัน นอกจากนั้นเธอก็คิดถึงปืนที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง

โจรบ้ากามคนนี้ท่าทางจะแข็งแรงไม่น้อยเพราะมันลากสุนัขพันธ์ลาบราดอร์สีดำของเธอไปขังไว้ในห้องข้างหลัง แล้วเธอก็น่าจะผลักมันไปหลายครั้ง

"ฉันคิดว่าฉันคงจะเสร็จมันแน่ คงถูกมันข่มขืนหรือไม่ก็ฆ่าทิ้ง" วิลสันลำดับเหตุการณ์ "ตอนนั้น ฉันคิดว่าคงต้องรับชะตากรรม แต่ฉันจะไม่ยอมมันง่ายๆ"

อย่างไรก็ดี วิลสันสามารถโทรแจ้ง 911ได้สำเร็จ

เมื่อตำรวจไปถึงหน้าบ้านของวิลสัน ไอ้โจรหัวขโมย (ซึ่งยังไม่ได้นุ่งผ้า)กำลังเดินสำรวจทรัพย์สินอยู่นอกบ้านของเธอ เมื่อมันเห็นตำรวจ มันรีบวิ่งหนีทันที

ตำรวจกล่าวว่าเบอร์ตันมุ่งหน้าไปทางเหนือแล้วปีนกำแพงที่สร้างเอาไว้กันพายุซึ่งตั้งเป็นแนวอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำอูมาทีลลา (กำแพงนี้สูงสี่ห้าสิบฟุต)

แต่ตำรวจไม่ได้ยินเสียงน้ำแตกกระจายหรือเสียงสัญญาณใดที่แสดงว่าเบอร์ตันกระโดดลงไปในน้ำ พวกเขาจึงวิ่งไปดู

เมื่อไปถึงริมกำแพงและมองลงไป ตำรวจเห็นเบอร์ตันติดอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง ข้อเท้าของเขาติดอยู่กับง่ามไม้ หัวห้อย ห่างจากพื้นห้าหกฟุต

ตำรวจเปิดเผยว่าเบอร์ตันมีท่าทางมึนเมาและแสดงอาการว่าจะขัดขืนการจับกุม พวกเขาจึงเรียกหน่วยกู้ชีพและหน่วยค้นหาและกู้ภัยมายังที่เกิดเหตุ

พนักงานดับเพลิงและกู้ชีพคนหนึ่งกล่าวว่า "เขาตะโกนขอความช่วยเหลือ และดิ้นรนให้หลุดจากต้นไม้"
แต่เนื่องจากตำรวจบอกว่าเบอร์ตันอาจขัดขืนการจับกุม เจ้าหน้าที่นายนี้จึงถอยออกมาและรอให้ตำรวจมาช่วย แล้วในที่สุดก็ช่วยเบอร์ตันลงมาได้

"เขาขัดขืนเราเล็กน้อย แต่เราทำให้เขาสงบลงได้" เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวๆแล้วเสริมว่าเบอร์ตันดูเหมือนจะเมายา แล้วก็เพราะเมานี่แหละที่ทำให้เขาถอดเสื้อผ้าเปียกๆเอาไว้ริมตลิ่งก่อนเข้าไปในบ้านของวิลสัน

เบอร์ตันถูกพาไปส่งโรงพยาบาลก่อนถูกนำตัวไปเข้าห้องขัง เขาถูกตั้งข้อหาโจรกรรม ลามกอนาจาร มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและขัดขืนการจับกุม

ส่วนวิลสันก็ขอบคุณตำรวจ พนักงานดับเพลิงและบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เธอจะไม่ลืมความช่วยเหลือของพวกเขา

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ร้านขายไก่ทอดชื่อดังเปิดตัวยาทาเล็บแบบกินได้

ไก๊ ไก่ ไก๊ ไก่ ไก่ ไก๊ ไก่ ไก่ ไก่ ไก่ ไก่

รูปแทน

ไก๊ ไก่ ไก๊ ไก่ ไก่ ไก๊ ไก่ ไก่ ไก่ ไก่ ไก่
ก.เอ๋ย ก.ไก่ ข.ในเล้า
ค.คนขึงขัง ฆ.ระฆังข้างขวา
ง.ใจกล้า จ.จานใช้ดี
(เนื้อเพลงไก้ไก่ ของศิลปินโหน่ง ะชะช่า) 

ได้เวลาเลียนิ้วกันให้อร่อยกันแล้ว!

คุณจะพูดอะไรได้อีกเมื่อร้านไก่ทอดชื่อดังในเอเซียเริ่มเอารสชาติดอันจัดจ้านของพวกเขาเข้าไปในโลกของเครื่องสำอาง

พอมีข่าวนี้ ก็มีคนไม่เห็นดีเห็นงามด้วย แต่บริษัทขายไก่ทอดดังกล่าวก็เปิดตัวยาทาเล็บรสไก่ในฮ่องกงไปแล้วสองรส

สินค้าสองตัวนี้เปิดตัวในวันแอพพริล ฟูล เดย์ – วันแห่งการโกหก – แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก

นักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร - ที่ทำงานในบริษัทจัดหาเครื่องเทศให้กับภัตตาคารขายไก่ทอดรายนี้  - ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตยาทาเล็บรายหนึ่ง ผลิตยาทาเล็บออกมาสองรส คือรสดั้งเดิมและรสฮ็อต แอนด์ สไปซี่

สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ไปกินที่ร้าน ก็ขอบอกเลยว่าทั้งสองนี้เป็นรสยอดนิยม

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของบริษัทที่ทำการตลาดให้กับร้านขายไก่ทอดเจ้านี้เปิดเผยว่ายาทาเล็บของพวกเขาก็เหมือนกับยาทาเล็บอื่นๆ เวลาแห้ง มันจะเป็นเงา แล้วพอแห้งก็ได้เวลาเลียกันแล้ว

ภัตตาคารเจ้าของยาทาเล็บชนิดนี้กล่าวว่าถ้าเลียตามปกติ ยาทาเล็บจะอยู่ได้สามวัน

แรกเริ่มเดิมทีทางร้านก็ทำออกมาเพื่อเป็นของที่ระลึก โดยบรรจุเอาไว้ในกล่องสวยหรูเท่านั้น แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มขายให้กับคนทั่วไป ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ขอให้คนฮ่องกงลงคะแนนเลือกรสชาติที่ตนชอบ เมื่อได้ผลคะแนนมากพอแล้ว พวกเขาก็เริ่มผลิตรสที่ได้รับเลือกในเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันปรากฏว่ารสดั้งเดิมแซงหน้ารสฮ็อต แอนด์ สไปซี่ไปเล็กน้อย

อนึ่ง เมื่อก่อนนี้ก็เคยมีคนผลิตยาทาเล็บรสผลไม้และผักออกมาขายให้กับเด็กภายใต้ชื่อ “คิด ลิคส์” มาแล้ว

อย่างไรก็ดี ก็มีคนเป็นห่วงว่าเครื่องสำอางชนิดนี้จะไม่ปลอดภัย และการชวนเชิญให้เลียนิ้วก็อาจจะเป็นการชวนให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกสุขอนามัย

ร้านในบ้านเราจะเอามาขายบ้างมั้ยเนี่ย?

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ขโมยหัวใสขโมยสมองคน เอามาผสมกับยาเสพติด

เอาส่วนผสมจากสมองคนมาผสมกับกัญชาทำให้กัญชาออกฤทธิ์แรงขึ้น?





ชายหนุ่มชาวเพนวาเนีย – ซึ่งถูกจับด้วยข้อหาลักขโมย – ถูกตั้งข้อหาว่าใช้สมองคนเพื่อทำให้มึนเมาเพิ่มขึ้นอีกข้อหาหนึ่ง

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตำรวจตั้งข้อหาทำร้ายศพกับหนุ่มโจชัว (นามสมมุติ) อายุ 26 หลังจากป้าของเขาไปเจอสมองคนอยู่ใต้ระเบียงหน้าบ้านของรถบ้านซึ่งจอดร้างอยู่ในเมืองเพนน์ ทาวน์ชิพ

สมองดังกล่าวบรรจุอยู่ในขวดโหลใส ซึ่งอยู่ในถุงใส่ของของห้างวอลล์มาร์ท

รถบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของร็อบบี้ โซลเลอร์ กับ เอ็นเจอล่า มิคโกล้ – ทั้งสองเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นที่ตำรวจต้องการตัว และเอ็นเจอล่าก็เป็นป้าของโจชัว

ตำรวจเปิดเผยว่าพวกเขาเจอสมองมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แล้วพวกเขาก็ให้ญาติคนหนึ่งของโจชัวให้ไปถามโจซัวซึ่งอยู่ในเรือนจำว่าทำไมสมองคนถึงได้ไปอยู่ในถุงใส่ของ ของวอลล์มาร์ทที่ซุกอยู่ใต้ระเบียงบ้าน

จากบันทึกของตำรวจ - โจชัวหลุดปากออกมาว่าเขากับโซลเลอร์ใช้น้ำยาดองศพที่ใช้ดองสมองมา ”ชุบ” กับกัญชาแล้วสูบ

ตำรวจเปิดเผยว่าโจซัวและเพื่อนร่วมก๊วนตั้งชื่อให้สมองว่า “เฟรดดี้”

เขาสารภาพกับตำรวจแผนกสืบสวนว่ามันผิดกฏหมายที่เอาสมองมนุษย์มาเก็บไว้ในครอบครอง

เจ้าหน้าที่สำนักงานชันสูตรพลิกศพเมืองคัมเบอร์แลนด์ เคาน์ตี้ คิดว่า “เฟรดดี้” น่าจะเป็นตัวอย่างสำหรับการเรียนการสอนที่ถูกขโมยมา

ขณะนี้โจชัวถูกขังอยู่ในเรือนจำคัมเบอร์แลนด์ด้วยข้อหาลักขโมยหลายคดี แทนการประกันตัว ตำรวจตั้งเงินประกันตัวไว้ที่ 100,000 ดอลลาร์

ปปส.ของสหรัฐเปิดเผยว่าการสูบกัญชาแบบ “ชุบ” สารระเหยกำลังมาแรงเพราะทำให้ผู้เสพเมามากกว่าเดิม แต่ในเมื่อมันเป็นยาเสพติด มันจึงทำลายสุขภาพ และอาจรุนแรงจนถึงทำลายสมองได้ (เพื่อความเหมาะสม ขอตัดวิธีชุบมันออกไป)

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons/ A photograph of a cannabis plant / Author: United States Fish and Wildlife Service

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

ขโมยหัวใสขโมยสมองคน เอามาผสมกับยาเสพติด

เอาส่วนผสมจากสมองคนมาผสมกับกัญชาทำให้กัญชาออกฤทธิ์แรงขึ้น?





ชายหนุ่มชาวเพนวาเนีย – ซึ่งถูกจับด้วยข้อหาลักขโมย – ถูกตั้งข้อหาว่าใช้สมองคนเพื่อทำให้มึนเมาเพิ่มขึ้นอีกข้อหาหนึ่ง

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตำรวจตั้งข้อหาทำร้ายศพกับหนุ่มโจชัว (นามสมมุติ) อายุ 26 หลังจากป้าของเขาไปเจอสมองคนอยู่ใต้ระเบียงหน้าบ้านของรถบ้านซึ่งจอดร้างอยู่ในเมืองเพนน์ ทาวน์ชิพ

สมองดังกล่าวบรรจุอยู่ในขวดโหลใส ซึ่งอยู่ในถุงใส่ของของห้างวอลล์มาร์ท

รถบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของร็อบบี้ โซลเลอร์ กับ เอ็นเจอล่า มิคโกล้ – ทั้งสองเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นที่ตำรวจต้องการตัว และเอ็นเจอล่าก็เป็นป้าของโจชัว

ตำรวจเปิดเผยว่าพวกเขาเจอสมองมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แล้วพวกเขาก็ให้ญาติคนหนึ่งของโจชัวให้ไปถามโจซัวซึ่งอยู่ในเรือนจำว่าทำไมสมองคนถึงได้ไปอยู่ในถุงใส่ของ ของวอลล์มาร์ทที่ซุกอยู่ใต้ระเบียงบ้าน

จากบันทึกของตำรวจ - โจชัวหลุดปากออกมาว่าเขากับโซลเลอร์ใช้น้ำยาดองศพที่ใช้ดองสมองมา ”ชุบ” กับกัญชาแล้วสูบ

ตำรวจเปิดเผยว่าโจซัวและเพื่อนร่วมก๊วนตั้งชื่อให้สมองว่า “เฟรดดี้”

เขาสารภาพกับตำรวจแผนกสืบสวนว่ามันผิดกฏหมายที่เอาสมองมนุษย์มาเก็บไว้ในครอบครอง

เจ้าหน้าที่สำนักงานชันสูตรพลิกศพเมืองคัมเบอร์แลนด์ เคาน์ตี้ คิดว่า “เฟรดดี้” น่าจะเป็นตัวอย่างสำหรับการเรียนการสอนที่ถูกขโมยมา

ขณะนี้โจชัวถูกขังอยู่ในเรือนจำคัมเบอร์แลนด์ด้วยข้อหาลักขโมยหลายคดี แทนการประกันตัว ตำรวจตั้งเงินประกันตัวไว้ที่ 100,000 ดอลลาร์

ปปส.ของสหรัฐเปิดเผยว่าการสูบกัญชาแบบ “ชุบ” สารระเหยกำลังมาแรงเพราะทำให้ผู้เสพเมามากกว่าเดิม แต่ในเมื่อมันเป็นยาเสพติด มันจึงทำลายสุขภาพ และอาจรุนแรงจนถึงทำลายสมองได้ (เพื่อความเหมาะสม ขอตัดวิธีชุบมันออกไป)

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons/ A photograph of a cannabis plant / Author: United States Fish and Wildlife Service

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รถซิ่งไม่โดนจับในสเปน

รถซิ่งบนถนน ทำให้ตำรวจเมืองบาร์ซ่ามึนตึ้บ


รูปแทน


คุณจะว่ายังไงถ้ากำลังขับรถอยู่ท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่นแล้วอยู่ดีๆ ก็มีรถคันหนึ่งซิ่งปาดซ้ายปาดขวา แซงหน้าแล้วหายวับไปอย่างรวดเร็ว

คลิปที่มีคนถ่ายเอาไว้ทำให้เห็นชายคนหนึ่งซิ่งไปตามถนนใหญ่ที่มีรถคับคั่งในเมืองคาตาลัน แต่ตำรวจบอกว่าทำอะไรไม่ได้

ตำรวจในเมืองบาร์เซลน่ามึนเมื่อดูคลิปแล้วเห็นชายคนหนึ่งนั่งวีลแชร์ไฟฟ้าซิ่งไปตามถนนสำคัญสายหนึ่งในเมือง เขาปาดซ้ายปาดขวา แซงรถที่เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ โดยไม่สนใจกฎจราจรหรือความปลอดภัยของตัวเองสักกะติ๊ด

คนที่ถ่ายคลิปเป็นคนที่นั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ เขาอัพมันขึ้นยูทู๊ปเมื่อสี่ห้าวันที่แล้ว ในวีดีโอ เห็นชายวัยกลางคน รูปร่างท้วม ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า ซิ่งวีลแชร์ไฟฟ้าเข้าไปในบัสเลนบนถนนคารฺเรอร์ เดอ มันตาเนอร์ ก่อนที่จะปาดออกมาเพื่อแซงรถคันอื่นๆ

คลิปนี้มีคนดูอย่างล้นหลามและมีคนเมนต์เข้ามาไม่น้อย มีคนหนึ่งแซวว่า “เฟอร์นันโด อาลองโซ่ (นักแข่งรถฟอร์มูล่า วัน) น่าจะเอารถแม็คลาเรน ของเขามาแลกกับวีลแชร์ของชายนิรนามคนนี้”

สำนักงานตำรวจเมืองคาตาลันกล่าวว่าตำรวจคงทำอะไรไม่ได้มาก ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า “เราเห็นจากในยูทู๊ปเท่านั้น ไม่ได้เห็นตอนเกิดเหตุการณ์ เราก็เลยทำอะไรไม่ได้ อีกอย่าง เราไม่รู้ตัวคนที่อยู่บนวีลแชร์ แล้วก็ยากที่จะระบุตัวคนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ มันไม่เหมือนรถที่ต้องมีป้ายทะเบียน

ตำรวจนายนี้ไม่ได้ปฏิเสธว่าคลิปนี้อาจเป็นคลิปที่ทำขึ้นหรือเป็นแผนในการโฆษณาอะไรสักอย่าง “นี่ไม่ใช่ครั้งแรก” เขากล่าว “บางครั้ง คลิปแปลกๆแบบนี้ก็ถูกเผยแพร่ออกมา แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นว่ามันเป็นคลิปเพื่อโฆษณาอะไรสักอย่าง ใครจะไปรู้”

เขาเสริมว่า “คลิปนี้แปลกมาก แต่ตำรวจคิดว่าเมื่อมันไม่ได้ทำให้ใครเสียหายแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ ‘คลุมเครือ’ เราก็คงทำอะไรไม่ได้มาก ต้องเข้าใจนะว่าบางครั้งโลกนี้ก็เพี้ยนๆไป”

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ฝรั่งเศสจะมีกฎหมายไม่ให้ลุกจ้างรับโทรศัพท์ฯ(ต่อจากเมื่อวาน)

ลูกจ้างเมืองน้ำหอมกำลังจะได้เฮ...





เมื่อวานพูดไปแล้วว่า กฎหมายที่เข้มงวดของฝรั่งเศสทำให้บริษัทผลิตมือถือและคอมพิวเตอร์จากสหรัฐที่ไปตั้งโรงงานในฝรั่งเศสถูกปรับมาแล้วเพราะให้คนงานทำงานในเวลากลางคืน

ที่ถูกปรับก็เพราะฝรั่งเศสมีกฎหมายห้ามการทำงานในกะกลางคืน (ตั้งแต่สามทุ่มจนถึงหกโมงเช้า)เว้นแต่งานนั้นๆจะมีความสำคัญทางเศรษฐกิจหรือสำคัญต่อสังคม

กฎหมายซึ่งกำหนดเวลาทำงานสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง – ที่พรรคสังคมนิยมนำมาใช้ในปี 1999 – ส่อแววจะเสื่อมความขลังลงเมื่อสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์โมบายอื่นๆแพร่หลายมากขึ้นๆ  ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงหวังว่ากฎหมายใหม่ฉบับนี้จะลดอาการเบิร์น เอ้าท์ (burn out คืออาการเหนื่อยล้าจากการตรากตรำทำงาน นานๆ  ) ของลูกจ้างลง

ฌอง คล็อด จากเทคโนโลเกีย กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่าลูกจ้างชาวฝรั่งเศสประมาณ 3.2 ล้านคนเสี่ยงที่จะมีอาการเบิร์น เอ้าท์เพราะนายจ้างไม่เคารพสิทธิ์ ให้ลูกจ้างมีเวลาส่วนตัวของตัวเอง

เขากล่าวว่าการ ‘เปลี่ยนทัศนคติ’ เป็นสิ่งจำเป็นและเสริมว่า “เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆออกมา เรา (ชาวฝรั่งเศส)จะควบคุมตัวเองได้ค่อยไม่ดี ทำให้ขาดธรรมาภิบาลในการบริหารงาน งานจึงล้นเข้าไปในเวลาส่วนตัวของผู้คน

“เมื่อก่อน เวลาทำงานกับเวลาส่วนตัวจะแยกจากกันอย่างชัดเจน”

“ถ้าเราเอากฎหมายที่ให้สิทธิ์ลูกจ้าง (ให้สามารถตัดขาดจากการทำงานในเวลาส่วนตัว) มาใช้แต่ไม่ลดปริมาณงานของลูกจ้างที่อยู่ในสภาวะถูกกดดันลง นายจ้างก็จะเพิกเฉยต่อกฎหมายนี้หรือหาวิธีที่จะสั่งงานลูกจ้างในเวลาส่วนตัวอยู่ดี”

นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสออกมายืนยันแล้วว่าไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงชั่วโมงการทำงาน (35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)แต่อย่างใด

ชั่วโมงการทำงานในฝรั่งเศสไม่เท่ากับในสหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักรอนุญาตให้ลูกจ้างทำงานได้ถึงสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง

โดยทั่วไปคนอังกฤษทำงานปีละ 1677 ชั่วโมง ในขณะที่คนฝรั่งเศสทำปีละ 1473 ชั่วโมง

ในสหรัฐ ลูกจ้างทำงานปีละ 1789 ชั่วโมงแต่ในคนแม็กซิกันทำ 2228 ชั่วโมง

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ฝรั่งเศสจะมีกฎหมายไม่ให้ลูกจ้างรับโทรศัพท์ อีเมล์หรือไลน์จากเจ้านายนอกเวลางาน

ลูกจ้างในเมืองน้ำหอมกำลังจะได้เฮเมื่อมีกฎหมายไม่ให้รับโทรศัพท์ อีเมล์หรือไลน์จากเจ้านายนอกเวลางาน





เพื่อลดแรงกดดันและทำให้ชีวิตกับงานสมดุลกันมากขึ้น ฝรั่งเศสเตรียมให้ลูกจ้างมีสิทธิ์ “ตัดการติดต่อ” จากอีเมล์ ไลน์จากที่ทำงานนอกเหนือเวลาทำงานได้

ลูกจ้างมีสิทธิ์ไม่รับโทรศัพท์ อ่าน อีเมล์หรือไลน์จากนายจ้างในตอนเย็นและในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขามีชีวิตทางสังคมมากขึ้นนอกเวลางาน

ปัจจุบันฝรั่งเศสให้คนทำงานสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง ให้หยุดประจำปีได้หกสัปดาห์โดยได้รับค่าจ้าง นอกจากนั้นก็ยังมีน้ำใจ ให้คนงานลาป่วยได้ และมีสิทธิ์ประท้วงหยุดงานได้ นโยบายนี้ถูกเอามาใช้อย่างจริงจังและมีบริษัทยักษ์ใหญ่จากอเมริกาถูกปรับเพราะให้ลูกจ้างทำงานในกลางคืนมาแล้ว

รัฐมนตรีแรงงานของฝรั่งเศสกำลังพิจารณารายละเอียดในขั้นตอนสุดท้ายของกฎหมายว่าจ้างงานฉบับนี้ แต่ว่ากันว่ามันจะออกมาใช้บังคับในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

เมื่อออกมาใช้บังคับ ลูกจ้างที่รับโทรศัพท์ อ่านอีเมล์หรือไลน์นอกเวลางานจะถือว่าทำผิดกฎหมาย ส่วนบริษัทก็ต้องทำให้ลูกจ้างไม่เผชิญกับแ รงกดดันที่จะต้องอ่านอีเมล์หรือเอกสารเกี่ยวกับงานบนอุปกรณ์ – เช่นโทรศัพท์ แท็ปเล็ทหรือคอมพิวเตอร์ – ของพวกเขา

เชื่อหรือไม่ว่า นี่คือไอเดียที่ผู้อำนวยการของบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่อย่างออเร็นจ์ออกมาชักชวนให้คนเห็นด้วยเป็นคนแรก

เขากล่าวว่า “มันมีภัยอันตรายที่ต้องป้องกันเอาไว้ก่อนหลายอย่าง แต่ภัยอันตรายที่รุนแรงที่สุด – ที่มีสาเหตุมาจากการ สื่อสารที่มีอยู่ต่อเนื่อง- ก็คือสมดุลของชีวิตส่วนตัวกับชีวิตในการทำงาน”

“มืออาชีพซึ่งพบสมดุลระหว่างเวลาส่วนตัวและเวลาในการทำงานสามารถทำงานได้ดีกว่าคนที่หาไม่เจอมาก”

(อ่านต่อพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เมื่อคืนดูบอลดึก)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

นักบินพาหลง

สายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ลงจอดผิดที่ 



รูปแทน

ถ้าคุณขึ้นเครื่องบิน จะไปนครพนม แต่เครื่องพาไปลงที่นครศรีรรมราช คุณจะรู้สึกยังไง? ต้องรู้สึกเหมือนผู้โดยสารเที่ยวบินนี้แน่ๆ

คณะกรรมการดูแลความปลอดภัยทางการขนส่งแห่งชาติสหรัฐ (NTSB National Transportation Safety Board ) กำลังสอบสวนสาเหตุที่สายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ไปลงจอดที่สนามบินทหารอากาศเซ้าท์ ดาโกต้า ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินเป้าหมายไป 19 กิโลเมตร

NTSB เป็นหน่วยงานของสหรัฐ มีหน้าที่สอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของอากาศยานต่างๆในประเทศ

เมื่อเย็นวันพฤหัสที่ผ่านมา เครื่องบินแอร์บัส A320 ของสายการบินเดลต้า เที่ยวบินที่ 2845 บรรทุกผู้โดยสาร 130 คน ออกจากสนามบินเซ็นต์ พอล รัฐมินิโซต้าโดยมีจุดหมายอยู่ที่เมืองแร็บปิด ซิตี้ รัฐเซ้าท์ ดาโกต้า แต่เจ้าหน้าที่นำเครื่องไปลงที่สนามบินทหารอากาศแอลวอร์ท ซึ่งอยู่ทางเหนือของสนามบินเป้าหมาย

แถลงการณ์บนเว็บไซค์ของสายการบินระบุว่าเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัย

คณะกรรมการฯกล่าวว่าพวกเขากำลังสอบสวนหาสาเหตุของความผิดพลาดในครั้งนี้ ในขณะเดียวกันสายการบินก็กล่าวว่าพวกเขาจะให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการฯอย่างเต็มที่ื และกำลังสอบสวนด้วยตัวเองอีกแรงหนึ่ง

ข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่บนเครื่องถูกย้ายไปทำหน้าที่อื่นในขณะมีการสอบสวน

ความผิดพลาดในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะบางครั้ง นักบินก็เอาเครื่องลงจอดผิดรันเวย์ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ส่วนการนำเครื่องไปลงผิดสนามบินก็มีเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นใน เดือนพฤศจิกายน 2013 เครื่องบินขนส่งแอ็ทลาส แอร์ไปลงที่สนามบินที่วิชิต้า – ผิดสนามบิน และต่อมาอีกสองเดือนเครื่องบินของสายการบินเซ้าท์เว้ส์ทก็ไปลงที่เมืองแบรนสัน รัฐมิสซูรี่ - ก็ผิดสนามบินอีกเช่นกัน

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ชีวิตรักของคนวัยใกล้ฝั่ง

สาววัย 67 ให้หนุ่มวัย 85 จ่ายเงิน 100000 หยวน (ห้าแสนกว่าบาท) เป็นค่าแยกทาง





เมื่อแปดปีก่อน ลุงหัง อายุ 85 หลงรักป้าหลู อายุ 67 จึงชวนมาอยู่ด้วยกัน ผ่านไปสามปี น้ำต้นผักที่เคยว่าหวานก็เกิดขมขึ้นมา

ตามสัญญาที่ลุงกับป้าเซ็นสัญญากันเอาไว้ตอนจะแยกทางกัน ลุงหังต้องจ่ายเงินให้ป้าหลูเป็นค่าแยกทางกัน 100000 หยวน

ในปี 2007 ลุงเจอป้า ซึ่งอายุอ่อนกว่าเขา 18 ปี หลังจากออกเดทกันได้สักพัก ลุงหังก็ซื้ออพาร์ตเมนต์ในไหกู แล้วชวนป้ามาอยู่ด้วย สามปีต่อมา ในเดือนสิงหาคม 2010 ลุงกับป้าจึงเซ็นสัญญาว่าจะแยกกันอยู่

จากคำให้การของป้าหลู ปัญหาใหญ่ของป้าก็คือป้าอายุมากเกินไปจนปรนนิบัติลุงหังไม่ไหว

ในสัญญาระบุว่าลุงจะขายบ้านที่ทั้งคู่เป็นเจ้าของร่วมกัน แล้วแบ่งเงินที่ขายได้ให้ป้า 100000 หยวน

แต่ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ลุงไม่เคยแบ่งเงินที่ขายอพาร์ตเมนต์ให้ป้า ป้าก็เลยฟ้องลุงเมื่อต้นปี 2015

ในศาล ลุงอ้างว่าสัญญาเป็นโมฆะ นอกจากนั้นเขาก็ยังกล่าวหาป้าว่าป้ากรรโชกทรัพย์ หลอกลวงและ  แบล็กเมล์

ลุงอ้างว่าป้าบอกลุงว่าหย่ากับสามีเก่ามาแล้ว 10 ปี แต่จริงๆแล้ว  ป้าเพิ่งหย่าเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 นี่เอง และตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ป้าก็ไม่เคยเอาใจใส่ดูแลบ้าน เหนือสิ่งอื่นใด ป้าก็ยังขโมยเงินลุงอีกด้วย

แต่เพื่อให้พ้นจากฝันร้ายนี้ไปเสียที ลุงจึงยอมเซ็นสัญญาตอนแยกกัน

สุดท้าย ศาลก็ตัดสินว่าสัญญาไม่เป็นโมฆะ ให้ลุงจ่ายเงิน 100000 หยวนให้กับป้า นอกจากนั้น ศาลก็จะไม่ดำเนินการใดๆเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ลุงกล่าวหาป้าอีกด้วย

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สวิตเซอร์แลนด์ตีเส้น กำหนดเขตให้โสเภณีค้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย

สวิตเซอร์แลนด์ตีเส้นบนฟุตบาท กำหนดเขตให้โสเภณีค้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย

รูปแทน

ต้องไปเห็นถึงจะเชื่อ - เมืองบาเซิลตีเส้นและทำเครื่องหมายเอาไว้บนถนน – เพื่อกำหนดให้เป็นพื้นที่สำหรับค้าประเวณี

เครื่องหมายใหม่บนถนน ซึ่งเป็นรูปผู้หญิงยืนพิงเสาไฟ กำลังถูกพ่นสีเอาไว้บนทางเท้าในเมืองบาเซิล   สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อบอกให้โสเภณีรู้ว่าตรงนี้พวกหล่อนทำการค้าได้อย่างถูกกฎหมาย (อุเหม่ เหมือน กทม.ตีเส้นเอาไว้สำหรับหาบเร่แผงลอยเดี๊ยะ)

การตีเส้นและพ่นสีในคราวนี้มีจุดประสงค์ที่จะเอาหญิงบริการมารวมกันไว้ใน “เขตที่หยวนๆกันได้” ในเขตไคล์นบาเซิล

เมืองบาเซิลมีโสเภณีประมาณ 800 คน ส่วนใหญ่ทำงานในบาร์และสถานบริการอาบอบนวด

แต่มีโสเภณีประมาณ 50 คนทำงานอยู่ในพื้นที่ๆกำหนดว่าการหาลูกค้าตามถนนไม่ผิดกฎหมาย

สำนักงานเพื่อความปลอดภัยและยุติธรรมของเมืองระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า “ในพื้นที่ส่วนนั้นของเมืองมีเงินเดินสะพัด”

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตำรวจทุบกระจกรถเพื่อช่วยเด็ก สุดท้ายต้องเสียค่าซ่อม 90 ปอนด์

ตำรวจเหวออีกแล้ว



รูปแทน


ตำรวจทุบกระจกเพื่อช่วยเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในรถ สุดท้ายต้องเสียเงินค่าซ่อม  90 ปอนด์

จาฮา แร็ทแทรํป  อายุ 10 ขวบทิ้งไรอัน – ที่เธอห่อเอาไว้ในผ้าห่ม - เอาไว้บนเบาะรถว็อคฮอลล์ คอร์ซ่าซึ่งจอดอยู่หน้าโรงพยาบาลในดัดลีย์  เวสท์ มิดแลนด์ รถคันนี้เป็นของดิลิเซีย พี่สาวของเธอ

พลเมืองดีคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็น ก็ต๊กกะใจ เห็นเด็กถูกทิ้งเอาไว้ในรถ จึงโทรไปแจ้งตำรวจ

พอตำรวจมาถึง ก็ทุบเปรี้ยง กระจกแตก เสียหายไป 90 ปอนด์

พี่น้องแร็ทแทร็ปพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเมื่อกลับมาที่รถตอน บ่ายโมง แล้วเห็นกระจกหน้าต่างประตูหลังแตกและเห็นโน้ตเขียนว่าให้โทรไปหาตำรวจด้วย

ดิลิเซีย อายุ 20 กำลังเรียนอาชญวิทยาอยู่ที่มหาวิทยาลัยวูลฟ์เวอร์แฮมตัน เธอกล่าวว่า “ตอนที่ฉันเดินไปที่รถ ฉันเห็นกระจกหน้าต่างประตูหลังด้านคนขับแตก มีเศษกระจกแตกกระจายอยู่เต็มเบาะ

“ฉันคิดว่ามันแปลก แล้วก็เจอโน้ตแผ่นหนึ่งของตำรวจ บอกให้โทรไปหาพวกเขา”

“พอฉันโทรไป ตำรวจก็บอกว่ามีคนโทรไปแจ้งพวกเขาว่ามีเด็กถูกทิ้งอยู่ในรถ พยาบาลสองสามคนก็ยืนยันว่าเป็นเด็ก”

ดิลิเซียเสริมว่า “ความจริง ไรอันเป็นตุ๊กตา เขาก็เหมือนเด็กอายุไม่กี่เดือนจริงๆแหละ แต่ถ้าคุณดูมือและเท้าซึ่งอยู่นอกผ้าห่ม คุณก็จะแยกออกว่านั่นไม่ใช่เด็กจริงๆ

“ฉันเข้าใจนะ ถ้าตำรวจเชื่อว่ามีเด็กจริงๆอยู่ในรถ พวกเขาก็ต้องทุบกระจกเข้าไป”

ตุ๊กตาตัวนี้เป็นตุ๊กตารุ่นลิมิเต็ท เอดิชั่น คนในครอบครัวแร็ทแทร็ปให้กับจาฮาเป็นของขวัญ

หลังเกิดเหตุ ตำรวจเอารูปถ่ายของผ้าห่มสีแดง ลายมิกกี้ เมาส์ -  ซึ่งมีหัวของตุ๊กตาโผล่ออกมา – ออกมาให้ผู้สื่อข่าวดูและบอกว่ามันถูกทิ้งอยู่บนเบาะผู้โดยสาร

พวกเขาอธิบายว่าตำรวจฝีมือดีคนหนึ่งและจ่าอีกคนหนึ่งถูกส่งไปที่โรงพยาบาล เพราะกลัวว่าอาจจะมี ‘แม่ใจยักษ์ทิ้งลูก’

เมื่อไปถึง ตำรวจรีบตรวจสอบและตามหาเจ้าของรถ พร้อมกับไปดูว่าในโรงพยาบาลมีระบบเสียงตามสายเพื่อตามตัวเจ้าของรถให้กลับไปที่รถหรือไม่

แต่เนื่องจากเวลาไม่คอยท่า พวกเขาจึง ‘ ไม่มีทางเลือก’ และต้องทุบกระจก

ตำรวจขออภัยครอบครัวผู้เสียหายแต่ก็ปกป้องตำรวจที่คิดว่าตุ๊กตาเป็นเด็กจริงๆ และแน่นอนพวกเขาตกลงที่จะจ่ายเงิน 90 ปอนด์เป็นค่าเปลี่ยนกระจกให้อีกด้วย

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หนุ่มมักมาก ขอให้ภรรยากับกิ๊กจับมือกัน

“ผมจะกินเค้กหลายก้อนอ่ะ”






หนุ่มหน้าไม่อายโพสต์ข้อความสุดอะเมซิ่งลงในเฟสบุ๊ก ขอให้เมียและกิ๊กอยู่ด้วยกัน “อย่างสันติ”

โพสต์ของลอนนี่ (นามสมมุติ)ถูกแชร์กันออกไปมากกว่า 900 ครั้งและได้รับเสียงวิจารณ์คละเคล้ากันไป

ไม่ใช่จะมีทุกวันหรอกที่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วจะโพสต์ข้อความขอให้ภรรยาและกิ๊กอยู่ด้วยกันฉันท์มิตร แต่นั่นเป็นสิ่งที่จอมเจ้าชู้หน้าไม่อายอย่างลอนนี่ทำ

แล้วขณะนี้ โพสต์นั้นก็ถูกแชร์ออกไปมากกว่า 900 ครั้ง มีหลายคนตะลึงกับคำขอที่ไจกล้าหน้าด้านของเขา (ข่าวชิ้นนี้รายงานเมื่อวานนี้)

ลอนนี่อยู่ที่ฮุสตัน เท็กซัส เอารูปภาพของภรรยาและกิ๊กมาลงเคียงคู่กันในเฟส แล้วเขียนว่า “สองคนนี้ควรเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันฉันท์มิตร”

”ผมทำงานหนักมาก และคิดว่าผมควรจะได้ทุกอย่างที่หัวใจดวงน้อยของผมเรียกร้อง ทำไมผมจะต้องมีเค้กแต่ผมกินไม่ได้??? ผมอยากกินเค้กหลายก้อน!!

นอกจากนั้น เขาก็ยังเอารูปเดี่ยวมาลงหลายรูป มีรูปที่เขาผูกไทใส่สูทไปทำงาน มีรูปที่กิ๊กของเขาใส่บีกินีอยู่บนชายหาด แต่แปลก ที่ถึงแม้จะปากคอเลาะร้ายไปหน่อย แต่เขาก็เขียนชื่นชมภรรยาอยู่บ่อยครั้ง

ในโพสต์ๆหนึ่ง เขาเขียนถึงภรรยาว่า “แม่ขมองอิ่มของผมเซ็กซี่ที่ซู้...ด ผมดีใจที่แต่งงานกับเธอ ถึงเธอจะมีลูกสามคน แต่รูปร่างของเธอก็ยังดูดีกว่าสาวๆอายุ 20 อีกมากมาย

ผมดีใจที่พระผู้เป็นเจ้ามอบภรรยาที่แสนดีให้กับผม เธอ #สวย #มีสมอง #มีคาแรคเตอร์ #มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม #เป็นทุกอย่างของผม ”

ในโพสต์อีกโพสต์หนึ่ง เขาเอารูปในวันที่เขาแต่งงานกับภรรยามาลงแล้วเขียนว่า “เธออยู่เคียงข้างผมมาเป็นปีๆ แต่เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ผมกลายเป็นคนเลวเสียไปแล้ว”

“ตอนนี้ ความสุขกำลังจะจบลง”

โพสต์ที่เขาขอให้ภรรยากับกิ๊ก “เป็นมิตร” กันได้รับเสียงตอบรับทั้งทางด้านบวกและลบ บางคนชื่นชมที่เขาพูดความจริง บางคนก็โวยวายว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา

หญิงคนหนึ่งเมนต์ว่าโพสต์นี้น่าขยะแขยง อีกคนถามเขาว่า “เขาจะรู้สึกยังไงถ้าแม่ของเขาถูกขอให้ทำเช่นนี้บ้าง”

แต่ลูกสาวของเขาตอบว่า “ฉันชอบที่พ่อไม่โกหก เท่านั้นพอ” นอกจากนั้นเธอก็ยังเสริมว่า “อย่างน้อยพ่อก็พูดตรงๆ ไม่ปกปิดอะไรเอาไว้ ถ้าแม่และเธอคนนั้นตัดสินใจจะอยู่กับพ่อ จะหาว่าเป็นความผิดของพ่อเหรอ”

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตำรวจเมืองกังหันลมเขินเมื่อเข้าไปช่วยหญิงสาวในชุดชั้นใน

ตำรวจเมืองกังหันลมเขิน



รูปแทน


ตำรวจเมืองกังหันลมบุกเข้าไปช่วย “หญิงสาวที่ยืนนิ่งเหมือนคนตาย” ในชุดชั้นใน

เมื่อสองสามวันที่แล้ว ตำรวจเมืองกังหันลมต้องเร่งรุดไปที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งหลังจากเจ้าของห้องในอพาร์ตเมนต์แห่งนั้นโทรไปแจ้งเหตุเกี่ยวกับผู้ที่พักอยู่ในห้องใกล้เคียงกัน

แต่สิ่งที่ผู้ที่โทรไปแจ้งเห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็น

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าของห้องในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งเป็นห่วงผู้หญิงที่อยู่ห้องข้างๆซึ่งยืนนิ่ง ไม่ไหวติงอยู่เป็นเวลานาน เธอจึงโทรไปแจ้งตำรวจ ซึ่งตำรวจก็รีบไปยังสถานที่เกิดเหตุในทันที

ตำรวจในอัมสเตอร์ดัม ซึ่งได้รับแจ้งเหตุกล่าวว่าเมื่อพวกเขาไปถึง พวกเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ชุดชั้นใน ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง

เมื่อพวกเขาเคาะประตู ผู้หญิงในห้องก็ไม่ตอบแต่อย่างใด

แล้วตำรวจก็ต้องขวยเขินเมื่อบุกเข้าไปในห้องแล้วเห็น “ผู้หญิงที่ยืนนิ่งเหมือนคนตาย” ที่ได้รับแจ้งเป็นตุ๊กตายาง ( sex doll เซ็กส์ ดอลล์)

พวกเขาโพส์ตในเฟซบุ๊กว่าเมื่อพังประตูเข้าไป พวกเขาพบ “ผู้หญิงที่ยืนนิ่งเหมือนคนตาย” จริงๆแต่เธอ
ทำด้วย “พลาสติกและสูบลมเอาไว้” เพราะเธอเป็นตุ๊กตายาง

ตำรวจเปิดเผยว่าพวกเขาต้องขยับตุ๊กตาให้พ้นไปจากหน้าต่างเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนอีกต่อไป

ข่าวไม่ได้รายงานว่าตำรวจไปคุยกับคนที่พักอาศัยอยู่ในห้องนั้นหรือเปล่า

อ่านข่าวนี้แล้วทำให้คิดถึงข่าวเมื่อหลายเดือนมาแล้วเมื่อมีการรณรงค์ให้มีการแบนเซ็กส์ โรบ็อต ( sex robot หุ่นยนต์เพื่อบำบัดความใคร่)

เมื่อปีที่แล้วมีการณรงค์ให้รัฐบาลและบริษัทผลิตสินค้าเทคโนโลยียุติการสร้างหุ่นยนต์ที่ออกแบบขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์ที่จะเอาไปใช้ในทางเพศ

บุคคลที่ร่วมรณรงค์กล่าวว่าการมีเซ็กส์ โรบ็อตที่ฉลาดมากขึ้นไม่ดีต่อสุขภาพและส่งเสริมมุมมองทางด้านลบให้แก่อิสตรี ทำให้เห็นว่าผู้หญิงเป็นสิ่งของที่สามารถเป็นเจ้าของได้ และตอกย้ำมุมมองที่ว่าการมีสัมพันธ์ทางเพศเป็นเพียงความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น

“อุตสาหกรรมผลิตหุ่นยนต์ ดูเหมือนจะโฟกัสไปยัง เซ็กส์ โรบ็อต มากขึ้น หุ่นยนต์รุ่นต่างๆที่พวกเขาวาดภาพออกมา – ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ทรวดทรงองค์เอว และบทบาทของมัน  - เป็นสิ่งที่ทำให้กระอัก       กระอ่วนจริงๆ” ดร.แค็ทลีน (นามสมมุติ) ผู้นำในการรณรงค์กล่าว

“เราคิดว่าการประดิษฐ์หุ่นยนต์เช่นนี้ขึ้นมาจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง  ผู้ชายกับผู้ชายและผู้หญิงกับผู้หญิงเสื่อมโทรมลง”

การณรงค์เช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อบริษัทหลายบริษัทเริ่มพัฒนาเซ็กส์ โรบ็อตที่เหมือนมีชีวิตมากกว่าเดิม โดยใส่ปัญญาประดิษฐ์ให้มันประมาณหนึ่ง บริษัทเหล่านี้กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้กำลังพยายามสร้างหุ่นยนต์ให้เลียนแบบผู้หญิงจริงๆ หรือให้หุ่นยนต์มาทดแทนความสัมพันธ์ตามปกติของชายหญิง แต่อยากหาสิ่งที่จะเติมเต็มให้กับคนที่ไม่มีคู่เท่านั้น

ตอนที่มีข่าวชิ้นนี้  มีเซ็กส์ โรบ็อตรุ่นหนึ่ง -  ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ต้นแบบ - มีใบสั่งจองเข้ามาแล้วเป็นพันๆใบทั้งๆที่หุ่นตัวหนึ่งมีราคาถึงเจ็ดพันดอลลาร์ หุ่นยนต์รุ่นนี้จะพูดและเรียนรู้การดำเนินชีวิตของเจ้าของได้

“คุณจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของคุณไปกับการเข้าสังคมและพบปะกับคนอื่น และใช้เวลาเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเพื่อมีเซ็กส์กับหุ่นยนต์”” ซีอีโอของบริษัทผลิตหุ่นยนต์ดังกล่าวๆ

วันหลังจะเอาประวัติและวิวัฒนาการของเซ็กส์ ดอลล์มาให้อ่านครับ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons/ source:  Own work, with mannequin supplied by www.dsdoll.com / Author: Photograph own work, mannequin created by www.dsdoll.com, with permission granted from dsdoll.com /Photo descript.:  Une poupée sexuelle / sandy sex doll

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กระเป๋าพูดได้

กระเป๋าพูดได้ - นวัตกรรมใหม่อีกแล้ว?





ไม่ใช่หรอกครับ กระเป๋าพูดได้ใบนี้เป็นกระเป๋าที่มีหญิงยัดอยู่ข้างใน

พลเมืองดีช่วยชีวิตหญิงสาวได้กลางสวนสาธารณะในมณฑลหูหนาน เธอถูกข่มขืนแล้วยัดใส่กระเป๋า

กลางดึกของคืนวันที่ 27 ที่ผ่านมา ชายคนหนึ่งเดินลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในสวนสาธารณะในมณฑลหูหนาน เสียงขอความช่วยเหลือที่ดังออกมาจากกระเป๋าทำให้คนหันมามอง เมื่อพลเมืองคนหนึ่งเรียกให้เขาหยุด เขาก็ทิ้งกระเป๋าแล้วกระโดดหนีลงไปในบึงน้ำในสวน

ในคลิปวีดีโอที่มีคนถ่ายเหตุการณ์นี้เอาไว้ จะเห็นภาพของพลเมืองดีเพศชายคนหนึ่งเปิดกระเป๋าที่ถูกทิ้งเอาไว้ แล้วเจอผู้หญิงคนหนึ่งถูกยัดอยู่ข้างในๆสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน เห็นพลเมืองดีชายอีกคนถอดเสื้อ เอาให้กับผู้หญิงคนนั้น และเห็นหญิงที่ผ่านมาหลายคนรีบเข้าไปช่วยเอาผู้หญิงในกระเป๋าออกมา

จากนั้นก็มีคนโทรไปแจ้งตำรวจและเรียกรถพยาบาล ตำรวจจับคนร้ายได้ในขณะที่ลอยคออยู่ในน้ำในภายหลัง

หญิงเคราะห์ร้ายให้การกับตำรวจว่าเธอถูกคนร้าย – ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอ – ข่มขืนเมื่อตอนหัวค่ำ แล้วเขาก็เอาเธอยัดใส่กระเป๋า โดยที่เธอไม่รู้ว่าจะเขาจะทำอะไรกับเธอ

ตำรวจแถลงว่าคนร้ายกำลังจะเอากระเป๋าไปทิ้งเพื่อปกปิดหลักฐาน และเสริมว่า ตอนนี้หญิงผู้เคราะห์ร้ายปลอดภัยแล้ว ส่วนการสืบสวนก็ยังดำเนินต่อไป

(เห็นจากรูป หูหนานสวย - มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเมื่องเก่าและตามธรรมชาติมากมาย - น่าจะเป็นมณฑลท่องเที่่ยวที่ได้รับความนิยมมากมณฑลหนึ่งทีเดียว แต่รูปของหูหนานเป็นไฟล์ที่ใหญ่มาก เอามาลงที่นี่ไม่ได้)


อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หนุ่มถูกหวยถูกแฟนเก่าทำร้าย

เมื่อสองวันที่แล้วหวยออก เลยเอาเรื่องนี้มาให้อ่าน






หนุ่มโชคดี ถูกล็อตเตอร์รี่เจ็บตัวเพราะถูกคนในครอบครัวทำร้าย โดยคนลงมือคือแฟนเก่าของเขาเอง

เรื่องนี้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเพราะหนุ่มคนนี้ออกมารณรงค์ต่อต้านการกระทำที่รุนแรงของคนในครอบครัว และเพื่อเป็นกำลังให้กับพวกผู้ชายที่ถูกทำร้าย ให้ก้าวออกมาพูดในสิ่งที่เกิดขึ้น

หนุ่มผู้โชคดีและโชคร้ายรายนี้ชื่อแม็ทท์ ไมเล่ส์ เมื่อเร็วๆนี้ แม็ทท์ถูกล็อตเตอรี่ ได้เงินหนึ่งล้านปอนด์ โชคดีคราวนี้เกิดขึ้นหลังจากเขาเลิกกับแฟน คาร์ล่า แชมเบอร์แลน อายุ 24 ได้ไม่นาน

ตามข่าว สาวน้อยคาร์ลาตำหนิว่าเขาไม่หล่อ และนั่นคือสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเลิกกัน

เมื่อถูกล็อตเตอรี่ หนุ่มวัย 28 คนนี้ลาออกจากงานทันที เขาออกเดินทางไปท่องเที่ยว หาความสุข นอนโรงแรมหรู ใช้ชีวิตเป็นเศรษฐีอยู่เจ็ดเดือนเต็มๆ

เมื่อเขากลับมา เขากลับไปคืนดีกับคาร์ล่า แล้วเธอก็อาละวาทเมื่อเห็นข้อความที่หญิงอื่นส่งมาให้เขาเป็นครั้งคราว แล้วในที่สุดเธอก็ซ้อมเขา

“การถูกหวยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมแต่แย่ที่มันเอาสิ่งที่แย่ที่สุดมาให้ผมด้วยเช่นกัน” แม็ทท์กล่าว “สิ่งที่แย่ที่สุดนี้ก็คือการถูกทำร้ายด้วยน้ำมือของคนที่ผมรัก คาร์ล่าพูดว่า ‘แกไปเอารูปเธอมาทำไม? มันคงส่งอะไรมาให้แกมากกว่ารูปใช่มั้ย?’ พูดจบ เธอก็ข่วนหน้าผม วันนั้นเธอเพิ่งไปทำเล็บ ก็ลองคิดดูเถอะว่ามันจะเจ็บแค่ไหน แล้วเธอก็ลงมือซ้อมผม”

คาร์ล่าถูกตำรวจจับและถูกปรับหกร้อยห้าสิบปอนด์

ตอนนี้แม็ทท์จึงรณรงค์ต่อต้านการใช้กำลังของคนในครอบครัว เขากล่าวว่า “การที่ผู้ชายถูกคนในครอบครัวทำร้ายยังเป็นปัญหาใหญ่ในอังกฤษ ผู้ชายจำนวนมากไม่ได้รับความช่วยเหลือเพราะพวกเขากลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อเรื่องของตนหรือกลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะ แต่ในความเป็นจริง ถ้าพวกเขาก้าวออกมา พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลืออย่างจริงจัง

เอ้า ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย ก้าวออกมา อย่ากลัวหรืออายอีกต่อไปถ้าคุณถูกเมียซ้อม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ท้องจะเสีย ใครก็ห้ามไม่ได้

เสียวกลางอากาศ


รูปแทน


เวลาจะไปไหนมาไหน เราควรสังเกตสิ่งที่อยู่รอบๆตัว เช่นอะไรอยู่ที่ไหนหรือไม่อยู่ที่ไหนเอาไว้ด้วย เพราะในยามคับชัน มันอาจทำให้เรารอดชีวิต หรือไม่หน้าแตก (สิ่งที่ควรสังเกตก็มีประตูหนีไฟ ห้องน้ำห้องส้วม เป็นต้น)

การละเลยต่อคำเตือนดังกล่าวในขณะที่อยู่ในคนหมู่มากเป็นอันตราย และยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีกเมื่อมันทำให้เกิดปัญหาขึ้นในระดับความสูงกว่าพื้นดินสามหมื่นฟุต

และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เจมส์ (นามสมมุติ)

เจมส์ทำผิดอย่างร้ายแรงในขณะที่กำลังนั่งเครื่องบินจากเอดินเบอระไปอัมสเตอร์ดัม เพราะในขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่บนฟ้า เขาก็ปวดท้อง และเดินมะงุมมะงาหราไปหาห้องน้ำ แต่แทนที่จะเจอห้องน้ำ เขาเจอประตูเครื่องบิน

หลังเกิดเหตุ เกร์ยยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าเขาแค่เอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตู

แต่เจ้าหน้าที่บนเครื่องบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาเห็นว่าเกร์ยพยายามเปิดประตู

ยังดีที่เกร์ยเปิดไม่ออก แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขาโดนหลายเด้ง

เด้งแรก เขาถูกจับโยนเข้าห้องขังทันทีที่เครื่องลงแตะพื้น เขาต้องนอนที่นั่นคืนหนึ่ง เด้งที่สอง เขาไม่มีโอกาสได้บินไปกับสายการบินเคแอลเอ็ม – ที่เขาขี้นไปหาส้วม – เพราะถูกแบนห้าปีและถูกปรับหูตูบ

นับว่ายังดีที่เขามีเพื่อนมาด้วย เพื่อนของเขาช่วยทำให้เขาได้บินต่อไปกับสายการบินอื่น  แต่เขาก็ได้รับบทเรียนที่ล้ำค่า

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หญิงสาวชาวออสเตรเลียเปลี่ยนขนสุนัขให้เป็นเสื้อผ้าของคน

เสื้อหรูจากขนสุนัข


รูปแทน



เพื่อนๆจำหนังเรื่อง 101 ดัลเมเซี่ยน ได้มั้ย ที่เป็นเรื่องของครูแอลล่า เดอ วิล ผู้หญิงใจร้ายที่ไล่จับลูกหมาดัลเมเชี่ยน  จะเอามาทำเสื้อโค้ทลายจุดนั่นไง

ในที่สุดนิยายเรื่องนี้ก็เป็นจริง

นักแสดงนำในเรื่องจริงเรื่องนี้คือแมเรียน หวีทแลนด์

แมเรียนอยากทำให้ขนของสุนัขที่คุณรักกลายเป็นเสื้อโค้ทหะรูหะรา แต่เธอไม่ใช่ ครูแอลล่า เดอ วิล จึงไม่ใจร้ายและไม่ใช้วิธีไล่จับ

ข่าวรายงานว่านักธุรกิจหญิงรายนี้กับเพื่อนที่เป็นกูรูในการปั่นด้ายเปิด สปินนิ่ง เพ็ทส์ ยาร์น ที่ให้เจ้าของสุนัขเก็บขนของเจ้าเพื่อนสี่ขาที่หลุดร่วงตามที่ต่างๆ ส่งมาให้เธอปั่นเป็นเส้นด้าย

หวีทแแลนด์ทำสิ่งที่ดูเหมือนง่าย (ถ้าไม่คิดว่ามันแปลกนะ) เธอให้เจ้าของๆสัตว์เลี้ยงเก็บขนของเจ้าตัวเล็กตัวน้อยของพวกเขาหลังจากพาพวกมันไปตัดขน (หรือเก็บเอาตามพรม ตามที่นอนหมอนมุ้งของมัน) แล้วส่งไปให้พวกเธอที่ สปินนิ่ง เพ็ทส์ ยาร์น

พอได้ขน สปินนิ่น เพ็ทส์ ยาร์นจะเอามันไปปั่นเป็นด้าย ม้วนเป็นก้อนกลมๆ ส่งกลับไปให้เจ้าของเพื่อเอาไปถักทอ ทำเป็นเสื้อผ้าตามต้องการ

หรือถ้าไม่สะดวกจะเอาไปถัก ไปตัด จะให้หวีทแลนด์ทำแทนให้ก็ได้ ได้ข่าวว่าพวกเขาทอขนของหมาพุ๊ดเดิ้ล แล้วตัดเย็บเป็นหมวก เป็นเสื้อหนาวมาแล้ว

หวีทแลนด์บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเธอเคยทำถึงขั้น จ้างบริษัทแยกประเภทขนสัตว์ให้มาจัดอันดับสายพันธ์สุนัขที่ให้เส้นด้ายที่อ่อนนุ่ม และให้ความรู้สึกสบายที่สุดเวลาสัมผัสกับเนื้อตัวของคน

เธอกล่าวว่าเธอพบว่าสุนัขพันธ์ชเนาเซอร์ (คล้ายกับเจ้าผักกาดในซีรี่ย์เกาหลีเรื่องด็อกเตอร์ซึ่งจะฉายทางทีวีต้นเดือนหน้านี้) ให้เส้นด้ายที่ดีที่สุด (ได้คะแนนในการให้ความรู้สึกสบายถึง 90) ตามด้วยซามอยด์ และนิวฟาวแลนด์ตามลำดับ

การใช้เสื้อผ้าที่ทำจากขนของสุนัขตัวโปรดของคุณ ฟังดูแปลกอยู่สักหน่อย แต่หวีทแลนด์ยืนยันว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณอยู่ใกล้ชิดกับสุนัขตัวน้อยของคุณ

"การจะหาสิ่งผูกมัดทางใจที่สุดวิเศษระหว่างเจ้าของสุนัขกับสุนัขตัวโปรดของเขาไม่ใช่เรื่องง่าย" เว็บไซค์ของ เดอะ สปินนิ่ง เพ็ทส์ ยาร์น อธิบาย

“สปิ่นนิ่ง เพ็ทส์ บาร์น ในเมลเบิร์น ขอเสนอวิธีที่ไม่เหมือนใครให้คุณได้แสดงความรักที่คุณมีต่อเพื่อนขนปุยที่คุณรัก เราสามารถผลิตเส้นด้ายอันอ่อนนุ่มและหรูหราจากขนของสุนัขของคุณเอง ผลงานของเราเป็นงานหัตถกรรมร้อยเปอร์เซ็นต์”

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่