วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คนกัดคนแทนหมา

หมาอั๊ว ใครอย่าแตะ





มีข่าวทีวีชิ้นหนึ่งจากจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นข่าวเหตุการณ์หลังจากที่หญิงตั้งท้องคนหนึ่งถูกเจ้าของสุนัขกัดที่แขนเพิ่อ “ปกป้องสุนัข” ของเธอ

ข่าวชิ้นนี้ถ่ายที่เมืองหวูหัน มลฑลหูเป่ยเมื่อวันพฤหัสที่แล้ว เป็นข่าวที่ถ่ายให้เห็นรอยฟันบนมือและแขนของหญิงท้อง

หญิงท้องคนนี้กล่าวว่าเธอเอาเท้าเขี่ย ไล่หมาตัวหนึ่ง ซึ่งเห่าไม่หยุด เจ้าของหมาจึงรี่เข้ามาทำร้ายเธอและกัดเธอ

ข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าตำรวจกำลังตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น

ข่าวนี้สั้น ฉะนั้นแถมเรื่องตลกสไตล์ฝรั่งให้อีกเรื่อง เป็นตลกปัญญาชน

ใครจะรอด

เมื่อเกิดอุทกภัยใหญ่ในยุโรป มีเรือเล็กๆสองลำลอยเท่งเต้งอยู่กลางน้ำ เรือลำหนึ่งมีผู้โดยสารเป็นคนอังกฤษชื่อ วัน ทู ทรี ( one two three แปลว่า หนึ่ง สอง สาม) อีกลำหนึ่งมีผู้โดยสารเป็นคนฝรั่งเศสชื่อ แอง เดอ ตรัว (un deux trois แปลว่า หนึ่ง สอง สาม)  คนในเรือทั้งสองลำพยายามไปหาฝั่ง

ถามว่า: เรือลำไหนจะไปถึง

ตอบ: เรือของคนอังกฤษไปถึงฝั่ง ส่วนเรืองของคนฝรั่งเศสล่ม หายไปในน้ำ

งงใช่มั้ยล่ะ???

(เฉลย: เพราะ วัน ทู ทรี พ้องเสียงกับ one to tree (ไปถึงต้นไม้) ส่วน แอง เดอ ตรัว ไม่มีคำพ้องเสียงที่แปลว่าไปถึงฝั่ง)

ตะแล้น แตะแล้น ตะแล้น

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อดีตนักโทษพกปืนและควบเก๋งที่ขโมยมาไปหาเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติ

เจ๋งหรือโง่กันแน่?





อดีตนักโทษชายชาวฟลอริด้าไปหาเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติตามนัด โดยพกปืนและขับรถที่ขโมยมา

ในขณะที่คนส่วนใหญ่จะทำตัวให้ดีมากๆเมื่ออยู่ระหว่างภาคทัณฑ์ จะได้ไม่ต้องถูกกลับไปเข้าตะรางอีกครั้ง แต่คริสโตเฟอร์ จอห์น สมิธ อายุ 38 ปีกลับทำตัวแปลกแหวกแนว จึงถูกตำรวจจับทันควัน

ตามข่าว เมื่อสมิธเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะที่หน้าประตูของสำนักงานควบคุมความประพฤติ ทุกคนในสำนักงานก็สะดุ้งโหยงเมื่อเครื่องส่งเสียงดังลั่น เพราะนั่นแปลว่าสมิธพกอาวุธ

เมื่อตำรวจเข้าตรวจค้น พวกเขาเจอปืนขนาด .25 ซ่อนอยู่ในกระเป๋าของสมิธ และต่อมาพบว่าปืนบรรจุกระสุนเอาไว้ห้านัด

เมื่อเป็นเช่นนี้ ตำรวจจึงออกไปค้นรถที่เขาขับมา โดยคิดว่าอาจจะเจอปืนอีกสักกระบอกสองกระบอก ทว่าพวกเขากลับพบว่ารถคันนี้ถูกขโมยมาจากบริษัทรถเช่าเมื่อตอนต้นเดือน

สมิธบอกกับเจ้าหน้าที่ทัณฑ์บนว่ารถคันนี้ถูกเช่ามาเพราะพวกหุ้นส่วนที่เขาทำธุรกิจด้วยเป็นคนจัดการเรื่องรถ แต่เขาไม่พร้อมที่จะเปิดเผยชื่อหรือรายละเอียดของคนพวกนั้น

ตอนนี้เขาก็เลยได้กลับเข้าไปกินข้าวแดงด้วยข้อหาฝ่าฝืนทัณฑ์บนและสงสัยว่าจะเป็นโจรขโมยรถ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายเดือนแล้วนะครับ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

โรบ็อตติดตั้งโปรแกรม “เรียนรู้”อาจถูกทำลายเร็วๆนี้เพราะพยายามหนี

หุ่นยนต์พยายามหนีจากเจ้าของ


รูปแทน


หุ่นยนต์รัสเซียที่มีปัญญาประดิษฐ์และถูกโปรแกรมให้เรียนรู้อาจถูกทำลายเพราะพยายามหนีไปจากคนที่ประดิษฐ์มันขึ้นมาๆแล้วสองครั้ง

หุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า โปรโมบ็อต ไออาร์ 77  มันถูกโปรแกรมให้เข้าใจ และเรียนรู้จากประสบการณ์และสิ่งที่อยู่รอบตัว

นอกจากนั้นมันก็ยังถูกโปรแกรมให้หลบหลีกสิ่งกีดขวางและวิเคราะห์พื้นที่ๆอยู่รอบตัว เป็นเหตุให้มันหาเส้นทางหนีได้

และมันก็พยายามหนีออกจากบ้านของมันมาแล้วสองครั้ง

ครั้งแรก มันจะออกมาทางประตูหน้าที่ปิดไม่สนิท ทำให้เกิดการโกลาหลเมื่อรถราที่แล่นผ่านไปมาต้องขับหลบกันอย่างจ้าละหวั่น

นักวิจัยกล่าวว่าหุ่นตัวอื่นที่ผลิตในรุ่นเดียวกันไม่ได้พยายามจะหนีเหมือน ไออาร์ 77 มันทำให้พวกเขาคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ่นตัวนี้...ทำไมมันจึงอยากหนีออกจากบ้านมากนัก

โอเล็ค คีโวเคอเซฟ ผู้ร่วมก่อตั้งแล็บวิจัยซึ่งสร้าง ไออาร์ 77 ขึ้นมากล่าวว่า “ตอนนี้เรากำลังประดิษฐ์หุ่นรุ่นที่สาม ซึ่งเราวางแผนว่าจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ นั่นคือเหตุผลที่เราใส่ปัญญาประดิษฐ์ให้กับพวกมันทุกตัว เราเปลี่ยนระบบปัญญาประดิษฐ์มาแล้วสองรุ่น ตอนนี้ เราว่าเราอาจจะต้องถอดมันออกเสียแล้ว”

ไม่มีใครรู้ว่า โปรโมบ็อต ไออาร์ 77 รู้หรือเปล่าว่ามันจะถูกทำลายในไม่ช้า ถ้ามันรู้ ป่านนี้ มันคงพยายามหนีอีกอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก :Wikimedia Commons / Author Humanrobo / description: TOPIO ("TOSY Ping Pong Playing Robot") is a bipedal humanoid robot designed to play table tennis against a human being. TOPIO version 3.0 at Tokyo International Robot Exhibition, Nov 2009

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อนิจจา... เซลฟี่คร่าชีวิตหนุ่มน้อยและเพื่อนๆไปพร้อมกับน้ำ

เซลฟี่ทำคนตายอีกแล้ว


รูปแทน


หนุ่มตกน้ำขณะถ่ายเซลฟี่ เพื่อนและพลเมืองดีกระโดดลงไปช่วย เลยชะตาขาดตามไปด้วย

หนุ่มหน้ามลคนหนึ่งไปยืนแอ็กท่าถ่ายเซลฟี่บนท่าน้ำริมฝั่งแม่น้ำคงคา ปรากฏว่าท่าน้ำมีตะใคร่จับ ทำให้เขาลื่นตกลงๆไปในน้ำ คนหกคนที่กระโดดลงไปช่วยเขากลายเป็นศพไปด้วย – เหตุเกิดเมื่อวันพุธที่แล้ว

ชีวัน กุ๊ปตา อายุ 19 กำลังจะถ่ายเซลฟี่อยู่บนริมตลิ่งของแม่น้ำคงคาในเมืองคานปูร์ อุตตรประเทศ แต่เผอิญลื่นตกลงไปในน้ำ

เพื่อนนักเรียนที่มาด้วยกันห้าคนและชายอีกคน ซึ่งทราบชื่อในภายหลังว่า มูฮัมมัด มัดซูด อายุ 31 ปี กระโดดลงไปช่วย แต่ทั้งหมดถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดกลืนหายไป

ตำรวจเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมดเจ็ดคน ในนั้นมี ซัทยัม กุ๊ปตา น้องของชีวัน กุ๊ปตารวมอยู่ด้วย

ยกเว้นมัดซูด ผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดอายุ 21 หรือเด็กกว่า พวกเขาไปปิกนิกที่แม่น้ำคงคาเมื่อวันพุธ

ขณะเกิดเหตุ น้ำในแม่น้ำคงคากำลังขึ้นสูงเพราะฝนที่ตกหนัก นอกจากนั้นฝนก็ยังทำให้คลื่นลมแรงอีกด้วย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กชาวอินเดียชีวิตเพราะพยายามถ่ายเซลฟี่ จากรายงานการเสียชีวิตอัน “สืบเนื่องมาจากการถ่ายเซลฟี่”ทั่วโลกในปี 2015 ซึ่งมีทั้งสิ้น 27 ราย เกือบครึ่งหนึ่งเกิดขึ้นในอินเดีย

เอาเรื่องอุบัติเหตุเพราะถ่ายเซลฟี่มาให้อ่านหลายครั้งแล้ว โปรดระมัดระวังด้วย

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

นักเตะได้ใบแดง ถูกไล่ออกจากสนามเพราะตดเสียงดัง




“ผมต้องตด ท้องไส้ผมไม่ดี

อ่านข่าวนี้แล้วไม่รู้ว่าอะไรเหม็นกว่ากัน เหม็นตดของนักฟุตบอล หรือเหม็นกรรมการที่ไล่เขาออกจากการแข่งขัน

การลงโทษเพราะผายลมในสนามเกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลในดีวีชั่นสามของสวีเดนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

อดัม ลินดิน ลุงวิคได้ใบแดง ถูกไล่ออกจากสนามเพราะ แสดง “พฤติกรรมที่ไม่เป็นนักกีฬา”เมื่อเขาผายลมเสียงดังจนกรรมการได้ยิน

แต่ลุงวิคสาบานว่าเขาผายลมเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น

"ผมต้องตด ท้องไส้ผมไม่ดี” เขาบอก “ผมก็แค่ตดออกมา แต่กลายเป็นว่าผมได้ใบเหลืองแล้วก็ใบแดง ไล่ออกจากสนาม ผมถึงกับช็อคไปเลยนี่เป็นเรื่องที่แปลกที่สุดที่ผมเคยเจอในสนามฟุตบอล”

“ผมถามกรรมการว่า อะไรกัน ผมตดในสนามไม่ได้เหรอกรรมการตอบว่า ไม่ได้

ลุงวิคมีทฤษฏีที่อธิบายว่าทำไมกรรมการไม่ยอมรับการทำงานพื้นฐานชองร่างกายของคน

เขากล่าวว่า “กรรมการคงคิดว่าผมกำตดแล้วปาใส่หน้าเขา แต่ผมไม่ได้ทำ”

แดนนี่ กาโก้ กรรมการคู่กรณีบอกนักข่าวว่า “ลุงวิคตั้งใจตดเพื่อยั่วโมโห”

“ครั้งหนึ่ง เคยมีนักกีฬาคนหนึ่งไปยืนปัสสาวะใกล้กับสนาม ผมก็ให้ใบเหลืองเหมือนกัน”

วันนั้น ทีมเปอร์ชักเก็น ที่ลุงวิทเล่นอยู่แพ้ 5 – 2 แต่การที่เขาได้ใบแดง ไล่ออกจากสนาม อาจไม่ได้มีผลต่อการแข่งขันแต่อย่างใดก็ได้
แต่นักเตะยังรู้สึกไม่ดีต่อการลงโทษครั้งนี้

“ผมคิดว่ามันเป็นการให้ใบแดงที่งี่เง่า” เขาพูด “ผมได้แต่หัวเราะ เรื่องนี้คงไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนแน่ๆ ผมไม่เคยได้ยินว่าใครถูกไล่ออกเพราะตด”

ข่าวนี้เป็นอีกมุมหนึ่งที่มาพร้อมกับฟุตบอลยูโร นี่ก็ถึงรอบสองแล้ว รักษาสุขภาพ อย่านอนดึกมากนะครับ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หนุ่มรักคุดแก้แค้นเมียด้วยการเอาข้าวของๆเธอมาประกาศขายในอีเบย์




เมื่อไม่กี่วันมานี้ สามีที่กะลังควันออกหูตกเป็นข่าวดังในหนังสือพิมพ์เมื่อเขาเอา “ข้าวของๆภรรยาที่มีชู้” มาประกาศขายในเน็ตหลังจากเธอหอบผ้าผ่อนหนีไปกับหนุ่มเหน้าหน้าตาคล้ายดาราชื่อ แบ็พเป้ จากหนังทีวีเรื่องอีสเอ็นเดอร์

หนุ่มนิรนามที่ใช้ชื่อว่าคาลิบริสตีฟในอีเบย์ เอาเสื้อผ้าและรองเท้ามากมายหลายรายการ รวมทั้งรถสปอร์ตสีดำมาประกาศขายในร้านค้าออนไลน์ชื่อดัง เขาบรรยายสรรพคุณสินค้าที่จะขายว่า “ขายยกชุดข้าวของๆผู้หญิงร่านและมีชู้ที่เป็นภรรยาเก่าของผม”

หนุ่มรักคุดเปิดเผยว่าเขาจะเอาเงินที่ขายได้ไปซื้อบริการของโสเภณีมาหาความสุขที่บ้านที่เขาอยู่กับอดีตภรรยาและจะเอาไปซื้อวิสกี้มากินให้หัวทิ่มบ่อ

รถสปอร์ตปี 2004 ซึ่งเขาบรรยายว่า “เป็นรถที่อัปยศที่สุด มันเป็นของมีค่าเพียงอย่างเดียวที่นังเมียเก่าทิ้งไว้ให้ผมแล้วปล่อยให้ผมอยู่อย่างคนถังแตก” นอกจากนั้นก็ยังมีคำบรรยายอีกประโยคหนึ่งว่า “นี่เป็นผลงานทางวิศวกรรมที่ไร้สาระของคนเยอรมัน ซึ่งน่าจะเหมาะกับแฮร์สไตลิสต์ นักจัดดอกไม้หรือคนที่มีศักดิ์ศรีน้อยหรือไม่มีเลย” มีราคาประมูลจนถึงวันนี้ 1400 ปอนด์ (หนังสือพิมพ์ลงข่าวนี้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา)

ส่วนเสื้อผ้าและรองเท้ามีราคาประมูลไต่ระดับขึ้นไปถึง 185 ปอนด์ก่อนที่ชายรักคุดจะบอกว่าอีเบย์ถอดโฆษณาของเขาออกไปเพราะใช้คำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

ฟังดูเหมือนตลกฝืดใช่ป่ะ? แต่หนังสือพิมพ์จากอังกฤษอ้างว่าได้ติดต่อกับชายคนนี้แล้ว – ซึ่งยังไงก็ขอไม่บอกชื่อจริง – แล้วชายคนนี้ก็ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

“มันเป็นวิธีระบายความอัดอั้นและความแค้นที่ดี” เขาบอก “ผมได้รับฟีดแบ็กดีๆและเมสเสจให้กำลังใจมากมาย มีบางคนถึงกับเมสเสจมาว่าจะส่งวิสกี้ดีๆมาให้ผมทางไปรษณีย์ด้วย”

หนุ่มคนนี้ – เคยใช้อีเบย์ขายรถมาแล้วหลายคันในปีที่ผ่านมา - ตอนเมียหนี เขาเอารถสปอร์ตมาประกาศขายเป็นอันดับแรก เขาเขียนบรรยายว่า “ผมเกลียดรถคันนี้มากพอๆกับเกลียดเมียเก่า ผมซื้อรถคันนี้ให้เธอ แต่ขอบอกตามตรง เธอก็ไม่ค่อยชอบมัน ตอนเธอหนีไป เธอก็เลยเอารถคันของผมไป” พอได้กำลังใจจากคนที่สนใจจะซื้อรถ เขาก็เลยเอาข้าวของส่วนตัวที่เหลือของอดีตภรรยาออกมาขายเสียเลย

ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงก็น่าสงสาร แต่นักการตลาดอาจมองต่างมุมก็ได้?

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


พ่อแม่ที่เพิ่งสูญเสียลูกชายเชื่อว่านกแก้วกำลังบอกว่าใครเป็นฆาตกร

พ่อแม่ที่ลูกถูกฆ่าเชื่อว่านกแก้วกำลังบอกว่าใครเป็นคนทำ

รูปแทน

พยานที่เห็นเหตุการณ์กำลังพูด แต่ปัญหาก็คือคนควรจะฟังคำพูดของเขาหรือไม่

เพราะพยานรายนี้ชื่อบั๊ด เป็นนกแก้วอาฟริกันสีเทา อยู่ในเมืองเอ็นเซย์ ทาวน์ชิพ มิชิแกน และเป็นนกปากเสีย

คำพูดประโยคล่าสุดที่เขาพูด – เป็นคำพูดที่เขาไม่ยอมหยุดตระโกนออกดังๆ เป็นคำพูดที่ลอกมาจากคำพูดที่เจ้าของของเขาพูด ตลอดจนเป็นคำพูดที่ได้ยินแล้วต้องหนาวเพราะเป็นคำพูดที่ว่า “อย่ายิงกู”

ถ้ามาร์ติน ดูแรม อายุ 45  เจ้าของๆบั๊ดไม่ถูกยิงตายในบ้านเมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 คำพูดตลกๆประโยคนี้ก็อาจจะทำให้คนที่ได้ยินหัวเราะ แต่ตอนนี้ ไม่มีใครหัวเราะเพราะมาร์ตินตายจริงๆ

มีคนพบศพของมาร์ตินใกล้ๆกับร่างของภรรยาแกล็นน่า แกล็นน่าเองก็มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะแต่ไม่เสียชีวิต ตอนแรก ตำรวจคิดว่าแกล็นน่าเป็นเหยื่อที่ถูกยิง แต่ตำรวจออกมาแถลงในภายหลังว่าเธอเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆ่าล้างครัวคราวนี้

บรรดาญาติพี่น้องของมาร์ตินบอกกับนักข่าวว่าพวกเขาคิดว่านกจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในวาระสุดท้ายของมาร์ตินเอาไว้ในสมองแล้วเอามาพูด พวกเขาเห็นว่าบั๊ดเลียนแบบคำพูดของมาร์ตินและของภรรยาของเขา

“นกจำได้ทุกอย่างและมันก็เป็นนกปากปลาร้าที่สุด” ลิเลียน ดูแรม แม่ของมาร์ตินกล่าว

“โดยส่วนตัว ผมคิดว่าบั๊ดอยู่ที่นั่น บั๊ดจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้วพูดมันออกมา” ชาร์ล ดูแรม พ่อของมาร์ตินเสริม

คริสตีน่า เคลเลอร์ ภรรยาเก่าของมาร์ตินซึ่งกลายเป็นเจ้าของใหม่ของบั๊ดไปแล้ว เห็นด้วยกับพ่อแม่ของมาร์ติน เธอบอกกับนักข่าวว่านกชอบเอาคำพูดของผู้ชายกับผู้หญิงที่กำลังทะเลาะอย่างรุนแรงมาพูดซ้ำๆ

“ฉันได้ยินเสียงคนสองคนกำลังทะเลาะกันอย่างดุเดือด” เคลเลอร์ซึ่งเชื่อว่าประโยค ‘อย่ายิงกู” เป็นคำพูดสุดท้ายของมาร์ติน ”มันเป็นเสียงของคนสองคนที่ฉันรู้จักและเป็นเสียงที่ฉันจำได้”

“มันรุนแรง” เธอเสริม “เวลาบั๊ดพูด บ้านฉันจะเย็นยะเยือกทันที”

“แล้วจะเอานกมาเป็นหลักฐานได้เหรอ” นักข่าวถามตำรวจสืบสวน แต่นักข่าวไม่ได้รายงานว่าตำรวจตอบว่าอย่างไร

โรเบิร์ต สปริงสตีท อัยการเมืองนิวเวย์โก เคาน์ตี้ บอกกับนักข่าวว่าเขาเคยได้ยินเรื่องนกที่พูดได้ แต่ยังไม่ได้ยินสิ่งที่บั๊ดพูด เขากล่าวว่าเขากำลังรอผลการสอบสวนของตำรวจมิชิแกนก่อนที่จะตัดสินว่าจะตั้งข้อหาว่าแกล็นน่า ดูแรมฆ่าสามีของเธอหรือไม่

“ถึงแม้กฎหมายจะอนุญาตให้ตั้งข้อหากับใครก็ได้ถ้ามีเหตุผลอันควร แต่ผมไม่ชอบทำแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นคดีที่ร้ายแรงอย่างนี้” สปริงสตีทบอกนักข่าว “เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นลง ผมจะพอใจถ้ามันจะมีหลักฐานที่มากกว่าการคิดเองเออเอง”

ทางด้านแกล็นน่า เธอให้การกับตำรวจว่าเธอจำเหตุการณ์ตอนที่มีการยิงกันไม่ได้ เธอจำได้แค่เธอตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล นอกจากนั้น เธอก็ยังจำไม่ได้ว่าเขียนจดหมายลาตายฝากไว้ให้ญาติๆก่อนเกิดเหตุสามฉบับ

“ฉันรู้เพียงอย่างเดียวว่าฉันไม่ได้ฆ่าสามี” ตำรวจเอาคำพูดของเธอมาเปิดเผย

ดอริน พ็อทโปสกี้ เจ้าของร้านขายนกในแกรนด์ แรพปิดส์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่านกแก้วอาฟริกันสีเทาเรียนพูดเป็นประโยคได้ถ้าได้ยินหลายๆครั้ง แต่นกก็สามารถพูดคำที่ได้ยินเพียงไม่กี่ครั้งได้เช่นกัน เมื่อเอาวีดีโอที่นกพูดด้วยคำพูดที่รุนแรงให้ดอรินฟัง เธอบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเธอได้ยินนกเลียนเสียงทะเลาะกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงอย่าง ‘แน่นอน’”

นอกจากนั้นเธอก็ยังบอกกับนักข่าวด้วยว่าได้ยินนกพูดว่า ‘อย่ายิงกู’

“ตามความคิดของฉัน นกต้องได้ยินประโยคเหล่านี้มาก่อนอย่างแน่นอน”

ทนายความท่านหนึ่งในมิชิแกนกล่าวว่า ไม่สามารถนำนกมาเป็นพยานได้เพราะไม่รู้ที่มาที่ไปของประโยคที่มันพูด

“คำพูดเหล่านั้นมาอยู่ในปากของนกได้ยังไง?” ทนายท่านนั้นถาม “ถ้าไม่มีทางพิสูจน์ว่ามันมาได้ยังไง คุณก็ตัดสินไม่ได้ว่านกเห็นการฆาตกรรมหรือจำมาจากในทีวี”

ถ้ามีข่าวคืบหน้า จะเอามาให้อ่านครับ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : Wikimedia commons /Author : Eli Duke / Descr : Congo African Grey Parrot (Psittacus erithacus erithacus). Pet parrot held on a hand.

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทีวีไล่ยุง - นวัตกรรมใหม่

ผู้ผลิตสินค้าอีเลคโทรนิคส์รายใหญ่ของเกาหลีใต้เปิดตัวทีวีแบบไล่ยุงในตัว 

รูปแทน

ผู้ผลิตสินค้าอีเลคโทรนิคส์ของเกาหลีใต้เปิดตัวทีวีที่มีคุณสมบัติในการไล่ยุง - เพื่อต่อสู้กับไข้เลือดออกและมาลาเรียในอินเดีย – งานเปิดตัวครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โทรทัศน์ที่มีคุณสมบัติในการไล่ยุงดังกล่าวทำงานเหมือนโทรทัศน์ที่สามารถให้ความบันเทิงและสาระเหมือนโทรทัศน์ปกติทั่วไป แต่มีอุปกรณ์ที่ใช้อัลตราซาวน์ เทคโนโลยีเพื่อส่งคลื่นเสียง แบบคลื่นสั้นความถี่สูง (short wave, high frequency)ที่คนไม่ได้ยิน แต่แมลง (เช่น ยุง) ได้ยินและไม่อยากเข้าใกล้

ผู้ผลิตทีวีรายนี้กล่าวว่า คลื่นเสียงที่กระจายออกมาอุปกรณ์ฯจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และนี่เป็นวิวัฒนาการอีกระดับของวิธีการเดิมๆในการไล่ยุง (ซึ่งรวมถึงการฉีดยาฆ่าแมลง) แต่แน่นอน ทีวีจะส่งคลื่นอัลตราซาวน์ออกมาก็ต่อเมื่อคุณเปิดทีวี

มาลาเรียและไข้เลือดออก – ซึ่งมียุงเป็นพาหะ - ยังเป็นภัยต่อสุขภาพของคนในเอเชียและอาฟริกาอย่างต่อเนื่อง เมื่อปีที่แล้ว (2015) มีไข้เลือดออกระบาดในอินเดีย มันเป็นการระบาดที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายๆปี โดยมีผู้ป่วยทั่วประเทศมากกว่า 10683 ราย

“เรานำเสนอสินค้าที่มีพื้นฐานมาจากภูมิปัญญาของชาวอินเดียเสมอมา เป็นผลให้สินค้าของเรามีคุณค่าสำหรับลูกค้าชาวอินเดีย เทคโนโลยีใหม่ในการไล่ยุงที่อยู่ในโทรทัศน์คือการต่อยอดจากปรัชญานี้ เราก้าวผ่านประสบการณ์ที่ได้จากการมองแล้วสร้างสภาพแวดล้อมในบ้านที่ดีต่อสุขภาพขึ้นมา” ผู้ผลิตทีวีดังกล่าวๆ

“เราต้องการเสนอนวัตกรรมที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและหวังว่าสินค้าตัวนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเขา” พวกเขาเสริม

ในการเปิดตัว ผู้ผลิตรายนี้ไม่ได้มีการแจกแจงรายละเอียดของทีวีรุ่นใหม่นี้มากเท่าใด อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในการไล่ยุงเพราะพวกเขาขายเครื่องปรับอากาศที่สามารถไล่ยุงได้มาแล้วใน18 ประเทศในอาฟริกา

เครื่องปรับอากาศแบบไล่ยุงจะติดตั้งอุปกรณ์กำเนิดเสียงอัลตราโซนิคที่จะสร้างคลื่นเสียงในระดับ 30-100 กิโลเฮิร์ซออกมาไล่แมลง

การทดสอบในห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุมสภาวะแวดล้อมที่กระทำโดยมหาวิทยาลัยไอดาบันในไนจีเรียพบว่าเครื่องปรับอากาศแบบไล่ยุงสามารถไล่แมลงได้โดยเฉลี่ย 62.7% เมื่อเปิดอุปกรณ์กำเนิดเสียงอัลตร้าโซนิคไว้ตลอด 24 ชั่วโมง

เทคโนโลยีนี้จะดีหรือไม่อย่างไรยังไม่ปรากฏ แต่ผู้ผลิตรายนี้เตือนผู้บริโภคว่าประสิทธิภาพของเทคโนโลยีในการไล่ยุงอาจผันแปรไปตามสภาพการใช้งานและไม่ควรเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้ทดแทนวิธีป้องกัน(แมลง)อื่นๆที่ใช้อยู่

ถ้ามีข่าวคืบหน้าจะเอามาให้อ่านต่อนะครับ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ท่านเปาชักปืนขู่นักบอลในสนาม

ท่านเปาชักปืนขู่นักเตะ


รูปแทน


ฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลอาชีพ หรือฟุตบอลสมัครเล่นเป็นกีฬาที่รู้จักกันแทบทุกประเทศ แต่คงไม่มีประเทศไหนชอบฟุตบอลมากกว่าบราซิล ซึ่งกีฬาอยู่คู่กับชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ในประเทศ

แต่มันเป็นข่าวให้ฮือฮาเมื่อท่านเปาคนหนึ่งทำตัวเข้มเกินไปตอนลงไปเป็นผู้ตัดสินการแข่งขันฟุตบอลสมัครเล่นระดับท้องถิ่นคู่หนึ่ง

ท่านเปาที่ตกเป็นข่าวมีนามกรว่าแกเบรียล เมอร์ต้า เขาถูกนักบอลเตะตอนกำลังทำหน้าที่ในสนาม จึงชักปืนออกมาขู่นักบอล โดยคิดว่านั่นเป็นการกระทำที่ดีที่สุดแล้ว

เมอร์ต้าลงตัดสินการแข่งขันฟุตบอลตอนสุดสัปดาห์ระหว่างทีมบรูมาดินโย่ กับทีม อามาเตส ดา โบลา

เมื่อการแข่งขันดำเนินไปถึงครึ่งทาง นักบอลคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาเตะผู้ตัดสินเบาๆ

เมอร์ต้า – ซึ่งเป็นตำรวจ - จึงหันหลังแล้ววิ่งออกไป ทิ้งสนามและคนดูในสนามไว้เบื้องหลัง แต่ไม่นาน เขาก็ออกมาจากห้องแต่งตัวของนักกีฬา พร้อมกับปืน

เมอร์ต้ากวาดปืนไปมา โชคดีที่ผู้กำกับเส้นรายหนึ่งวิ่งเข้ามาเจรจากับเขาจนใจเย็นลง

งานนี้จึงไม่มีใครบาดเจ็บ

หลังเกิดเหตุ เมอร์ต้าถูกสั่งให้ไปเช็คสุขภาพจิต เขาคงถูกแบน ไม่ให้ลงตัดสินนานหรือตลอดชีวิต

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อแปดเก้าเดือนที่แล้ว แต่ก็เข้ากับบรรยากาศกับบอลยูโรดี

อ่านข่าวแปลกเป็นประจำได้ที่นี่

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ชายวัยดึกจับแมวโยนเข้าเครื่องปั่นแห้งเพราะถูกเมียทิ้ง

แมวโชคร้ายถูกชายวัยดึกทำร้ายเพราะแค้นภรรยา


รูปแทน


มาร์ติน เบิร์ดโชล อายุ 55 จับแมวอายุหนึ่งขวบของภรรยาโยนเข้าเครื่องปั่นผ้าในขณะที่เธอไปทำงาน

เมื่ออมันด้า อายุ 53 ภรรยาของมาร์ติน บอกมาร์ตินว่าชีวิตแต่งงานที่ดำเนินมาสามสิบปีของพวกเขาจบลงแล้ว มาร์ตินจึงเอาแมวของเธอยัดใส่เครื่องปั่นผ้า

อมันด้าให้การในศาลว่าเมื่อเธอกลับถึงบ้านในคอร์คเลย์ แล็งซ์ แล้วไม่เห็นแมว เธอจึงถามมาร์ตินว่าเขาเห็นแมวของเธอไหม

มาร์ตินตอบว่า “เห็น เธออาจจะอยู่ในเครื่องปั่นผ้า”

อมันด้ารีบเอาโรซี่ออกมาจากเครื่องและปลอบขวัญเธอ เหตุการณ์นี้ทำให้มาร์ตินต้องระเห็ดไปอยู่ในสถานรับเลี้ยงดูคนไร้บ้าน

ถึงแม้มาร์ตินจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทารุณสัตว์ แต่ศาลพบว่าเขามีความผิด จึงสั่งห้ามไม่ให้เขาติดต่อกับภรรยาและลูกสาวทั้งสามคน

อมันด้าบอกว่ามาร์ตินเปลี่ยนไปหลังจากเริ่มกินยาแก้เครียดเพื่อจัดการกับแรงกดดันที่ได้รับจากที่ทำงาน
เธอกล่าวว่า “มาร์ตินที่ฉันแต่งงานด้วยเป็นคนดี เขาไม่เคยใจร้ายกับสัตว์ ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือ”

มูลนิธิคุ้มครองแมวเสริมว่า “สาระสำคัญก็คือ เราไม่ควรปล่อยให้คนที่ทำเช่นนี้อยู่อย่างลอยนวล โดยไม่ถูกทำโทษ”

สิ่งที่น่าสนใจก็คือเมื่อสามเดือนที่แล้ว มาร์ตินเขียนข้อความลงในเฟสบุ๊กว่า “ผมเกลียดการทำร้ายสัตว์ เจ้าของคนไหนที่ทำร้ายสัตว์ที่ตนเลี้ยงควรไปอยู่ในคุก”

และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือมาร์ตินเป็นนักเคลื่อนไหว เรียกร้องสิทธิให้กับสัตว์

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สาวฟลอริด้าโทรไปแจ้ง 911 ให้มาจับพ่อค้ายาแต่ถูกจับเสียเอง

ขี้ยาสาวโทรแจ้ง 911 ให้มาจับพ่อค้ายา




หญิงสาวชาวฟลอริด้าสั่งซื้อกัญชาเป็นเงิน 75 ดอลลาร์จากพ่อค้าขายยา แต่ได้ของไม่ครบตามที่สั่ง จึงโทรแจ้ง 911

ตำรวจเมืองฟอร์ท ไมเออร์เปิดเผยว่าเออร์รีน คลิ้นซ์โทรไปแจ้ง 911 “คุณตำรวจ คุณตำรวจต้องช่วยเดี๊ยนนะฮ้า เดี๊ยนซื้อกัญชา แล้วคนขายมันเอามาให้ไม่ครบ ไปจับมันด้วยฮ่า”

เธอขอให้ตำรวจทำอะไรสักอย่างกับคนขายกัญชาที่เอากัญชามาให้เธอไม่ครบ ตำรวจก็รวดเร็วจนน่าใจหาย เพราะอีกไม่กี่อึดใจ คริ้นซ์ก็แปลกใจเมื่อตำรวจมารอเธออยู่หน้าบ้าน พวกเขาอยากจะคุยกับเธอ

คริ้นซ์บอกตำรวจว่าเธอจ่ายเงินให้เด็กเดินยาไปแล้ว แต่ได้ของไม่ครบ

แต่คริ้ซ์กลับถูกจับข้อหาโทรไปก่อกวน 911 นอกจากนั้น เธอก็ยังถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีกข้อเมื่อตำรวจพบกัญชาซุกอยู่บนเบาะรถของเธอ

แต่สุดท้าย เธอก็ได้ประกันตัวออกไปด้วยเงิน 3000 เหรียญ ความจริงเธออาจจะไม่โดนจับถ้าไม่โทรไป 911 ซึ่งเป็นสายด่วนเพื่อแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย แต่ใช้ช่องทางอื่นแจ้งจับคนที่โกงเธอ (ตลอดจนซ่อนกัญชาให้ดี)

คดีนี้ ตำรวจไม่ได้จับเด็กเดินยา ซึ่งคริ้นซ์แจ้งว่าส่งของให้เธอไม่ครบ เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ

ภาพประกอบจาก : Wikimedia commons / Author : J. Patrick Bedell / Descr: Cannabis plant(s) in vegetative growth stage.

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ธนาคารเมืองอาทิตย์อุทัยเตรียมให้กูเงินฉุกเฉินด้วยการสแกนฝ่ามือ

ธนาคารจะให้กู้เงินด้วยใช้การสแกนฝ่ามือ (ไม่ใช่สแกนลายนิ้วมือนะครับ)


รูปแทน


ธนาคารในญี่ปุ่นจะให้กู้เงินด้วยการสแกนฝ่ามือในกรณีฉุกเฉิน (ไม่ใช่สแกนลายนิ้วมือนะครับ)

ธนาครโอกากิ เคียวริสุในญี่ปุ่นเตรียมพร้อมที่จะให้ลูกค้าของตนกู้เงินแบบฉุกเฉินโดยใช้วิธีการที่มีหนึ่งเดียวในโลก โดยลูกค้าของแบงก์ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารระบุตัวตนตามปกติ

ลูกค้าของธนาคารฯสามารถใช้เครื่องสแกนฝ่ามือและสามารถเบิกเงินได้ถึง 17000 ดอลลาร์ขณะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ธนาคารเอาวิธีการกู้เงินที่เหมือนอยู่ในนิยายวิธีนี้มาเสนอกับลูกค้าเพราะตอนเกิดแผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติอื่นๆ ลูกค้ามักจะหาเอกสารสำคัญที่ธนาคารต้องการเพื่อใช้ในการกู้เงินไม่ได้

หลังจากเกิดแผ่นดินไหวในปี 2011 และเกิดเหตุการณ์สึนามิ ผู้คนจำนวนมากหนีเอาตัวรอดมาได้ โดยไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อสิ่งของจำเป็น เช่นอาหาร (ทีวีตู้เย็นไม่จำเป็นต้องใช้) ธนาคารจึงมองเห็นว่าจะต้องหาระบบใหม่มาใช้

ระบบการกู้เงินแบบที่ว่านี้จะทำงานในสถานการณ์พิเศษ - เช่นเกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงอย่างน้อย “หกต่ำ” (ไม่ใช่ไฮโลนะครับ ความแรงระดับหก ก็มีหกต่ำกับหกสูง) ตามอัตราการวัดแรงสั่นสะเทือนของญี่ปุ่นที่มีเจ็ดระดับ หรือเกิดฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน หรือมีภูเขาไฟระเบิด – เท่านั้น โดยเหตุการณ์เหล่านี้จะทำให้ระบบทำงาน แล้วตอนนั้นลูกค้าก็ไปที่ตู้เอทีเอ็มที่อยู่ใกล้ๆและเบิกเงินด้วยการสแกนฝ่ามือได้

ถ้าต้องหนีเอาตัวรอดจริงๆ บัตรเบิดอะไรก็คงหยิบฉวยไม่ทันหรอก จริงมั้ย

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่ 

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กฎหมายแปลกๆเกี่ยวกับการใช้ห้องส้วม

จะไปเมืองนอก ต้องรู้เรื่องนี้


มีเรื่องว่ากันว่าเกี่ยวกับการใช้ห้องสุขาในจีน ในอังกฤษ ในเยอรมัน และฯลฯ มาดูกันสิว่าเรื่องว่ากันว่าในประเทศเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงแท้แค่ไหน

ในเฉินเจิ้น ประเทศจีน ถ้าคุณฉี่ไม่ตรงโถ คุณจะถูกปรับ 100 หยวน

ว่ากันว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2013 เป็นต้นมา สำนักงานรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเฉินเจิ้นได้ประกาศใช้ “เทศบัญญัติการจัดการห้องน้ำสาธารณะ มาตรา 23” ในเขตเมืองเฉินเจิ้น

โดยเทศบัญญัติฉบับนี้ระบุว่า การปัสสาวะไม่ลงโถจะถูกปรับเป็นเงิน 100 หยวน

แต่งานนี้ไม่มีการระบุว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่เจอการกระทำผิดซึ่งหน้า จะจับคนทำผิดยังไง (ถ้าไม่ซ่อนกล้องเอาไว้บันทึกเหตุการณ์)

ขอตัดสินว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

ร้านขายเบียร์ในเมืองมิวนิก เยอรมันนี ต้องอนุญาตให้คนใช้ห้องน้ำ

ว่ากันว่า ถ้าคุณขายเบียร์ในมิวนิก คุณต้องทำตามกฎหมายที่กำหนดว่า "คุณต้องอนุญาตให้คนเข้าไปใช้ห้องน้ำของคุณได้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะซื้อหรือดื่มเบียร์ของคุณหรือไม่ก็ตาม"

นักเขียนสารคดีการท่องเที่ยวท่านหนึ่งกล่าวว่ากฎหมายนี้ถูกนำมาใช้เมื่อทางการรื้อโถส้วมสาธารณะซึ่งตั้งอยู่กลางแจ้งออกไปจากเมืองเพื่อให้เมืองสวยงามก่อนการมีมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี ค.ศ. 1972 แล้วจากนั้นเป็นต้นมา ธุรกิจที่มีการขายเบียร์จึงต้องเปิดประตูต้อนรับคนที่ต้องการใช้ห้องน้ำไม่ว่าเขาจะเป็นลูกค้าหรือไม่

กฎหมายนี้ถูกระบุลงไปในคู่มือการท่องเที่ยวในเมืองมิวนิกหลายเล่ม แต่คุณคงหาที่มาของกฎหมายฉบับนี้ไม่เจอ (ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือเยอรมัน) ทั้งในอินเตอร์เน็ตหรือในเอกสารการขอเปิดร้านขายเบียร์ในมิวนิกอย่างแน่นอนเพราะเราลองหามาแล้ว

มิวนิกได้ชื่อว่าขาดแคลนห้องน้ำสาธารณะ การมีกฎหมายเช่นนี้จึงดูมีเหตุผล แต่ถ้าคุณมีข้อมูลอื่น ก็บอกเราด้วย

ขอตัดสินว่า  เรื่องนี้เราไม่รู้

ในสิงคโปร์ การไม่กดชักโครกถือเป็นความผิด

ว่ากันว่า ตามกฎหมายของสิงคโปร์ คุณอาจถูกปรับสูงถึง 5000 เหรียญสิงคโปร์ถ้าไม่กดชักโครกในห้องน้ำสาธารณะ

เทศบัญญัติมาตรา 16 ว่าด้วยการรักษาความสะอาดสถานที่สาธารณะกำหนดว่า บุคคลใดได้ปัสสาวะหรืออุจจาระในสุขภัณฑ์ที่มีระบบกดน้ำทำความสะอาด ซึ่งสาธารณะชนสามารถเข้าไปใช้ได้ จะต้องกดน้ำทำความสะอาดเครื่องสุขภัณฑ์นั้นๆทันทีหลังจากใช้เสร็จ

ในการนี้ เป็นที่รู้กันว่า ตำรวจสิงคโปร์จะสุ่มตรวจเป็นระยะ ...นี่เป็นเรื่องซีเรียสนะครับ

ใช่...สิงคโปร์มีกฎหมายนี้จริงๆ แต่คุณจะถูกปรับก็ต่อเมื่อทำผิดครั้งที่สาม

ขอตัดสินว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงสุดๆ

(ยังมีต่อ)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

ข่าวแปลก:ตำรวจตะลึง ชายฉกรรจ์ถูกจับใส่เข้มขัดกันชู้

เวลาพูดถึงเข็มขัดกันชู้ เรามักจะคิดถึงผู้หญิง แต่นี่เป็นเรื่องของผู้ชายที่ใส่เข็มขัดกันชู้ 

รุปแทน


เมื่อเดือนที่แล้ว ตำรวจทางหลวงรัฐเทนเนสซี่เปิดเผยว่าพวกเขาจับผู้ต้องหาคดีเมาแล้วขับได้คนหนึ่ง ผู้ต้องหาคนนี้ใส่เข็มขัดกันชู้อยู่กับตัว - เหตุเกิดที่เมืองแอนเดอร์สัน

ตำรวจเปิดเผยว่าเมื่อวันที่  14 พฤษภา ตำรวจได้ตั้งด่านตรวจแอลกอออล์บนไฮเวย์ 62

เมื่อรถของ เคอร์ตีส สก็อต อีแดม อายุ 35 จากเมืองโอ๊ค รีดจ์แล่นผ่านมา พวกเขาจึงโบกให้จอด

เมื่อตำรวจเดินไปที่รถ พวกเขาได้กลิ่นแฮลกอฮอล์โชยออกมาทั้งจากในรถและจากลมหายใจของเคอร์ตีส

รีเบคก้า อเล็กซานเดอร์ ผู้โดยสารที่นั่งมากับเคอร์ตีสก็มีท่าทางมึนเมาเช่นกัน

เมื่อตำรวจเชิญเคอร์ตีสลงจากรถ พวกเขาก็แปลกใจที่เห็นเคอร์ตีสนุ่งกระโปรงสั้น และเอาริบบิ้นมัดเคราแพะเอาไว้ แต่สิ่งที่น่าเอ็นดูก็คือเขาใส่เข็มขัดกันชู้สีแดง  (เข็มขัดกันชู้ของผู้ชายจะมีสายคล้องก้นและรัดเอวคล้ายกับกางเกงในจี - สติง ตรงเป้าจะมีกระเปาะโลหะ เชื่อมเป็นตาร่างแห มีรูปทรงเหมือนช้างน้อย  วิธีใส่ก็คือใส่สายกางเกง แล้วเอาช้างน้อยใส่เข้าไปกระเปาะโลหะแล้วใส่กุญแจ เอาสายรัดมาประกบกันแล้วใส่กุญแจ)

ตำรวจคนหนึ่งบอกเพื่อนว่ากระโปรงที่เคอร์ตีสใส่เรียกว่ากระโปรง “ตูตู” เป็นกระโปรงของพวกเต้นระบำฮาวาย หรือนักเต้นบัลเลย์ใส่

เคอร์ตีสยอมรับว่าเมื่อหลายชั่วโมงก่อน เขาดื่มเหล้ามาสี่ห้าแก้ว นอกจากนั้น เขาก็ยังบอกด้วยว่าเขามีปืนอยู่ในแก๊ะหน้ารถ

เคอร์ตีสไม่ผ่านการตรวจวัดแอลกอฮอล์จึงถูกจับ ตอนนั้น  เขาบอกกับตำรวจว่าเขาอยากถอดเข็มขัดที่ใส่อยู่ เขาบอกว่ากุญแจดอกหนึ่งอยู่ที่เขา อีกดอกหนึ่งห้อยอยู่บนสร้อยคอของอเล็กซานเดอร์

เมื่อไปถึงเรือนจำ แอนเดอร์สัน เคาน์ตี้  ตำรวจเอากุญแจฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ

เคอร์ตีสถูกตั้งข้อหาเมาแล้วขับ มีอาวุธไว้ในครอบครองในขณะมึนเมา เขาถูกจับและถูกประกันตัวออกมาด้วยเงินประกัน 6500 ดอลลาร์

ข่าวไม่ได้ระบุว่า เขาใส่เข็มขัดกันชู้เพราะไปงานแฟนซี หรือเพราะเมียให้ใส่เพราะเจ้าชู้กันแน่

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons / Photo desc: Alicia Alonso / source Library of 
Congress 

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:หนุ่มหลอกหนุ่มให้แต่งงานโดยอ้างว่าท้อง

เฮีย หนูท้อง...หนุ่มหลอกหนุ่มให้แต่งงานโดยอ้างว่าท้อง


เคยอ่านแต่เรื่องสาวๆถูกหนุ่มในเน็ตหลอกว่าจะแต่งงานด้วยแล้วหลอกเอาเงิน แต่เรื่องนี้แปลกออกไป

ในเวลาเพียงหนึ่งปี หนุ่มนักต้มตุ๋นชาวจีนหลอกหนุ่มชาติเดียวกัน 11 คน – ให้เชื่อว่าเขาเป็นผู้หญิงในฝัน - แล้วเชิดเงินก้อนโตหนีไป

แล้วเพื่อนๆเชื่อหรือไม่ว่าหนุ่มคนหนึ่งถูกหนุ่มนักต้มตุ๋นคนนี้หลอกให้แต่งงานด้วยหลังจาก “เธอ”บอกเขาว่าเธอท้อง

เมื่อเร็วๆนี้ หนุ่มหวัง (นามสมมุติ) จากมณฑลไฮ่หนาน (ไหหลำ) ต้องตกตะลึงพรึงเพลิศเมื่อตำรวจบอกเขาว่าๆที่เจ้าสาวของเขา - ซึ่งหายตัวไปทั้งๆที่ “กำลังท้อง” - ที่แท้เป็นชายที่แต่งกายเป็นหญิง

เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หนุ่มหวังดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อแฟน - ที่เขาเจอออน ไลน์ – บอกเขาว่าเธอท้อง พ่อแม่ของหนุ่มหวังก็ดีใจและเริ่มเตรียมงานแต่งและงานเลี้ยงทันที บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุขดำเนินไปราบรื่น แต่สามวันหลังจากนั้น เจ้าสาวก็หายตัวไป โดยเอาของหมั้นและของมีค่ามูลค่าหลายแสนหยวนไปด้วย

หนุ่มหวังคงจะอายที่เจ้าสาวหายไปก่อนวันแต่งงานไม่กี่วัน จึงไม่ไปแจ้งความ พ่อแม่ของหวังก็คงคิดว่าหวังทะเลาะกับแฟน พวกเขาก็เลยไม่ได้แจ้งตำรวจเช่นกัน

ในเวลาใกล้เคียงกัน หนุ่มน้อยคนหนึ่งในเมืองซูโจวก็เดินคอตกมาโรงพัก เขามาแจ้งความว่าถูกผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าชื่อเหมา เฉาหมิน ที่เขาพบออน ไลน์ หลอกให้เขาโอนเงินให้ 31000 หยวนก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ถึงแม้จะมีเบาะแสไม่มาก แต่ตำรวจก็สามารถติดต่อเฉาหมินและหลอกให้เธอมาที่ร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่แห่งหนึ่ง พวกเขาวางแผนที่จะจับกุมสาวนักต้มตุ๋นรายนี้ แต่ก็ต้องตกใจที่เห็นผู้ต้องสงสัยแต่งตัวเป็นชายและพกบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นของนายเหมา ซงเต่า อายุ 27

เมื่อพาตัวนายซงเต่าไปค้นที่บ้านพัก ตำรวจจึงได้หลักฐานที่ทำให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ พวกเขาเจอกระโปรง เจอวิก เจอรองเท้าส้นสูง เจอเครื่องสำอางและชุดชั้นในสตรี

ตอนให้สัมภาษณ์กับนักข่าว  ซงเต่าบอกว่าเขาชอบเสื้อผ้าและเครื่องประดับของผู้หญิงและไม่แน่ใจว่าเขาอยากเป็นหญิงหรือชายกันแน่ แต่ที่เขาแน่ใจแน่ๆก็คือเขาชอบเงิน

นักต้มตุ๋นวัย 27 รายนี้สารภาพว่าเมื่อปีที่แล้วเขาหลอกหนุ่มๆมาแล้ว 11 คน ได้เงินมาแล้วหลายแสนหยวน ที่น่าสนใจก็คือมีผู้เสียหายเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ไปแจ้งความ

ในเน็ต ผู้ชายที่หลอกว่าเป็นผู้หญิงไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่เคยมีใครได้ยิน แต่ผู้ชายที่หว่านล้อมจนผู้ชายอีกคนแต่งงานด้วยโดยใช้เหตุผลว่ากำลังท้องนั้นค่อนข้างจะเหลือเชื่อไปหน่อยจริงๆ

เมื่อเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป  นักท่องเน็ตชาวจีนจำนวนมากถึงกับทึ่งในฝีมือของหนุ่มซงเต่า ( ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้)

“หลอกคนมากมายได้ขนาดนั้น เหมือนมู่หลานเลย มู่หลานก็เป็นทหารอยู่ในกองทัพได้เป็นปีๆโดยที่ไม่มีใครสงสัย” นักท่องเน็ตคนหนึ่งเมนต์

“ผมสงสัยว่าพวกเขาทำ...ยังว่ากันยังไง” อีกคนถาม … เป็นคำถามที่ดี ใช่มั้ย

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:หนุ่มฟ้องแฟนเก่า จะเอาเงินที่เขาจ่ายไปกับเธอคืน

หนุ่มหมีขาวฟ้องอดีตแฟน จะเอาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตอนที่เขาคบกับเธอ



เมื่อนีน่า สาวสวยวัย 29 จากเมืองกราโนยาร์ค รัสเซีย เริ่มคบกับผู้อำนวยการรูปหล่อจากบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย เธอคิดว่าในที่สุด เธอก็เจอกับผู้ชายในฝัน แต่เธอหารู้ไม่ว่าเขาจะเอาเธอขึ้นศาลเพราะค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาคบกับเธอ

เมื่อนีน่าได้ประสบพบพักตร์กับทนายหนุ่มวัย 38 ที่สกี รีสอร์ท เธอก็เกิดปิ๊งๆขึ้นมาทันที เธอจำได้ว่าผู้อำนวยการหนุ่มดูเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง เขาหล่อ เขามีเสน่ห์ เขาเงียบขรึม เขาซื้อดอกไม้ให้เธอ มารับเธอไปส่งบ้านตอนเธอเลิกงาน

เมื่อต้นรักงอกเงย หนุ่มคนนั้นก็เล่าความจริงให้เธอฟังว่าเขาเคยหย่ามาแล้วสองครั้ง ดังนั้นเมื่อเขาชวนเธอไปเที่ยว เธอจึงคิดว่าเขาจะขอเธอแต่งงาน

เธอฝันว่าจะได้ไปเที่ยวเมืองนอก ไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่คนชอบไป แต่แฟนของเธอยืนยันจะไปฟีโอโดเซีย ไครเมีย ตอนนั้นเธอไม่เกี่ยงว่ามันจะเป็นที่ไหน ขอแค่ได้เดินตามชายหาดใต้แสงจันทร์และถูกขอแต่งงานในบรรยากาศที่ควรจดจำไปจนตาย ก็พอแล้ว

พอไปถึงที่หมายและผ่านไปแล้วหลายเพลา หนุ่มในฝันของเธอก็ไม่หลุดปากขอแต่งงานกับเธอสักที เธอก็เลยหมดความอดทนและโมโหแล้วทั้งคู่ก็เริ่มทะเลาะกัน

พอมีปากมีเสียงกัน วันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มก็จับเธอโยนออกมาจากโรงแรม โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนจ่ายค่าโรงแรม นีน่าถึงกับต้องโทรไปหาพ่อแม่ ขอเงินมาซื้อตั๋วเครื่องบิน ไม่ยังงั้นคงกลับบ้านไม่ได้

แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความยุ่งยาก เพราะหลังจากนีน่ากลับบ้านมาได้ไม่ทันไร เธอก็ถูกฟ้อง ให้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ชายหนุ่มจ่ายไปตอนที่เธออยู่กับเขา ดูเหมือนแฟนเก่าสุดแสบของเธอจะเก็บบิลทุกใบจากร้านขายดอกไม้ ร้านกาแฟและร้านอาหารเอาไว้ ตอนนี้เขาเลยจะขอเงินเหล่านั้นคืน รวมทั้งจ่ายค่าทนายให้เขาด้วย – เงินที่เขาเรียกร้องจะเอาคืนทั้งหมดคือ 45000 รูเบิล หรือประมาณหกเจ็ดร้อยดอลลาร์
มันยิ่งแย่กว่าเดิม เมื่อชายหนุ่มเอาข้อกฎหมายมาใช้อย่างเต็มที่ เขากับนีน่าไม่เคยรักกัน เขากับเธอคบกัน “ด้วยหน้าที่การงาน” เท่านั้น เขาบอกกับศาลว่าตอนไปเที่ยวในฟีโอโดเซีย ห้องนอนของพวกเขาเป็นห้องแบบเตียงคู่ พวกเขาไม่เคยจับมือกัน ไม่เคยไปเดินตามชายหาดด้วยกัน สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุดก็คือพวกเขาไม่ค่อยมีรูปคู่กัน

ทนายอาชีพรายนี้กล่าวอีกว่าฝ่ายหญิงต้องการจะไปพักผ่อนด้วยเงินของเขา แต่เขาเป็นคนมีหลักการ และคิดว่าการเรียกเงินคืนเหมาะสมที่สุด

ศาลท้องถิ่นในกรานโนด้า ไซบีเรียไม่โอเคกับคุณทนายจึงไม่รับคดีนี้ไว้พิจารณา แต่ทนายหนุ่มมุ่งมั่นที่จะเอาเงินคืนให้ได้ จึงยื่นอุทธรณ์ คู่กรณีทั้งสองจะต้องไปขึ้นศาลอีกครั้งในเดือนมิถุนานี้

“เธอพิสูจน์ไม่ได้ว่าเราคบหากันฉันท์ชู้สาว” ทนายหนุ่มบอก “ ผมไม่เคยพูดว่าผมซื้อของให้เธอ หรือพาเธอไปนั่งรถเล่นฟรีๆ มันผิดศีลธรรมหรือที่ผมจะฟ้องศาล ผมต้องเอาเงินให้ผู้หญิงทุกคนที่เดินอยู่ตามถนนหรือเปล่า”

ส่วนนีน่ากล่าวว่าประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอหมดความเชื่อถือในตัวผู้ชายไปเยอะ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ตำรวจโดนสวดเพราะจะจับเด็กสองขวบ

เด็กสองขวบถูกออกหมายจับเพราะงัดแงะเข้าไปขโมยของ



เมื่อปลายปีที่แล้ว มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งไปแจ้งความกับตำรวจว่ามีเด็กงัดแงะเข้าไปขโมยของในบ้านหลังหนึ่ง ตำรวจจึงเอาหมายจับไปที่บ้านของเด็กแล้วบอกกับพ่อของเด็กว่าเด็กถูกตั้งข้อหาว่าบุกรุกและขโมยของ

โชคดีที่ตอนนั้น เด็กไม่อยู่บ้าน

ต่อมาในวันนั้น พ่อของเด็กก็พาเด็กไปที่ศาลแขวงและอธิบายว่า “ลูกฉานเพิ่งจะสองขวบ จะไปขโมยของตามข้อกล่าวหาได้ยังไงกันจ๊ะนาย”

ตำรวจเห็นด้วยและเอาชื่อของเด็กออกจากบันทึกการแจ้งความ เพราะตำรวจจะตั้งข้อหาเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบไม่ได้

เรื่องของเรื่องก็คือชื่อของเด็กไปปรากฏอยู่ในหมายจับของตำรวจพร้อมกับผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้ใหญ่อีกสามคน โดยหนึ่งในนั้นเป็นญาติของเด็ก

ผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้ใหญ่อีกสามคนถูกจับในเวลาต่อมา พวกเขาถูกตั้งข้อหางัดแงะและขโมยของในยามวิกาล

แต่คดีนี้ทำให้ตำรวจอุตระประเทศถูกสวดยับนะครับนาย

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องตลกสไตล์ฝรั่ง 4

เรื่องตลกสไตล์ฝรั่งอีกแล้วครับท่าน



มาอีกแล้ว เรื่องตลกสไตล์ฝรั่ง ขำบ้างไม่ขำบ้างไม่ว่ากันเน้อ

นัดหมอฟัน
นักการเงินคนหนึ่ง เดินเข้าไปในคลินิกทำฟัน แล้วถามว่าถอนฟันซี่ละเท่าไหร่
หมอฟัน “ขึ้นอยู่กับว่าจะให้เราให้บริการขนาดไหน ถ้าคุณต้องการแบบเป็นส่วนตัว เราก็มีเซอร์วิสที่ดีที่สุด มีการตรวจรักษาแบบใหม่ล่าสุด เราจะมีหมอดมยามาจากโรงพยาบาลในเมือง แล้วมีผู้ช่วยหมอฟันที่สวยและชำนาญที่สุด รับประกันได้ว่าจะไม่เจ็บปวดและไม่มีเลือด”
นักการเงิน “ฟังดูดี เท่าไหร่ครับ”
หมอ “ซี่ละ 200”
นักการเงิน “นั่นมันขูดเลือดกันชัดๆ”
หมอ “เหรอ ถ้าแพง เราก็มีการรักษาแบบปกติ ผมจะให้คุณดมยาด้วยตัวของผมเอง จะไม่มีพยาบาล คุณจะเจ็บนิดหนึ่งและเลือดออกเล็กน้อย ค่าทำซี่ละ 20”
นักการเงิน “ก็ยังแพงอยู่ดี หมอไม่มีอะไรที่ถูกกว่านี้เหรอ”
หมอเริ่มโมโห “เอายังงี้ก็แล้วกัน ผมจะไปซื้อคีมจากร้านค้าวัสดุก่อสร้างแล้วมาถอนให้ ผมจะไม่ให้ดมยา และผมรับประกันว่ามันจะเจ็บปวดและมีเลือดไหลท่วม เหงือกของคุณจะระบมไปสามเดือน คุณจะพูดจาลำบากไปสองเดือนเป็นอย่างน้อย ผมจะถอนให้ในราคาซี่ละ 5 เหรียญ”
นักการเงิน “โอเค ตกลง วันอังคารหน้า ผมจองคิวหมอไว้ให้ภรรยาผมหน่อย”
หมอฟัน ???

ใครผลิตไวโอลินที่ดีที่สุด
ผู้ผลิตไวโอลินสามรายเปิดร้านอยู่บนถนนสายเดียวกันในเมืองเล็กๆในอิตาลี พวกเขาอยู่กันอย่างสงบมาอย่างนมนาม
แต่แล้ววันหนึ่ง ครอบครัวอามาติก็ตัดสินใจเอาป้ายมาติดไว้หน้าร้าน “เราผลิตไวโอลินที่ดีที่สุดในอิตาลี”
ไม่นาน ครอบครัวเกอร์นารีก็เอาป้ายมาติดบ้าง “เราผลิตไวโอลินที่ดีที่สุดในโลก”
ครอบครัวสตาดีวารีอัสอดรนทนไม่ไหว เอาป้ายมาติดบ้าง “เราผลิตไวโอลินที่ดีที่สุดบนถนนสายนี้”
ครอบครัวอามาติ และครอบครัวเกอร์นารี ????

ต่างกันที่วิธีคิดและวิธีปฏิบัติ
นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ และวิศวกรมาพักอยู่ในโรงแรม
คืนนั้น วิศวกรสะดุ้งตื่นเพราะได้กลิ่นควันไฟ เขาลุกออกไปเช็ค เห็นไฟไหม้ในห้องโถงและเห็นถังดับเพลิงอยู่ใกล้ๆ เขาดับไฟแล้วกลับไปนอน
ต่อมาในคืนนั้น นักฟิสิกส์ก็สะดุ้งตื่น เพราะได้กลิ่นควันไฟเช่นเดียวกัน เขาลุกออกไปเช็ค เห็นไฟไหม้ในห้องโถง หลังจากคำนวณแรงดันอากาศ อุณหภูมิของเปลวไฟ ความชื้น ตลอดจนระยะทางจากจุดที่ไฟไหม้และรัศมีที่มันจะลามออกมาแล้ว เขาก็เข้าไปดับไฟโดยใช้น้ำยาดับเพลิงน้อยที่สุด แล้วกลับไปนอน
สุดท้าย นักคณิตศาสตร์ก็สะดุ้งตื่น แล้วออกมาเห็นไฟไหม้ในห้องโถง เขาเห็นถังดับเพลิงแล้วคิด “มีทางแก้ปัญหาอยู่!” แล้วกลับไปนอน

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:นักข่าวถูกจับเพราะอึในสนามตอนไปทำข่าว

ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ท้องจะเสีย ใครก็ห้ามไม่ได้

รูปแทน

นักข่าวโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งทำเรื่องเหม็นๆ ก็เลยต้องชดใช้

โจ (นามสมมุติ) นักข่าวของโทรทัศน์ช่องหนึ่งเกิดปวดท้องขณะไปทำข่าวอดีตนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัยอาริโซน่า สเตท ยู ซึ่งบูชายันต์สุนัขของครอบครัวเพราะคลั่งศาสนา

“โจเลือกสนามหญ้าหน้าบ้านของบ้านที่เกิดเหตุเพื่อปลดทุกข์” โฆษกหญิงของสำนักงานตำรวจเมืองกู้ดเบียร์ อาริโซน่าแถลง “คนที่อยู่บนถนนฝั่งตรงกันข้ามเห็นจึงบอกตำรวจ ตำรวจจึงเข้าไปจับเขา เขาบอกว่าเขาอั้นไม่ไหว

ข่าวที่โจไปทำเป็นข่าวของแพ็ตตริค เซน ทอมป์สัน

โจรายงานว่าตำรวจจับแพ็ททริค เซน ทอมป์สัน อายุ 42 หลังจากทอมป์สันหงุดหงิดกับเสื้อเชิ้ตที่ลูกสาววัย 17 ใส่และเอามันมาเผาในเตาย่างบาร์บีคิวขนาดใหญ่ในบ้าน

โจรายงานต่อไปว่า “ก่อนที่จะเกิดเหตุในวันนั้น ทอมป์สันกล่าวว่าเขามีนิมิต เห็นว่าจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับครอบครัว แล้วเขาก็เชื่อว่าเสื้อเชิ้ตของบุตรสาวเป็นตัวแทนของปีศาจ

โจบรรยาย “เมื่อทอมป์สันกลับเข้าไปในบ้าน เขายิ่งฟุ้งซ่านกว่าเดิม เขาบอกกับเมียและลูกซึ่งยังเด็กทั้งสี่คนว่า เขาต้องบูชายันต์ผู้ชายหรืออะไรสักอย่างที่เป็นเพศชาย คนในครอบครัวเขาเล่าว่า ทอมป์สันประกาศว่าคนที่จะถูกบูชายันต์จะต้องเป็นเขา หรือลูกชายวัย 6 ขวบของเขาหรือสุนัขเพศผู้ที่พวกเขาเลี้ยงเอาไว้ สุนัขตัวนั้นเป็นสุนัขพันธ์พุดเดิ้ลตัวเล็ก สีขาว หนัก 15 ปอนด์

โจรายงานว่าหลังจากนั้นทอมป์สันก็หักคอสุนัขแล้วยัดมันใส่เตาบาร์บีคิว เมื่อตำรวจและพนักงานดับเพลิงไปถึง พวกเขาพบซากสุนัขอยู่ในเตา

แต่สิ่งที่โจไม่ได้รายงานก็คือเขาเองก็ถูกตำรวจจับเพราะอึในสนามหน้าบ้านของทอมป์สัน

สำนักข่าวอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์รายงานว่า

ตำรวจเมืองกู๊ดเยียร์ไม่ได้เปิดเผยรายงานการจับกุมให้สาธารณะชนรู้ แต่ตำรวจในโรงพักยืนยันว่าโจถูกจับเพราะอึจริง โฆษกของตำรวจเปิดเผยว่าการจับกุมเกิดขึ้นเมื่อเวลาบ่ายสามโมงในขณะที่สื่อมวลชนหลายแขนงกำลังอยู่รอบ “บ้านที่เกิดการบูชายันต์สุนัข”

นักข่าวสำนักอีกแห่งหนึ่งติดต่อไปยัง แดน ( นามสมมุติ)ผู้อำนวยการข่าวต้นสังกัดของโจเรื่องที่โจถูกจับ แต่แดนปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องที่เขาเรียกว่าเป็น “เรื่องส่วนตัว”ของโจ

นอกจากนั้น แดนก็ยังขอโทษที่สถานีของเขาไม่ได้เสนอข่าวของโจเพราะ “ตำรวจยังไม่ได้แถลงรายละเอียดอะไรออกมา  เราจึงต้องรอ เราเองก็กำลังรอรายละเอียดเหล่านั้น”

โจถูกตั้งข้อหาทำผิดกฎหมายมาตรา 10 – 1- 30 ของเมืองกู๊ดเยียร์ ซึ่งห้าม “ปัสสาวะหรืออุจจาระในที่สาธารณะ” โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกหกเดือนและปรับอีก 2500 ดอลลาร์

ทอมป์สันเจอหลายข้อหา รวมทั้งการทรมานสัตว์ ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่คุกคามครอบครัวและทำลายหลักฐาน

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:โรคภูมิแพ้คร่าชีวิตเด็กสาวหลังจากจูบกับแฟน

โรคภูมิแพ้คร่าชีวิตเด็กสาวเพราะจูบกับแฟนซึ่งกินแซนวิทเนยถั่ว

รูปแทน


เด็กสาวซึ่งแพ้ถั่วอย่างรุนแรงเสียชีวิตหลังจากจูบกับแฟนหนุ่มที่เพิ่งกินแซนวิทเนยถั่ว

มารดาของเด็กสาวอายุ 20 – ซึ่งเสียชีวิตจากอาการแพ้ถั่วหลังจากจูบกับแฟน -  ออกมาพูดถึงอันตรายจากการแพ้อาหาร

อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ มีเรียม ดูเกร เลอแมย์ไปงานปาร์ตี้กับแฟนหนุ่มในมอนทรีออล

“ชีวิตของเธอราบรื่นดีทุกอย่าง เธอบอกฉันว่าเธอกำลังมีความรัก มันเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นดวงตาของเธอเป็นประกายแบบนั้น” มิเชล ดูเกร แม่ของเลอแมย์ กล่าว

ความรักของเด็กสาวกับหนุ่มคนรักเพิ่งเริ่มต้น เธอจึงยังไม่มีจังหวะได้บอกเขาถึงโรคประจำตัวของเธอ – แม่ของเด็กสาวกล่าว

เมื่องานเลี้ยงปิดฉากลง หนุ่มสาวทั้งคู่ไปที่บ้านของฝ่ายชาย

ก่อนที่เธอกับชายหนุ่มจะจู๋จี๋กัน เขากินแซนวิทใส่เนยถั่วและแปรงฟัน

ทว่าหลังจากจูบกันไม่กี่นาที เด็กสาวก็เริ่มหายใจไม่ออก เธอถามแฟนหนุ่มว่าเขาไปกินถั่วมาหรือเปล่า

วันนี้เธอไม่มียา อีพิ-เพน (EpiPen เป็นยาแก้แพ้เฉียบพลัน) ที่ใช้รักษาอาการภูมิแพ้ในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้นอาการของเธอจึงทรุดลงอย่างรวดเร็ว

แฟนหนุ่มของเธอรีบโทรไปเรียกรถพยาบาล รถพยาบาลไปถึงที่เกิดเหตุในเวลาเพียง 8 นาที พวกเขาพยายามช่วยเธออย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ เธอเสียชีวิตเพราะหายใจไม่ออกจนทำให้สมองขาดออกซิเจน

รายงานจากการชันสูตรในปี 2014 ระบุว่าระบบหายใจของเธอล้มเหลว

“เธอใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา” แม่ของเธอกล่าว “ตามปกติ เธอจะพกยาไปด้วยทุกแห่ง ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นโรคอะไร”

เธอเตือนคนอื่นให้ใส่สายรัดข้อมือ หรือสร้อยคอที่ห้อยเหรียญสัญญาลักษณ์ว่าคนที่สวมใส่เป็นบุคคลที่มีโรคประจำตัวซึ่งอาจต้องการการรักษาที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที(Medic Alert) เหรียญที่ว่าจะมีสัญญาลักษณ์เป็นรูปงูพันอยู่บนดาวหกแฉก หรือบางครั้งอาจจะไม่ใช่เหรียญแต่เป็นยูเอสบี (เอาไว้ให้หมอเสียบกับคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านประวัติของผู้สวมใส่ แต่บางโรงพยาบาลไม่ยอมใช้เพราะกลัวไวรัส) ซึ่งจะบอกประวัติของเจ้าของ

นอกจากเหรียญสัญญาลักษณ์ ผู้ป่วยก็ควรพกยาอีพิ-เพน ติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา ถ้าวันนั้น ลูกสาวของเธอมีอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้ มันคงจะช่วยชีวิตของลูกสาวของเธอได้

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่
  


วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ศาลตัดสินว่าค่าเลี้ยงดูบุตรจะเป็นพิซซ่าก็ได้

ศาลอิตาลีตัดสินว่าค่าเลี้ยงดูบุตรไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน


รูปแทน


นิโคล่า โตโซ เชฟในเมืองปาดัว อิตาลี หย่ากับภรรยา นิโคเลตต้า ซูอินในปี 2002 ตอนหย่ากัน โตโซสัญญาว่าจะจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 335 ยูโร

ต่อมาอีกหกปี ธุรกิจของโตโซประสบมรสุมทางการเงิน เขาจึงขอจ่ายค่าเลี้ยงบุตร - เขากับภรรยาเก่ามีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน – เป็นพิซซ่า (หมายรวมถึงคาโซเน่ – พิซซ่าทรงรักบี้ - และอาหารอื่นๆในเมนู)

จากปี 2008 ถึง 2010 โตโซจัดหาอาหารให้ซูอินจากร้านของเขาแทนเงินตามข้อตกลงในการหย่าร้าง

ซูอินไม่พอใจการจ่ายค่าเลี้ยงดูแบบเบี้ยหัวแตกเช่นนี้ จึงเอาอดีตสามีขึ้นศาล กล่าวหาว่าเขาไม่สามารถจ่ายค่าเลี้ยงดู

“แทนที่จะเป็นเงิน จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงดูเป็นพิซซ่า ที่มูลค่าเท่ากับค่าเลี้ยงดู จากร้านของเขา แต่ข้อเสนอของเขาถูกเห็นว่าถูกปฏิเสธเพราะเห็นเป็นเศษสตางค์” ผู้พิพากษาบีโตสซี่อ่านคำฟ้อง

ทนายของโตโซแย้งว่าตอนที่อิตาลีมีวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008 โตโซตกที่นั่งลำบาก (สถานการณ์บังคับเขาให้ต้องปิดร้านในปี 2010 เขาไม่มีเงินจ่ายค่าวัตถุดิบและไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนลูกน้อง) แต่เขาก็ยังทำสิ่งที่ต้องทำด้วยดี โดยจ่ายค่าเลี้ยงดูเป็นอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในสถานการณ์นี้

ผู้พิพากษาเห็นด้วยกับทนายจำเลย จึงตัดสินว่าจำเลยไม่ได้ทำผิด

ในข่าว บุตรสาวของโตโซย้ายไปอยู่กับพ่อของเธอในปี 2010 หลังจากคดีนี้ปิดไปแล้ว ก็หวังว่าพวกเขาจะทำพิซซ่าด้วยกันอย่างมีความสุข (ข่าวนี้เพิ่งลงเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา)

ภาพจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เจ้าชายกบบาดเจ็บ ถุูกนำขึ้นเครื่องบินไปส่งโรงพยาบาล

กบออสเตรเลียถึงคราวซวย ถูกใบพัดเครื่องตัดหญ้าเจี๊ยน

กบกรีน ทรี (รูปแทน)


กบออสเตรเลีย ซึ่งถูกใบพัดของเครื่องตัดหญ้าบาด ถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินไปส่งโรงพยาบาล

อ่านข่าวนี้แล้วอย่าเพิ่งอ้าปากค้างเพราะอึ้งนะครับ

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (วันที่ 8) เมื่อนางมีน ทิมส์บังเอิญไถเครื่องตัดหญ้าไปบนกบกรีน ทรี ตัวหนึ่งที่หน้าบ้านของเธอที่เมาท์ ไอซ่า ในประเทศกรีนแลนด์

ฟิลิเซีย มอร์แกน หลานของนางมีนบอกนักข่าวว่า “คุณป้าของฉันเศร้าใจมาก เธอถามฉันว่าฉันจะสวดมนต์ให้กับกบได้มั้ย” นอกจากนั้นฟิลิเซียยังเสริมว่า “มีบาดแผลจากใบพัดบนหัวของกบ”

มอร์แกนติดต่อไปยังโรงพยาบาลกบในแคนส์ ซึ่งอยู่ไกลออกไปเกือบ 500 ไมล์ ตามข่าว มีสายการบินสายหนึ่งเสนอที่จะพาเจ้ากบน้อยขึ้นเครื่องไปที่นั่น

“มันเป็นการประสานงานกันที่ไม่น่าเชื่อที่จะนำกบมาหาเรา แต่ในที่สุดกบก็มาถึงสนามบินแคนส์ ซึ่งมีคนของเราไปรอรับอยู่” เดโบราห์ เปอโกลอตติ ประธานของฟร็อค เซฟ บอกกับผู้สื่อข่าว

เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลช่วยถ่ายพยาธิให้ตัวกบ และเห็นว่ากบมีบาดแผลที่ตาข้างหนึ่งเล็กน้อย
ในที่สุด เจ้าชายกบก็ได้กลับมาที่เมาท์ ไอซ่า นางทีมเอาเจ้าชายไปไว้ในอ่างเลี้ยงปลาและเริ่มให้อาหารไดเอทชนิดพิเศษกับเขา

“เขาเป็นกบที่โชคดีเหลือเกินที่รอดจากการถูกใบพัดของเครื่องตัดหญ้าหั่นเป็นชิ้นๆ เราดูแลเขาเป็นอย่างดีและเขาก็ฟื้นตัวได้ดีมาก” เปอโกลอตติกล่าว

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้ที่นี่ทุกวัน




วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ข่าวร้ายสำหรับชาวนู๊ดเมืองกระทิงดุ

ข่าวร้ายสำหรับผู้ที่นิยมการเปลือยกาย

รูปแทน 


เมืองคาดีซอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ และมีชายหาดแห่งหนึ่งที่เป็นที่นิยมมากของนักท่องเที่ยว

ชาวนู๊ดต้องการให้ทางการอนุญาตให้เข้าไปใช้ชายหาดแห่งนี้เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ทางการไม่อนุญาต
สมาพันธุ์ชาวนู๊ดแดนกระทิงดุจึงฟ้องรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งออกกฎห้ามชาวนู๊ดไม่ให้เข้าไปใช้ชายหาดของเมืองท่าในอดีตแห่งนี้

หลังจากต่อสู้ยืดเยื้อกันมาเจ็ดปี ในที่สุด สมาพันธุ์แพ้ เพราะศาลฎีกาตัดสินใจไม่รับคำอุทธรณ์ของพวกเขา

สมาพันธุ์แย้งว่า การเปลือยการเป็นสิทธิ์พื้นฐานของอิสรภาพทางความคิดซึ่งได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายรัฐธรรมนูญของสเปน

แต่ศาลไม่เห็นด้วย - ในการตัดสินเมื่อวันศุกร์ ศาลกล่าวว่าองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของเมืองคาดิซมีอำนาจที่จะ “บริหารการให้บริการ อุปกรณ์ ปัจจัยพื้นฐาน เครื่องอำนวยความสะดวกและพื้นที่สาธารณะอย่างเหมาะสม” และสมาพันธุ์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า “ณ เวลานี้ การเปลือยกายเป็นสิ่งที่คนหมู่มากที่ไปเที่ยวที่ชายหาดยอมรับ”

คำตัดสินของศาลจะใช้บังคับกับชายหาดที่อยู่ในเขตเมืองโบราณเท่านั้น ชาวนู๊ดยังได้รับอนุญาตให้ใช้ชายหาดที่อยู่นอกเขตเมืองได้

สมาพันธุ์แย้งว่าสภาเมืองพยายามดึง “ความก้าวหน้าทางสังคม” ให้ถอยหลัง เพราะในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา คนที่เปลือยกายในชายหาดก็จะถูกจับและปรับตามกฎหมายอยู่แล้ว โดยค่าปรับก็สูงถึง 750 ยูโรเลยทีเดียว

คาดิซกลายเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดเมืองหนึ่งของสเปน และเป็นเมืองท่าที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเมื่อมันผูกขาดการค้ากับโลกใหม่หลังจากคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสค้นพบอเมริกา เงินและทองจากอาณาจักรสเปนต้องผ่านมาทางท่าเรือคาดิซ เปลี่ยนเมืองนี้ให้กลายเป็นอัญมณีทางสถาปัตยกรรมที่นักท่องเที่ยวแห่แหนไปชมกันในวันนี้

นอกจากนั้น ในยุค 50 สเปนก็ยังได้ชื่อว่ามีชายหาดสำหรับคนที่ชอบใช้ชีวิตสบายๆหลังจากนายกเทศมนตรีของเมืองเบนีดอร์มขอร้องให้ประธานาธิบดีฟานซิสโก้ ฟรังโก้ห้ามตำรวจไม่ให้ไปก่อความรำคาญและจับ/ปรับผู้หญิงที่ใส่บีกีนี่บนชายหาด

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:คุณแม่ลูกสองไปเสริมก้น ตายคาเข็มในไมอามี่

คุณแม่ลูกสองเสียชีวิตหลังจากไปเสริมสะโพกที่คลีนิกในไมอามี่

รูปแทน


ฮีเธอร์ มิดโดว์ เดินทางจากบ้านในเวสท์ เวอร์จิเนียไปไมอามี่ โดยหวังว่าเมื่อกลับมา เธอจะมีอะไรบางอย่างไม่เหมือนเดิม ใช่...ไม่เหมือนเดิม ตรงที่เธอได้นอนมาแบบไม่มีลมหายใจ

จุดประสงค์ที่เธอเดินทางไปไมอามี่ซึ่งไม่ได้อยู่ใกล้ๆบ้าน ไม่ใช่ไปพักผ่อน แต่เพื่อไปเสริมสะโพก  หรือที่เรียกกันว่า “บราซิเลี่ยน บัดด์ ลิฟท์” ที่กำลังฮิต (Brazilian butt lift  บลาซิเลี่ยน บัทท์ ลิฟท์เป็นการดูดไขมันที่ไม่พึงปรารถนาในร่างกาย เช่นไขมันที่หน้าท้อง เอาไปฉีดตรงสะโพกให้อวบอึ๋มขึ้น อย่างไรก็ดี ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมถึงได้นำคำว่าบลาซิเลี่ยนมาใช้กับการเสริมอึ๋มสะโพกเช่นนี้ - ดูวิธีเสริมได้ในยูทูป)

แต่คุณแม่ลูกสองรายนี้ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มิดโดว์เข้าใช้บริการในคลินิก “เสริมตูด”  (นามสมมุติ)ในเมืองไฮอาลิอาห์ ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองไมอามี่ เดด แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นที่คลินิก เธอถุูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน แต่สายไปแล้ว อวัยวะภายในของเธอล้มเหลวหลังจากมีไขมันเข้าไปอุดตันในเส้นเลือด คุณแม่วัย 29 คนนี้จึงเสียชีวิต

“หลักฐานชี้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากอุบัติเหตุในการรักษา” ตำรวจเปิดเผย

ข้อมูลจากสมาคมศัลยแพทย์เสริมความงามอเมริกัน – ซึ่งเป็นสมาคมศัลยแพทย์พลาสติกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ – แสดงให้เห็นว่าการเสริมสะโพกอย่างที่ฮีเธอร์ มิดโดว์กำลังไปทำกำลังเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ โดย ในปี 2015 มีคนไข้ที่ไปทำบราซิเลี่ยน บัทท์ ลิฟท์ จำนวน 14,705 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2014 28% ถึงแม้ในตอนนี้ การผ่าตัดเสริมทรวงอกจะเป็นที่นิยมกันมากที่สุด ( ในปี 2015 มีคนไข้ไปผ่าตัดเสริมทรวงอกมากกว่าสองแสนห้าหมื่นคน)  แต่จำนวนของคนไข้ที่มาเสริมสะโพกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเพิ่มเร็วกว่าการผ่าตัดเสริมทรวงอก ดึงหน้าท้องและดูดไขมันเสียอีก

การทำบราซิเลี่ยน บัทท ลิฟท์มีมาประมาณยี่สิบปีแล้ว (เลโอนาร์ด ศัลยแพทย์เสริมความงามอ้างว่าเขาถ่ายหนังตอนทำบราซิเลี่ยน ลิฟท์ ให้คนไข้รายหนึ่งในปี 1996) แต่เพิ่งจะมาฮิต

ช่วงแรกของยุค 2000 แอนโทนี่ กริฟฟิน ศัลยแพทย์เสริมความงามและดารานักแสดงทำให้บราซิเลี่ยน บัทท์ ลิฟท์ได้รับความนิยมเป็นอันมากเมื่อเขากล่าวว่ามันคงเป็นของขวัญที่ดีสำหรับวันปีใหม่ของปี 2005

การทำบราซิเลี่ยน บัทท์ ลิฟท์ ประกอบด้วยการดูดไขมันจากหน้าท้องหรือต้นขา จากนั้นเอาไขมันไปล้าง (ดุในยูทูปแล้วง๊ายง่าย )แล้วเอาไปฉีดใส่สะโพก “คุณต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสะโพก เป็นนักปั้น” กริฟฟินบอกกับผู้สื่อข่าวในปี 2004 “คุณจะเอาไขมันใส่กลับเข้าไปเฉยๆไม่ได้ คุณต้องมีจินตนาการ” กริฟฟินเขียนในเว็บไซค์ว่า เป้าหมายก็คือการเสกสรรสะโพกที่สามารถบรรยายได้ว่าเป็นสะโพกที่กลม มล สุดเสียงสังข์

หมอเห็นว่าการทำบราซิเลี่ยน บัทท์ ลิฟท์ (เพื่อเพิ่มความใหญ่ ความงอน ความกลม ฯลฯให้สะโพก)ปลอดภัย

ในยุคแรกๆ มีการศึกษากับคนไข้ 500 คนว่ามีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่ แล้วก็พบว่าปัญหาส่วนใหญ่มาจากอาการผิวหนังอักเสบและอาการฟกช้ำ ซึ่งก็มีน้อยกว่าหนึ่งในสี่สิบเคส (การผ่าตัดเสริมความงาม – ก็เหมือนการผ่าตัดอื่นๆ – คือมีอัตราเสี่ยงว่าจะเกิดอาการเจ็บปวด เลือดไหลไม่หยุดและปัญหาอื่นๆ)

นั่นหมายความว่าข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดเสริมความงาม แบบบราซิเลี่ยน บัทท์ ลิฟท์ มีน้อยเกินไป จนทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งกังวลใจ

เอกสารทางวิชาการฉบับหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ในวารสารพลาติก แอนด์ รีคอนสตรัคตีฟ เซอร์เจอรี่ เอารายงานเกี่ยวกับการย้ายไขมัน ( จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งในร่างกายของคนไข้) เกือบหนึ่งพันฉบับมาศึกษา  ผู้เขียนเอารายงานเกือบพันฉบับดังกล่าวมาคัดกรองจนเหลือไม่กี่สิบฉบับ (ในจำนวนนี้เอาเฉพาะการศึกษาที่เป็นต้นฉบับเกี่ยวกับการใช้ไขมันของมนุษย์ในมนุษย์ หรือการทดลองกับสัตว์) แล้วพวกนักเขียนก็พบว่าไม่มี “ข้อมูลดีๆ” หรือ “เทคนิคในการย้ายไขมันที่ดีที่สุดที่หมอส่วนใหญ่เห็นด้วย”

ศัลยแพทย์จำนวนหนึ่งคิดว่า การไม่มีกฎเกณฑ์ที่ดียังดีกว่าการมีหมอที่มีคุณสมบัติต่ำกว่ามาตรฐานหรือมีหมอที่ไม่ใช่หมอเฉพาะทางทางด้านนี้ เพราะแม้แต่การฉีดสะโพก ถ้าทำไม่ดีก็อาจทำให้คนไข้เสียชีวิตได้ ตัวอย่างของเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแล้วในปี 2011เมื่อนักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษซึ่งฉีดซิลิโคนเสียชีวิตในโรงแรมในฟิลาเดลเฟีย

คลินิกในไมอามี่อาจเสนอค่าทำบราซิเลี่ยนที่ค่อนข้างถูกให้กับคนไข้  แต่ถึงแม้จะถูก ก็ใช่ว่าศัลยแพทย์ทุกคนจะทำออกมาได้ดี คุ้มค่ากับเงินจำนวนนั้น และนี่ก็ไม่ใช่การเสียชีวิตครั้งแรกที่เกิดจากการเสริมสะโพกในแถบไมอามี่ –เดด

แล้วการเสียชีวิตของมิดโดว์ก็ไม่ใช่โศกนาฏกรรมครั้งแรกที่แพทย์ – ซึ่งทำการเสริมสะโพกให้เธอ - เกี่ยวข้องกับคลินิก “เสริมตูด”นอกจากนั้น เมื่อปีที่แล้ว (2015) นีโอชา ฟาวเลอร์ ผุ้หญิงอีกคนก็ต้องนอนโคม่าอยู่เกือบเดือน เธอกล่าวหลังจากได้รับการเสริมสะโพกจากหมอคนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับคลีนิก “เสริมตูด” ว่า “ฉันกลายเป็นคนพิการอย่างถาวรไปแล้ว” เธอกล่าวว่าหมอฉีดไขมันลงไปทับเส้นประสาทตรงบั้นเอวของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ

หลังจากสื่อทำการขุดคุ้ยเรื่องนี้อย่างจริงจัง กระทรวงสาธารณสุขของฟลอริด้าจึงตั้งข้อหากับนายแพทย์ซึ่งทำงานกับคลินิก “เสริมตูด” ในไฮอาลิอาห์  และตั้งข้อหากับคลินิกอีกสองแห่งในไมอามี่ ว่าว่าจ้างคนที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลป์และประมาทเลินเล่อ

การสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของมิดโดว์ยังเดินหน้าต่อไป

ทั้งหมดนี่ไม่ได้หมายความว่าการทำบราซิเลี่ยน บัทท์ ลิฟท์ไม่ดี ถ้าจะทำก็ต้องเลือกและศึกษาให้ดีว่าจะทำที่ไหน ทำยังไงก่อน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:คู่รักมหากาฬขโมยเงินไปซื้อล็อตเตอรี่ ถูกรางวัลใหญ่แต่ถูกจับ

คู่รักมหากาฬขโมยเงินจากร้าน เอาไปซื้อล็อตเตอรี่แล้วถูกรางวัล ได้เงิน 1 ล้านเหรียญ



คนร้ายสองในสี่คน - ที่ถูกตั้งข้อหาว่าขโมยเงินมากกว่า 175000 ดอลลาร์จากร้านอั๊กเวย์ในโครสโสน่า - ถูกกล่าวว่าหาใช้เงินที่ขโมยไป ไปซื้อล็อตเตอรี่ซึ่งถูกรางวัล 1 ล้านดอลลาร์

ตามข่าว โจแอน เลคไลเนอร์และแฟน เคลลี่ ตีตุส ซื้อล็อตเตอรี่ห้าใบและถูกรางวัล ได้เงินมากกว่า 1,047,618 ดอลลาร์

แต่เงินที่พวกเขาเอาไปซื้อล็อตเตอรี่เป็นเงินที่พวกเขาขโมยมาระหว่างเดือนพฤษภาคม 2011 ถึงเดือนมีนาคม 2014

รายงานจากจับกุมระบุว่าทั้งคู่ร่วมมือกับอดีตพนักงานอีกสองคนคือซาแมนธา เชฟเฟอร์และ ไทเลอร์ แชปแปลล์ยักยอกเงินของร้านไปในช่วงเวลาดังกล่าว

ในช่วงที่กำลังยักยอกเงินของร้านเข้ากระเป๋าของตัวเอง โจแอนเอาเงินส่วนหนึ่งไปซื้อล็อตเตอรี่ แล้วในเดือนกันยายน  2011 เธอก็ถูกรางวัล ได้เงินมากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์

โจแอนเอาเงินรางวัลมาแบ่งให้กับคนอื่นๆโดยแต่ละคนได้เงินไป 264,904.5 3 (ข้อมูลจากกองสลาก)

โจแอนและตีตุสเอาเงินส่วนแบ่งไปซื้อรถเชฟวี่ ซิลเวอราโด นอกจากนั้นก็ยังวางแผนจะไปฮันนีมูนในแม็กซิโกและสร้างสระว่ายน้ำในสวนหลังบ้าน

โจแอนกล่าวว่าตีตุสเป็นคนเลือกเลขเด็ด

เรโนล์ด ยอร์ดี เจ้าของร้านบอกตำรวจว่าเขาซ่อนกล้องวงจรปิดเอาไว้ และเห็นคนกลุ่มนี้ขโมยเงินและซื้อล็อตเตอรี่ เขาบอกต่อไปว่าเงินที่ถูกขโมยไปนี้ทำให้เขาต้องไปกู้เงิน ไม่เช่นนั้นก็จะเปิดกิจการต่อไปไม่ได้

การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินและสเตทเมนท์จากจำเลยทำให้ตำรวจรู้ว่าจำเลยขโมยเงินไปเท่าใด

ตำรวจตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัยทั้งสี่คน คนละแปดข้อหา ทั้งสี่จะต้องไปขึ้นศาลในเดือนกรกฎาคมที่จะถึง

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่





วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ทำไมกางเกงยีนส์ถึงได้มีตาไก่เล็กๆติดอยู่ตรงกระเป๋า?

ตาไก่เล็กๆของกางเกงยีนส์มีประโยชน์มากนะ



วันอาทิตย์อ่านเรื่องเบาๆนะครับ

ทำไมกางเกงยีนส์ถึงได้มีตาไก่เล็กๆติดอยู่ตรงกระเป๋า? 

ความจริง ตาไก่เล็กๆนี่มีประโยชน์มากนะ

แทบจะทุกคนมีกางเกงยีนส์ แต่จะมีสักกี่คนรู้ว่าทำไมกางเกงยีนส์ถึงได้มีโลหะกลมๆ  ลักษณะเหมือนตาไก่ สามอันติดอยู่ตรงกระเป๋า

ตาไก่เล็กๆที่อยู่บนกางเกงยีนส์ของคุณถูกติดเอาไว้โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ

ดูเผินๆ มันเหมือนถูกติดเอาไว้เพื่อความสวยงาม แต่ไม่ใช่ เพราะเหตุผลสำคัญที่มันไปอยู่ตรงนั้นก็เพื่อไม่ให้กางเกงชำรุดหรือตะเข็บแตก

เมื่อดูว่ามันติดอยู่ตรงไหน มันมีเหตุผลใช่มั้ย แต่มันไม่ได้จบอยู่แค่นั้น

มีคนที่ใส่กางเกงยีนส์คนหนึ่งเล่าว่าตาไก่เหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของลีวาย โดยลีวายผู้ลูกเป็นคนจดลิขสิทธิ์ด้วยตัวเอง

ราชาแห่งยีนส์ผู้นี้ได้ไอเดียนี้มาจากการที่ได้ยินคนงานในเหมืองบ่นว่ากางเกงของพวกเขาพังเร็ว

แล้วทำไมจะไม่พังล่ะ ก็คนงานในเหมืองเอาทองใส่กระเป๋า ทองจึงทำให้กางเกงยีนส์ตัวโปรดของพวกเขาชำรุด หรือบางครั้งน้ำหนักของทองก็ทำให้ขอบกางเกงหลุดออกจากตัวกางเกง

คราวนี้ก็รู้แล้วนะทำไมถึงมีตาไก่ ก็ต้องขอบคุณคุณลีวายที่ทำให้กางเกงของคุณใช้งานได้นานจริงๆ (แต่สาเหตุหนึ่งที่มันทนก็เพราะเราไม่ได้นุ่งมันเพื่อไปขุดทองอีกแล้ว)

แล้วจะเอาเรื่องที่ว่าทำไมเราถึงไม่ควรซักกางเกงยีนส์มาให้อ่านนะครับ

ภาพประกอบจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้ทุกวันที่นี่





วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ไม่ใส่ยกทรงผิดกฎของโรงเรียน ???

อิสระชน ???




เด็กสาวคนหนึ่งฝ่าฝืนระเบียบการแต่งกายของโรงเรียน...หรือเปล่า?

วันก่อน (ประมาณปลายเดือนที่แล้ว)  แค็ทลีน จูวิค ซึ่งกำลังเรียนมัธยมปลายในโรงเรียน เฮลีน่า ไฮ สคูล ในมอนตานา ถูกผู้บริหารของโรงเรียนเรียกไปหา และสั่งว่าเธอต้องใส่บรามาโรงเรียน (วันนั้นเธอไม่ได้ใส่)

“ถ้าสวมเสื้อผ้ามิดชิดและไม่มีอะไรแพลมออกมา ผู้หญิงก็ไม่เห็นจะจำเป็นต้องใส่เสื้อชั้นในสักหน่อย” แค็ทลีนบอกกับนักข่าว

ครูสตีฟ ครูใหญ่ของโรงเรียน กล่าวว่ามีเด็กในโรงเรียนมาร้องเรียนว่าชุดที่แค็ทลีนใส่ทำให้เขาหรือเธออึดอัด แค็ทลีนก็เลยถูกขอให้เอาอะไรมาคลุมๆเอาไว้หรือไม่ก็ใส่ยกทรงเสีย

แค็ทลีนจึงเอารูปที่เธอใส่เสื้อในวันนั้นมาลงเฟสบุ๊ก – ซึ่งเป็นเสื้อยืดหลวมๆสีดำ มีสายคล้องบ่าข้างหนึ่ง รูดลงมาอยู่ที่ต้นแขน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าปกปิดร่างกายของเธออย่างเพียงพอแล้ว “คุณดูไม่ออกแน่ๆว่าฉันไม่ใส่บราถ้าไม่จ้องอย่างเอาจริงเอาจัง” เธอเขียนบรรยายรูป นอกจากนั้น แค็ทลีนยังเขียนต่อไปว่าเธอใช้เทปปิดปลายถันเอาไว้ มันจะได้ไม่ดันเสื้อ

ความคิดที่ต่างกันคนละขั้ว ทำให้นักเรียนในโรงเรียนประท้วงและทำเฟสบุ๊กเพจ “โน บรา โน โปรแพลม” “หยุดการเลือกปฏิบัติในโรงเรียน” และ ฯลฯ - การประท้วงเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันศุกร์

“การที่ครูบอกฉันว่ามันทำให้คนอึดอัดทำให้ฉันโมโห เพราะนี่เป็นร่างกายของฉัน” แค็ทลีนกล่าว “มันเป็นร่างกายตามธรรมชาติและฉันก็ไม่แน่ใจว่าทำไมมันถึงได้ทำให้ใครบางคนอึดอัด”

ถึงวันอังคาร การประท้วงก็ยังดำเนินต่อไป มีเด็กนักเรียนชายมาโรงเรียน โดยใส่บราทับไว้บนเสื้อเชิ้ต ผู้
ปกครองรายหนึ่งโทรไปแจ้งตำรวจ กล่าวหาเด็กผู้ชายบางคนว่าก่อ “ให้เกิดความแตกแยก” และ “ประพฤติตัวไม่เหมาะสม”

ในข่าว บรรดานักเรียนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีเด็กผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่ทำตัวไม่เหมาะสม ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนคนหนึ่งพูดกับผู้ปกครองคนนั้น โดยอธิบายว่าเหตุการณ์นี้ไม่จำเป็นต้องให้ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: ถ้าโกหกขอให้ฟ้าผ่าตาย – วัวฝูงนี้คงโกหกเอาไว้เยอะ

วัวทั้งฝูงถูกฟ้าผ่าตายในดาโกต้า 




เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวฮืออาว่ามีคนโดนฟ้าผ่าตายในฝรั่งเศส วันนี้ขอพาข้ามฟากมาที่สหรัฐ

ฟ้าผ่าเปรี้ยงเดียวทำให้วัวตายไป 21 ตัวในเซ้าท์ ดาโกต้า

ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ในสหรัฐ มีคนเสียชีวิตเพราะฟ้าผ่าไปแล้วห้าคน มีบางคนเสียชีวิตในขณะกำลังทำงานอยู่นอกบ้าน แล้วก็มีที่กำลังขี่ม้าหรือกำลังปิกนิกกับครอบครัว

ฟ้าผ่าทำให้วัวควายตายมากกว่าคนตาย แค่สัปดาห์ที่แล้วสัปดาห์เดียว วัว 21 ตัวในเซ้าท์ ดาโกต้าก็ทำผิดอย่างมหันต์ที่ไปรวมตัวกันอยู่รอบๆรั้วเหล็กในขณะที่พายุกำลังจะมา

เมื่อฟ้าผ่าลงมา วัวทั้ง 21 ตัวจึงเสียชีวิตทันที

หลังเกิดเหตุสำนักงานนายอำเภอเมืองมู๊ดดี้ เคาน์ตี้ได้เอารูปที่วัวนอนตายกันเป็นวงกลมมาลงในสื่อ พร้อมกับบรรยายไว้ว่า:

นี่เป็นการเตือนเพื่อกันลืมว่าฟ้าผ่าทำอะไรได้บ้าง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ในเมืองแม็คคุ๊ก เคาน์ตี้เมื่อวัว 21 ตัวไปออกันอยู่รอบๆรั้วเหล็ก แล้วเกิดฟ้าผ่าลงมาใส่รั้ว ทำให้วัวทั้งหมดตาย นับเป็นการสูญเสียที่มีมูลค่าประมาณ 45000 ดอลลาร์

เมื่ออากาศที่แปรปรวนเริ่มคืบคลานเข้ามา กรุณาจำเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ด้วย ถ้าคุณเห็นฟ้าผ่าและได้ยินเสียงฟ้าร้อง เพื่อความปลอดภัย คุณจะต้องไม่อยู่ในที่โล่ง ไม่อยู่ใกล้หนองน้ำ ใกล้ทะเลสาบ ในสนามกอล์ฟและอื่นๆ และโปรดเข้าใจด้วยว่าการไปอยู่ใต้ต้นไม้ก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน

ช้างม้าวัวควาย และสัตว์เลี้ยงในฟาร์มมักจะตายจากสภาพอากาศที่แปรปรวนเป็นประจำ นอกจากวัวฝูงนี้ ก็มีวัวอีกสิบกว่าตัวที่ถูกฟ้าผ่าในมิสซูรี่ และเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว พายุฟ้าคะนองก็คร่าชีวิตวัวไป 33 ตัวในฟาร์มแห่งหนึ่งในมิสซิสซิปปี้ แต่บางครั้ง สัตว์ก็โชคดี แต่คงไม่มีตัวไหนโชคดีเท่า ‘สปาร์กี้ เดอะ ไบซัน’ วัวไบซันซึ่งถูกฟ้าผ่ากลางหนอกในปี 2013 (น่าจะที่ไอโอวา) แล้วไม่ตาย แค่มีรอยแผลเป็นน่าเกลียดๆเท่านั้น

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pexels

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: ผัวซึ่งอัดคนร้ายที่หมายข่มขืนเมียจนตายได้รับการลดหย่อนข้อหา

ผัวอัดคนร้ายที่หมายข่มขืนเมียจนตาย



สามีที่แสนดีถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายหลังจากอัดคนที่คิดว่าจะข่มขืนภรรยาจนตาย

สามีที่แสนดีคนหนึ่ง ซึ่งถูกตำรวจจับด้วยข้อหาฆ่าคนที่คิดว่าจะข่มขืนภรรยา ถูกตั้งข้อหาใหม่ ให้เบาลงแล้ว – เหตุเกิดที่นิวยอร์คซิตี้

ในขณะที่คดีของมามาดู ไดอัลโล วัย 61ได้รับความสนใจจากคนที่ติดตามข่าวมากขึ้นๆ – ส่วนใหญ่มาจากคนที่เห็นเขาเป็นฮีโร่ – เขาก็ทราบข่าวว่าข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาของเขาในตอนแรก ถูกเปลี่ยนให้เบาลง เป็นข้อหาทำร้ายร่างกายจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต

แต่อัยการกล่าวว่าเขาอาจถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมถ้าการสืบสวนมีหลักฐานอันสมควร แต่แค่นี้คนที่เข้าข้างไดอัลโลก็ถือว่าการตั้งข้อหาใหม่เป็นชัยชนะแล้ว

“คนร้ายทำร้ายคนในครอบครัวของจำเลยอย่างรุนแรง” ทนายของไดอัลโลกล่าว ในศาลอาญาในบร็องซ์เมื่อวันอังคาร

หลังจากถูกตั้งข้อหาใหม่เป็นทำร้ายร่างกายฯและมีอาวุธไว้ในครอบครอง ศาลให้ประกันตัวเขาออกไป เขาต้องมาขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 27มิถุนายน

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าในวันที่เกิดเหตุการณ์ ภรรยาของไดอัลโลอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในบร็องซ์เมื่อชายคนหนึ่ง ซึ่งตำรวจระบุว่าชื่อเอิร์ล แนส อายุ 43 มาเคาะประตู

ภรรยาของไดอัลโลให้การว่าเมื่อเธอไปเปิดประตู แนสก็วิ่งเข้ามาแล้วเริ่มใช้กำลัง กระชากเสื้อผ้าของเธอ

ภรรยาของไดอัลโลดิ้นรน เอาตัวรอดจากผู้บุกรุกมาได้แล้วโทรไปหาไดอัลโล ขณะนั้น ไดอัลโลยังอยู่แถวบ้าน เขาจึงกลับเข้ามา แล้วสวนกับแนสในห้องโถงของอพาร์ตเมนต์

ไดอัลโลจึงอัดคนร้ายจนร่อแร่ก่อนถูกหามไปส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ไดอัลโลถูกตำรวจนิวยอร์คจับและถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่ภายหลังถูกตั้งข้อหาใหม่ ให้เบาลง

สมาชิกในครอบครัวของไดอัลโลออกมาพูดเพื่อปกป้องเขา อับดุล - ลูกชายของไดอัลโลกล่าวว่าพ่อของเขาทำในสิ่งที่สามีทุกคนจะต้องทำ

ผมคิดว่าสามีคนไหนๆก็คงทำแบบเดียวกับที่พ่อผมทำ” อับดุลกล่าว “คุณเห็นภรรยาของคุณถูกทำร้ายและล่วงละเมิดทางเพศ คุณก็คงเข้าไปอัดไอ้ผู้ชายคนนั้น คุณคงไม่นั่งอยู่เฉยๆและปล่อยให้มันหนีไป ดังนั้นจะให้ผมว่าพ่อผมผิดได้ยังไง”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: pixabay

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: ตดใครคิดว่าไม่สำคัญ

ตดใครคิดว่าไม่สำคัญ ตดเบาๆเท่านั้นก็ทำฉันสั่นไปถึงหัวใจ



เมื่อวานดูทีวี มีดาราสาวแถวหน้าท่านหนึ่งมาออกรายการ ดาราสาวท่านนั้นเล่าเรื่องต่างๆหลายเรื่อง ซึ่งก็มีเรื่องละครใหม่ที่เธอเล่นและกำลังจะฉายเร็วๆนี้ทางช่อง 3

มีตอนหนึ่งดาราท่านนี้พูดว่า สำหรับคนที่ไม่ชอบเธอ เธอตดก็ยังผิดเลย (ต้องขอโทษที่จำเรื่องที่เธอพูดไม่ได้หมด)

วันนี้ก็เลยเอาเรื่องตดๆมาเล่าสู่กันฟัง

การแข่งตด
ในสมัยญี่ปุ่นโบราณ คนในหมู่บ้านจะจัดงานแข่งตดเพื่อหาคนที่ตดดังที่สุด คนที่ชนะมักจะได้รางวัลและความนับถืออย่างสูงจากคนในหมู่บ้าน

การอั้นตด
การอั้นตดไม่ดีต่อสุขภาพเพราะมันอาจจะทำให้เป็นริดสีดวงหรือลำไส้บวม นอกจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์แล้วว่าตดที่คุณอั้นไว้จะหายไปในขณะที่คุณหลับ

ตดในเครื่องบิน
การตดในเครื่องบินถือเป็นการไม่สุภาพและรบกวนคนอื่น ไม่ใช่เพราะมันเหม็นอย่างเดียว แต่เพราะในเครื่องบินต้องปรับแรงดัน ดังนั้นเมื่อคุณตด กลิ่นก็จะหมุนเวียนไปทั่วทั้งลำ

ไฮโดรเจน ซันไฟด์ (แก๊สไข่เน่า)
กลิ่นของไฮโดรเจนซันไฟด์ ที่อยู่ในตดในปริมาณน้อยนิด สามารถลดอัตราเสี่ยงของการเป็นมะเร็ง ป้องกันหัวใจวาย รักษาโรคอัลไซเมอร์ ฯลฯ ดังนั้นการดมตดของตัวเองก็ไม่เลวเสมอไป (หมายเหตุ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะนักวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าแก็สไฮโดรเจนซันไฟด์ในปริมาณเล็กน้อยดีต่อร่างกายจริง แต่มันจะดีต่อร่างกายก็ต่อเมื่อมันเป็นแก็สที่ผลิตขึ้นภายในเซลล์ ไม่ได้มาจากภายนอกร่างกาย เช่น จากตด)

ตดในน้ำ
ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินอาหารยืนยันมานานแล้วว่ามนุษย์ไม่สามารถตดใต้น้ำในระดับความลึกต่ำกว่าสามสิบฟุต แต่นักดำน้ำจำนวนมากอ้างว่าผู้เชี่ยวชาญผิดมากแล้วหลายต่อหลายครั้ง

คนเผ่ายาโนมามิ
ชาวยาโนมามิ ชนเผ่าในอเมริกาใต้ ใช้ตดเพื่อทักทายคนอื่น มันเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพถ้าไม่ตดตอบกลับไป

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: Wikimedia commons

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่