วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:‘ตดล้างแค้น’


‘ตดล้างแค้น’เพราะไม่ได้แอ้มสาว





หนุ่มไวกิ้งถูกแจ้งความข้อหา “ผายลม” หลังจากฝ่ายหญิงไม่ยอมให้จู๋จี๋

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสวีเดนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์ในสวีเดนรายงานว่าผู้เสียหายมาแจ้งความเพราะกลิ่นที่ ‘เหม็นตลบอบอวล’ ทำให้เธอ “จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”

หนุ่มไวกิ้งผู้ก่อเหตุถูกแจ้งความว่า “ตดล้างแค้น” เพราะฝ่ายหญิงไม่อยากจู๋จี๋กับเขา

ผู้เสียหาย ซึ่งต้องทนกับกลิ่นตด ให้การว่าเขามาหาเธอที่บ้านเพื่อจะมาจู๋จี๋กับเธอ แต่เมื่อเธอไม่ยินยอม เขาก็ปล่อยแก๊สออกมาแล้วเดินลอยหน้าลอยตากลับไป

ผู้เสียหายมาแจ้งความกับตำรวจเมื่อวันอาทิตย์ โดยอ้างว่ากลิ่น “รบกวนสมาธิของเธอ”

ข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้หนุ่มสาวทั้งสอง (ขอสงวนนาม) ตกลงว่าจะจู๋จี๋กัน แต่เมื่อเขามาหาเธอที่บ้านในเมืองฮัลลัน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสวีเดน เธอกลับบอกว่าเธอไม่มีอารมณ์

ผู้เสียหาย ซึ่งยังไม่เคยมีอะไรกับหนุ่มนักรักคนนี้ กล่าวว่าเมื่อเธอปฏิเสธ เขาก็อารมณ์เสียและผายลมออกมาดังๆก่อนที่จะกลับไป

เธอให้การกับตำรวจว่า “มันเหม็นไปทั้งห้องฉัน”

ตำรวจกล่าวว่า ตามหน้าที่ พวกเขาต้องรับแจ้งความไม่ว่าจะเป็นคดีใดๆ แต่กับเรื่องนี้ พวกเขาคงจะไม่ทำอะไรต่อ

ขอบคุณภาพจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:อิก โนเบล 2015 ยอมเจ็บเพื่อวิทยาศาสตร์

อิก โนเบล 2015 ให้ผึ้งต่อยช้างน้อย



นักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยคอนเนลล์ ในอีทากา นิวยอร์ก ให้ผึ้งต่อยช้างน้อยและเนื้อตัวส่วนอื่นๆอีก 24 แห่งได้รางวัลอิก โนเบล (แต่ได้แค่รางวัลร่วม)

ไมเคิล แอล สมิทได้รับรางวัลอิก โนเบลสาขาวิทยาศาสตร์เนื่องจากทำงานวิจัยที่ค่อนข้างจะเจ็บตัว
เพื่อความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ –ไมเคิลใช้ร่างกายของเขาในการทดลองที่เจ็บปวดเพื่อศึกษาฤทธิ์เดชของเหล็กไนผึ้ง

ในการทดลอง ไมเคิลจับผึ้งมาวางไว้บนตัว มันจบลงด้วยการที่เขาถูกผึ้งต่อยช้างน้อยและอวัยวะอื่นๆอีก 24 แห่ง

การอุทิศตัวเช่นนี้ทำให้ไมเคิลได้รับรางวัลอิก โนเบลสาขาสรีรศาสตร์และการศึกษาเกี่ยวกับแมลง

รางวัลอิก โนเบลเป็นรางวัลที่มอบให้กับความสำเร็จซึ่ง ๑ – ทำให้คนหัวเราะ (ซึ่งสำคัญเป็นอันดับแรก )และ ๒ - ทำให้คนใช้ความคิด

งานนี้จัดขึ้นทุกปี โดย มาร์ค อับราฮัม บรรณาธิการของแม็กกาซีน เดอะ อันนาลส์ ออฟ อิมโปรเบเบิล รีเสิร์ซ (แม็กกาซีนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน) โดยมีจุดหมายเพื่อความบันเทิงและส่งเสริมให้มีการค้นคว้าวิจัยและประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ

แต่ถึงแม้ไมเคิล จะเอาผึ้งมาต่อยบนร่างกาย 25 จุดแบบซ้ำไปซ้ำมา เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความเจ็บปวด เขาก็ได้แค่ตำแหน่งผู้ชนะร่วมๆกับนักวิจัยอีกคนหนึ่ง

ไมเคิลอธิบายถึงการทดลองของเขาว่า “ถ้าคุณถูกบังคับให้เลือกว่าจะถูกต่อยที่จมูกหรือช้างน้อย คุณจะเลือกให้มันต่อยที่ช้างน้อยมากกว่า”

“โดนต่อยตรงนั้น มันชิลๆ ไม่เหมือนถูกไฟช็อต ไม่จี๊ดจ๊าด แต่โดนต่อยจมูก มันจะปรี๊ดไปทั้งตัว ร่างกายของคุณมีตอบสนองกับความเจ็บปวด คุณจะจาม จะหายใจแรง จะน้ำมูกไหล มันเหมือนมีกระแสไฟเต้น ตุ๊บๆอยู่ในตัว”

แต่บางทีสิ่งที่น่าเจ็บปวดกว่าโดนผึ้งต่อยอาจจะเป็นการที่เขาได้รางวัลร่วมกับจัสติน ชมิดท์ ซึ่งประดิษฐ์ตัววัดความเจ็บปวดเมื่อ(คน)ถูกแมลงต่อย

เมื่อก่อน ไมเคิลเคยศึกษาการเลี้ยงผึ้งในมหาวิทยาลัยแอ็ตแลนติก คอลเลจ ใกล้กับคาร์ดิฟฟ์ ในการทดลองครั้งนี้เขาเอาผึ้งเป็นๆมาวางไว้บนตัว รวมทั้งหมด 25 จุด จากนั้นก็ให้คะแนนความเจ็บปวดเมื่อถูกต่อยโดยให้คะแนนจากศูนย์ถึงสิบ

อาการเจ็บปวดบนหัว ปลายนิ้วกลางและต้นแขนถูกจัดว่าเจ็บปวดน้อยสุด ส่วนที่จมูก ริมฝีปากบนและงวงช้างเจ็บปวดมากสุด

แน่นอนที่สุด ยังมีรางวัลอื่นๆสำหรับการค้นพบที่ไม่ธรรมดาอีกหลายรางวัล ทีมที่น่ากล่าวถึงก็คือ:

ทีมที่ทดลองเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแล้วพบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแทบจะทุกชนิด ไม่ว่าจะตัวเล็กตัวใหญ่แค่ไหน จะใช้เวลาในการฉี่ 21 วินาที

ทีมที่แสดงว่ามันเป็นไปได้ที่จะต้มไข่ให้สุกครึ่งเดียว (ไข่ยางมะตูม)โดยใช้สารเคมี

ทีมที่ใช้หลักการทางคณิตศาสตร์คำนวณว่าจักรพรรดิ์ในแอฟริกาเหนือคนหนึ่งในศตวรรษที่ 17 มีลูก 888 คนได้ยังไงภายในเวลา 30 ปี

ส่วนทีมอื่นๆที่ได้รางวัลก็มี ทีมที่เอาไม้ถ่วงน้ำหนักมาติดไว้ที่ตูดไก่เพื่อแสดงให้เห็นว่าไดโนเสาร์น่าจะเดินท่าไหนและยังไง

และทีมที่แสดงให้เห็นว่าเราสามารถวินิจฉัยว่าใครสักคนมีอาการไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลันได้ด้วยการวัดความเจ็บปวดของเขาคนนั้นเมื่อเขาคนนั้นขับรถไปบนลูกระนาดบนถนน

มาร์ค อับราฮัม บรรณาธิการของแม็กกาซีน เดอะ อันนาลส์ กล่าวเปิดงานด้วยประโยคเด็ดว่า “ไม่ว่าคืนนี้คุณจะได้รางวัลหรือไม่ได้รางวัล ผมก็ขอให้โชคดี (ไม่เจ็บตัว) กว่านี้ในปีหน้า”

ภาพจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ถ่ายเซลฟี่กับปืน...โป้ง ดับอนาถ

ถ่ายเซลฟี่กับปืน





มันไม่ใช่รูปใบแรกที่ชายชาววอชิงตันถ่ายพร้อมกับปืน แต่เป็นใบสุดท้าย

สำนักข่าวในเมืองเช็กอิท วัลเล่ย์รายงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่าชายคนหนึ่ง (ขอสงวนนาม) สาดกระสุนใส่หน้าตัวเองจนเสียชีวิตขณะถ่ายเซลฟี่กับปืนที่เขาคิดว่าไม่มีกระสุน

สาวคนสนิทของชายคนดังกล่าว ซึ่งอยู่กับเขาในขณะเกิดเหตุ ให้การกับตำรวจว่าวันนั้น เขากับเธอถ่ายเซลฟี่กับปืนกันทั้งวัน เขาจะเอากระสุนออกจากปืนทุกครั้งที่จะถ่าย และจะบรรจุกระสุนเข้าไปใหม่เมื่อถ่ายเสร็จ

แต่ก่อนที่จะถ่ายรูปสุดท้าย ดูเหมือนจะมีกระสุนค้างอยู่ในปืนหนึ่งนัด

นายอำเภอ ชาด คล๊าก หัวหน้าสายตรวจของสำนักงานนายอำเภอเมืองเช็คอิทกล่าวว่าตำรวจคิดว่าเขาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ

ชายคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่พลาดพลั้งยิงตัวเองในขณะถ่ายเซลฟี่ อีกทั้งไม่ใช่คนแรกที่ถ่ายเซลฟี่กับปืน เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว เด็กหนุ่มวัย 19 จากเมืองฮุสตันก็เสียชีวิตขณะถ่ายเซลฟี่กับปืน เขาก็เช่นกัน คิดว่าปืนไม่มีลูกตอนเอามันมาจ่อขมับ

เมื่อปีที่แล้ว มีคนเสียชีวิต ‘สืบเนื่องจากการถ่ายเซลฟี่’ ไป 27 คนเป็นอย่างน้อย

ประเทศที่เสียชีวิตมากที่สุดคืออินเดีย เพราะในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้ง 27 ราย เป็นชาวอินเดียเสียครึ่งหนึ่ง เพื่อรับมือกับภัยอันตรายที่มีต่อชีวิตของประชาชนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลอินเดียจึงออกกฎบางอย่างเกี่ยวกับการถ่ายเซลฟี่

โดยรัฐบาลกำหนด ‘เขตปลอดเซลฟี่’ เอาไว้ในสถานที่ต่างๆเช่น รอบๆสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันเพื่อประกอบพิธีสำคัญๆทางศาสนา (เฉพาะบางจุดซึ่งผู้จัดงานกลัวว่าจะเป็นจุดที่คนมายื้อแย่งกันถ่ายเซลฟี่จนเกิดเหยียบกันตาย) หรือบริเวณชายหาด ชะง่อนผาและจุดเสี่ยงอื่นๆที่เซลฟี่อาจทำให้เสียชีวิตได้

ในรัสเซีย ผู้หญิงคนหนึ่งเกือบเสียชีวิตหลังจากถ่ายเซลฟี่กับปืนที่เธอเก็บได้ กระทรวงมหาดไทยของรัสเซียถึงกับต้องพิมพ์แผ่นพับออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อสอนพฤติกรรมการถ่ายเซลฟี่อย่างปลอดภัย

‘การถ่ายเซลฟี่แบบที่คิดว่าเจ๋งอาจทำให้เสียชีวิต’ เป็นข้อความเตือนในแผ่นพับดังกล่าว

รูปจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกเป็นประจำได้ที่นี่

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:มือพิฆาตเครื่องคีบตุ๊กตา

มือพิฆาตเครื่องคีบตุ๊กตา - คีบตุ๊กตาได้ 3000 ตัวภายในหกเดือน ทำเอาเจ้าของห้างฯขวัญผวา



จอมยุทธท่านนี้คือจอมยุทธเชง ฉีตง จอมยุทธฉีตงเพิ่งค้นพบพรสวรรค์พิเศษที่ซ่อนอยู่ในตัวเมื่อปีที่แล้ว – พรสวรรค์ที่ว่าคือการคีบตุ๊กตาจากเครื่องในห้าง

เป็นจอมยุทธแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร แต่ช้าก่อน – จอมยุทธฉีตงคีบตุ๊กตาได้ 3000 ตัวในหกเดือน ทำให้เขาเป็น “มือพิฆาตเครื่องคีบตุ๊กตา” ของเจียนหูช็อปปิ้ง มอลล์ เคล็ดวิชาของจอมยุทธฉีตงเป็นที่หนึ่งในเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเฉี้ยน จนบรรดาเจ้าของเครื่องคีบตุ๊กตาทั้งหลายต้องเชิญไปกินข้าว และขอให้จอมยุทธฉีหยุดเล่นเครื่องของตน

“ผมคีบตุ๊กตาครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว วันนั้น เราเห็นเครื่องคีบตุ๊กตาเครื่องหนึ่งตั้งอยู่ตรงทางเข้าซูเปอร์ ผมจึงเล่นเพื่อฆ่าเวลา ไม่ได้คิดอะไรมาก” จอมยุทธฉีตงกล่าว แล้วว่าเขาสนุกแล้วเล่นทุกครั้งที่ไปห้าง ภายในเวลาไม่นาน เขาก็ช่ำชอง  – ขนาดมีคนมามุงดูตอนเขาเล่นนั่นแหละ

จากนั้นไม่นาน ทุกครั้งที่จอมยุทธฉีแสดงฝีมือ เขาจะกวาดตุ๊กตาในตู้จนเรียบ ตอนนั้นแหละที่เขารู้ว่าเขามีพรสวรรค์ ตอนนี้บ้านเขาเต็มไปด้วยตุ๊กตาที่เขาชนะมา – มากกว่า 3000 ตัว พวกมันกองอยู่บนเตียง บนโซฟา บนพื้น บนโต๊ะกินข้าว หรือแม้กระทั่งในครัว

เนื่องจากตอนนี้ เขามีตุ๊กตาทั่วๆไปจากเครื่องคีบตุ๊กตาทั้งหลายทุกตัวแล้ว จอมยุทธฉีตงจึงมักจะเลือกว่าจะเล่นตอนไหน “ตอนนี้ ผมไม่สนใจในตัวตุ๊กตา แต่สนใจวิธีที่จะคีบมันขึ้นมา ตรงนี้แหละสนุก” เขาบอก

“เทคนิค มันอยู่ที่การสังเกต ถ้าคุณดูออกว่าแขนและมือคีบสั่นมากน้อยแค่ไหน คุณก็จะรู้ว่ามันมีแรงคีบมากน้อยแค่ไหน ถ้าหัวคีบสั่นมาก คุณก็จะคีบไม่ได้”

จากการสังเกตเช่นนี้ เขาจึงตัดสินใจว่าจะเล่นหรือไม่เล่นแทนที่จะเสียเงินหรือเสียเวลาไปเยอะๆ “ผมจะขีดเส้นให้ตัวเอง ผมคิดว่าราคาของตุ๊กตาตัวหนึ่งจะอยู่ที่สิบหยวน ดังนั้นเวลาเล่น ผมจะไม่จ่ายเงินเกินห้าหยวน ถ้าผมคีบเอามาไม่ได้ ก็คือเลิก” จอมยุทธฉีตงสามารถคีบได้มากที่สุด 100 ตัวในการเล่นหนึ่งครั้ง

ไม่มีข้อถกเถียงเลยว่าจอมยุทธฉีตงเป็นมือพิฆาตเครื่องคีบตุ๊กตาในประเทศจีนและดูเหมือนจะยังไม่มีใครขยับเข้ามาใกล้กับความสำเร็จของเขา “ผมเคยเห็นเด็กมหา’ลัยคนหนึ่งเอารูปตุ๊กตาที่เขาคีบได้มาลงในเน็ตแล้วบอกว่า ‘เจ้าของเครื่องร้องไห้แทบตาย’” เขาบอก “พอเห็นผมก็หัวเราะแทบตาย ตุ๊กตาแค่นั้นยังไม่ถึงหนึ่งในสิบที่ผมคีบเอามาเก็บไว้เสียด้วยซ้ำ”

ภาพจากแฟ้ม

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:พระสงฆ์ถูกทำร้ายในโอเรกอน

พระสงฆ์ถูกทำร้าย



ชายชาวโอเรกอนจับหัวพระสงฆ์โขกกับรถพร้อมกับตะโกนเกี่ยวกับมุสลิม

เหตุเกิดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

พระในพุทธศาสนาถูกชายคนหนึ่งทำร้ายในรัฐโอเรกอนเพราะคิดว่าท่านเป็นมุสลิม

หลวงพ่อโกซัน แซมซั่น วัย 66 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าในขณะที่ท่านเดินทางไปเมือง ฮู้ด ริเวอร์เมื่อวันจันทร์ ท่านได้ยินเสียงตะโกนเรียก

“เมื่ออาตมาจอดรถ ก็มีคนวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนโหวกเหวก พออาตมาหันมาดู พวกเขาก็เตะประตูรถแล้วชกแก้มอาตมา เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขาจับหัวอาตมาโขกกับขอบประตูรถ” หลวงพ่อแซมซั่นกล่าว “อาตมาจำได้ว่าพวกเขาตะโกนเกี่ยวกับมุสลิม”

หลวงพ่อกล่าวว่าท่านพยายามเทศน์เพื่อแผ่เมตตา – ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล

“อาตมาไม่รู้หลักคำสอนของศาสนาอิสลามเท่าไหร่นัก แต่รู้ว่ามุสลิมเป็นพี่น้องของเรา และอาตมาจะสอนให้ทุกคนเข้าใจถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของพระศาสดาของทุกศาสนา” หลวงพ่อกล่าว

หลวงพ่อกล่าวว่าท่านสงสารชายคนนั้น

“ตอนนั้นอาตมาคิดว่า ‘ชายคนนี้น่าสงสาร’ เขาจะใช้ชีวิตอยู่ในความโกรธและความกลัวได้อย่างไร? เขาจะทำอะไรสักอย่างด้วยการทำร้ายคนอื่นอย่างนั้นหรือ”

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คนในเมืองฮู๊ด ริเวอร์จัดพิธีสวดแผ่เมตตาให้กับชายคนนั้น

สุดท้ายหลวงพ่อก็เทศน์ เราอยู่ในประเทศที่กำลังมองหาวิถีทางที่เหมาะสม แต่ก็มีคนบางคน บางพวกปลุกปั่นให้คนมีคนโกรธแค้นและรังเกียจคนอื่นเพื่อสร้างฐานอำนาจ พวกเขาไม่ได้มองว่าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนมนุษย์ เราต้องหาหนทางที่นุ่มนวลกว่านี้เพื่ออยู่กับคนที่มีความคิดแตกต่างและมองไปในอนาคต

ข่าวไม่ได้รายงานว่าหลวงพ่อมาจากประเทศไหน

พระสงค์

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: ผีถ้วยแก้ว

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่




สาววัยรุ่นถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะถูกผีเข้าหลังจากเล่นเกมผีถ้วยแก้ว

สาววัยรุ่นชาวเปรูอ้างว่าเธอถูกผีเข้าหลังจากเล่นผีถ้วยแก้ว โดยใช้แอพในมือถือ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วที่ประเทศเปรู

แพ็ททรีเซีย กีส์เป้ อยู่เมืองโชสิกา ในกรุงลิมาของเปรู เธอถูกผีเข้าหลังจากเล่นผีถ้วยแก้ว  - เวอร์ชั่นที่อยู่ในมือถือ

คลิปสั้นๆที่ถ่ายในโรงพยาบาล จะเห็นว่ากีส์เป้ชักกระตุกและตัวสั่นเทาพร้อมกับกรีดร้องหาแม่และตะโกนบอก “ผี” ให้”ปล่อยเธอ”

ในวันเกิดเหตุ วันนั้นเธอกลับถึงบ้านด้วยท่าทางของคนไม่สบาย เมื่อพ่อแม่ของเธอเห็นท่าทางเช่นนี้ก็ผิดสังเกต แล้วพวกเขาก็ต้องเรียกรถพยาบาลเพราะสุดท้ายเธอก็เริ่มชักและมีน้ำลายฟูมปาก

พ่อแม่ของเธอคิดว่าเธออาจจะกินอะไรผิดสำแดงหรือใช้ยาเสพติดซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ พวกเขาโทรไปหาเพื่อนๆของเธอ ถึงได้รู้เรื่องผีถ้วยแก้ว

เพื่อนๆของสาววัยรุ่นกล่าวว่าพวกเธอดาวน์โหลดแอพผีถ้วยแก้วมาเล่นเมื่อตอนสุดสัปดาห์เพื่อเล่นขำๆ แล้วยังแซวกันเรื่องที่จะติดต่อกับโลกของวิญญาณ

ในวีดีโอของโรงพยาบาล จะเห็นว่าพวกหมอและพยาบาลกำลังช่วยเด็กสาวจากอาการชักในขณะที่เธอตะโกนว่า “ปีศาจๆ” และต่อด้วย “ปล่อยฉัน ปล่อยฉัน”

ในวีดีโอช่วงหนึ่ง จะมีเสียงของเธอตะโกนว่า “เอาโทรศัพท์ฉันมา” และ “แม่คะ หมอพวกนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร พาหนูกลับบ้านเถอะ”

ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าพวกเขาแน่ใจว่าเธอถูก “ผีห่าซาตานเข้าสิง”

เพื่อนๆของเด็กสาวคนนี้กล่าวว่าลักษณะท่าทางของเธอเปลี่ยนไป และเมื่อเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เสียงของเธอก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเสียงของคนอื่น แล้วเธอก็ร้องหาแต่ปีศาจ

ทีมแพทย์ที่มาดูแลเธอยืนยันว่าสาวน้อยคนนี้เหมือนกับมีกำลังมหาศาลจนพวกเขาจัดการกับเธอลำบาก พวกเขากล่าวว่ากว่าจะควบคุมเธอได้ พวกเขาใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง

นางสาวกีส์เป้เลยถูกส่งไปอยู่แผนกจิตเวชเพื่อให้หมอดูอาการและพยายามหาสาเหตุของพฤติกรรมประหลาดๆของเธอ

ในภาพคือกระดานเล่นเกมผีถ้วยแก้ว (ฝรั่งเรียกเกมผีถ้วยแก้วว่าอุยจา Ouija ) ส่วนใหญ่จะไม่ใช้ถ้วย แต่จะใช้พอยท์เตอร์ ลักษณะเหมือนหัวลูกศร (ดูภาพ) จะดูคลิปข่าวนี้ เปิดยูทู๊ปแล้วพิมพ์ อุยจา

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราสามารถโหลดแอพผีถ้วยแก้วได้จากมือถือ... ความงมงายจงเจริญ

ภาพจาก Wikimedia Commons 

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: วิธีแก้การโกงการสอบแบบอินเดีย

เมื่อโกงกันมาก ก็ต้องเจอแบบนี้?



ในความพยายามที่จะป้องกันการทุจริตในการสอบแบบอัตนัย กองทัพของอินเดียในรัฐพิหารจึงขอให้ผู้สมัครกว่า 1000 คนนุ่งกางเกงในตัวเดียวและออกไปนั่งสอบกลางสนาม

การคัดเลือกผู้ที่มาสมัครเป็นทหารด้วยวิธีที่แปลกพิสดารเช่นนี้ ถูกตำหนิจากศาลสูงของรัฐ ซึ่งขอคำชี้แจงจากกระทรวงกลาโหมของอินเดียหลังจากมีทนายคนหนึ่งร้องเรียนกองทัพ

ภาพที่สื่อมวลชนอินเดียเอามาเผยแพร่แสดงให้เห็นบรรดาชายหนุ่มนั่งอยู่กลางสนาม โดยเอากระดาษคำถามและคำตอบวางไว้บนพื้นหรือเอาขาหนีบเอาไว้ พวกเขาพยายามทำข้อสอบ ท่ามกลางสายตาของผู้คุมสอบในเครื่องแบบที่สอดส่องดูแลอยู่

“การตัดสินใจให้ผู้สมัครเข้าสอบโดยไม่นุ่งกางเกง ใส่เสื้อหรือเสื้อสูทมันแปลก” ทนายดีนุ กุมารกล่าว “คนที่แสดงอาการกระด้างกระเดื่อง ไม่ยอมถอด จะถูกขอให้เกลับบ้าน มันป่าเถื่อนเกินไป”

แต่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการทำการสอบที่พิลึกกึกกือเช่นนี้ดูจะไม่เสียใจเลย

ผู้บัญชาการทหารเมืองมุซาฟฟาเปอร์กล่าวว่าเราขอให้ผู้เข้าสมัครมากกว่า 1000 รายถอดเสื้อผ้าและนั่งกลางสนามเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาซ่อนกระดาษคำตอบไว้ในเสื้อผ้าหรือใต้โต๊ะใต้เก้าอี้

“ผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อป้องกันการทุจริต ในปีก่อนๆ มีอยู่สองครั้งที่ผู้สมัครซ่อนกระดาษคำตอบและโทรศัพท์มือถือไว้ในเสื้อและในชุดชั้นใน “เราไม่ได้ป่าเถื่อน หรือหยาบคายกับใคร ไม่มีผู้สมัครคนไหนร้องเรียน แต่ทำไมคนนอกถึงได้ออกมาโวยวายเกี่ยวกับเรื่องนี้” ผู้บัญชาการกล่าว

เพื่อให้เป็นธรรมกับกองทัพ ต้องกล่าวว่ารัฐพิหารมีชื่อว่ามีการโกงสอบกันมาก เมื่อปีที่แล้ว คนที่อยากเป็นทหารมากกว่า 1000 คนยอมรับว่าจ่ายเงินจ้างคนอื่นให้เข้าสอบแทนตน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ขอขอบคุณภาพจาก: Pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: เฟซบุ๊กเป็นฮีโร่จับขโมย

เฟซบุ๊กช่วยจับขโมย?


"คงไม่มีอะไรทำให้ผมเสียใจได้มากไปกว่านี้แล้ว" หนุ่มน้อยชาวคานาดาเดินมามอบตัวหลังจากผู้เสียหายขอเป็นเพื่อนกับเขาในเฟซบุ๊ก

มันเป็นเพราะการขอเป็นเพื่อนที่ทำให้เป็นเช่นนี้

เหตุตาลปัตรคราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเมื่อสเตฟาน เทอเจเซน อยู่เมืองกิมลี รัฐแมนิโตบา คานาดา มาถึงร้านเฮท.พี.เทอเจเซน แอนด์ ซันส์ ที่เขาเป็นเจ้าของร้าน แล้วพบว่ามีคนเอาเหล็กถอดล้อทุบกระจกร้านแล้วเข้ามาขโมยนาฬิกาไปหลายเรือน

กิมลีอยู่ทางตอนเหนือของเมืองวินนิเปก ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐแมนิโตบา มันเป็นชุมชนเล็กๆในชนบท มีประชากรประมาณ 6000 คน ร้านเฮท.พี เทอเจเซนเปิดมาร้อยกว่าปีแล้วโดยบรรพบุรุษของสเตฟานเป็นคนเปิด (เฮท.พี.เทอเจเซนเป็นปู่ของสเตฟาน) มันเป็นร้านที่คนที่นั่นรัก

เมื่อสเตฟานเปิดดูคลิปในกล้องวงจรปิด เขาเห็นหน้าคนร้ายอย่างชัดเจน เขาจึงเอาคลิปไปโพส์ตในเฟซบุ๊กของเขา และดูเหมือนคนทั้งเมืองจะไม่อยู่เฉย คลิปวีดีโอจึงถูกแชร์ออกไปมากกว่า 8000 ครั้งใน 24 ชั่วโมง

มีคนนับสิบกล่าวว่าพวกเขารู้จักเด็กวัยรุุ่นที่อยู่ในคลิป และเอาชื่อให้สเตฟาน แต่ก่อนที่จะไปหาตำรวจ สเตฟานหันไปหาเฟซบุ๊ก

เขาส่งคำขอเป็นเพื่อนไปหาเด็กแล้วรอคำตอบ เวลาผ่านไปห้านาที...สิบนาที...สิบห้านาที...

กล่าวถึงหัวขโมยวัยละอ่อน เมื่อเขาเห็นว่ามีคนขอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก เขาจึงเปิดดูโปรไฟล์ เขาเห็นรูปชายคนหนึ่งกำลังจูบหมา ชายคนนี้เขียนในเฟซบุ๊กของเขาว่าถูกโจรบุกเข้าไปขโมยของในร้านของเขา

พระเจ้าช่วย กล้วยทอด ทำไมโชคร้ายอะไรเช่นนี้...เด็กหนุ่มถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว... มันเศร้า

หลังจากได้รับคำขอเป็นเพื่อนสิบห้านาที เขาก็ส่งเมสเสจไปหาสเตฟาน แล้วบอกเพื่อนใหม่ว่าเขาจะมอบตัว

"ผมอยู่ไม่ได้เพราะสิ่งที่ผมทำลงไป ผมจะคืนของให้ทุกอย่าง"

ตัดภาพกลับมาทางสเตฟาน "เขาเห็นคำขอเป็นเพื่อนของผม และคงตกใจเล็กน้อย" สเตฟานบอก "ตอนนั้น ผมอยากเห็นสีหน้าของเขาจริงๆ ผมคิดว่าเขารู้ตัวแล้ว เขาทำผิดและควรกลับตัวกลับใจโดยเร็ว"

เมื่อเขาได้รับคำขอโทษจากขโมย ซึ่งอธิบายว่าเขาเมาและไม่ได้คิดให้ดีในคืนที่ทุบกระจกเข้าไปขโมยของในร้านและจะไปมอบตัวกับตำรวจ - สเตฟานตอบเด็กกลับไปว่าเขาทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

"เพื่อนๆคงพูดกับเขา หรือไม่เขาก็เห็นคลิปวีดีโอ เพราะมันกระจายออกไปเยอะ ผมคิดว่าเขาคงรู้ว่าเขาไม่มีทางรอด" สเตฟานกล่าว "ผมรู้สึกดีมากๆที่คนในชุมชนร่วมมือกัน" เขาเสริม

แต่ตำรวจคานาดาไม่เป็นปลื้มกับการสืบหาขโมยด้วยเทคนิคเช่นนี้ พวกเขากล่าวว่าพวกเขาเข้าใจวัตถุประสงค์ของสเตฟาน แต่อยากให้คนปล่อยให้การตามหาคนร้ายเป็นหน้าที่ของมืออาชีพ

"พฤติกรรมของอาชญากรและคนที่สิ้นหวังในชีวิตเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก เราควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือมีการติดต่อสื่อสารกับพวกเขาโดยตรง"

แต่สเตฟานดูจะพอใจผลงานการปิดคดีของมือสมัครเล่นของตน และยังไม่หนำใจเขาบอกว่า "ผมบอกกับขโมยอย่างชัดเจนว่าผมทำรายการของๆที่หายไปเอาไว้ทั้งหมด" เขากล่าว "และเขาควรเอามันมาคืนให้ครบ"

ขอขอบคุณภาพจาก Pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:อาเฮียขี้ร้อน เปิดประตูเครื่องบิน

อั้วอยากรับลม อั้วก็เปิดสิ


มีอะไรหลายอย่างที่คุณไม่ควรทำเวลาอยู่บนเครื่องบิน หนึ่งในนั้นก็คืออย่าพยายามเปิดประตูหรือหน้าต่าง
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาเฮียคนหนึ่งในเมืองเฉินตู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเสฉวน ตัดสินใจเปิดประตูฉุกเฉินของเครื่องบินเพื่อรับลมก่อนที่เครื่องจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เครื่องบินของสายการบิน ไชน่า เซาเทิร์น แอร์ไลน์ ซึ่งกำลังจะบินไปยังเขตปกครองตัวเองซิงเจียง อุยกูร์ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ต้องล่าช้าไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้ลูกเรือบนเครื่องปิดประตู และรอเวลาเพื่อจะบินขึ้นใหม่
ตามหมายกำหนดการ เครื่องบินลำนี้จะต้องออกจากสนามบินนานาชาติเฉิงตู ซวงหลิวในเวลา 9.55 . แต่เพราะเหตุขัดข้องดังกล่าว จึงต้องเลื่อนไปออกไปเป็นเวลา 10.52 .
การเดินทางจากเฉินตูไปถึงสนามบินนานาชาติ อุรุมชี ดโวพูจะใช้เวลาสามชั่วโมงครึ่ง
อาฮียคนนั้นอธิบายกับลูกเรือในภายหลังว่าเขาก็แค่จะเปิดประตู "รับลม" ก่อนที่เครื่องบินจะออกบิน
อาเฮียอีกคนที่นั่งอยู่ท้ายเครื่องบอกว่าตรงที่เขานั่งอุดอู้เกินไป
ผู้แทนของสนามบินเฉินตู ซวงหลิว กล่าวว่าขณะเกิดเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737 ลำนี้ จอดอยู่ติดกับงวงช้าง และมีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง 130 คน
ผู้แทนของสนามบินยังเสริมอีกว่าเมื่อมีคนเปิดประตู เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินจะปิดประตูจากข้างนอกและตรวจสอบความพร้อมของเครื่องบินอีกครั้ง เที่ยวบินนี้จึงล่าช้าไปประมาณ 40 นาที
ตามกฎของการบินพลเรือนของจีน คนที่ทำให้เสียทรัพย์ หรือทำลาย หรือทำให้การบินไม่ปลอดภัย และทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงอาจติดคุกได้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้โดยสารเปิดประตูเครื่องบินในประเทศจีน
ในปี 2015 มีคนถูกจับกุมสองคนเพราะไปเปิดประตูฉุกเฉินสามบานหลังจากมีปากเสียงกับลูกเรือเรื่องเครื่องดีเลย์
หนึ่งในสองคนนั้นเป็นไกด์นำเที่ยว การกระทำของเธอทำให้เธอติดคุก 15 วัน
ภาพจากแฟ้ม
อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:อั้นไม่ไหวจริงๆ

หนุ่มฟลอริด้าอั้นไม่ไหว ขี้แตกในรถตำรวจ


ก่อนหน้านั้น เขาก็บอกกับตำรวจแล้วว่าเขากำลังรีบเพราะปวดท้อง  - ตำรวจระบุในบันทึกการจับกุม
เมื่อวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่แล้ว นายอำเภอเมืองเลค เคาน์ตี้โบกให้หนุ่มคาร์ลอส อาโดนีส รามอส อีราโซ อายุ 24 จอดรถเพราะขับรถเร็ว โดยขับเร็ว 75 ไมล์ต่อชั่วโมงในเขตที่กำหนดให้ขับเร็ว 55 ไมล์ต่อชั่วโมง
คาร์ลอสบอกตำรวจว่าเขากำลังรีบกลับบ้าน จะไปอึ แต่ตำรวจไม่เชื่อ
ระหว่างการตอบคำถามตำรวจ คาร์ลอสไม่ยอมลงจากรถ
เมื่อตำรวจเอื้อมมือเข้าไปในรถเพื่อปลดล็อกประตู คาร์ลอสก็เร่งเครื่องออกไป ตำรวจหดแขนกลับมาไม่ทัน จึงถูกรถชน
คาร์ลอสไม่ได้ขับหนีไปไหน เขาบึ่งกลับบ้าน พอไปถึง เขารีบลงจากรถแล้วเริ่มวิ่ง
คาร์ลอสกำลังจะไปเอาอาวุธ?
ตำรวจที่วิ่งตามไป จึงรีบเข้าสกัดจับเขาในทันที
ทว่าระหว่างที่กำลังถูกนำตัวไปห้องขัง คาร์ลอสก็ปล่อยน้ำปล่อยเนื้อปล่อยกลิ่นออกมาเต็มรถ
เขาถูกตั้งข้อหาว่าหลบหนี ทำร้ายเจ้าพนักงาน และขัดขืนการจับกุม
(อยากรู้จริงๆว่าตำรวจพวกนี้ไม่เคยปวดท้องหรือท้องเสียบ้างหรือไง - ผมเอง)
ภาพจากแฟ้ม
อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องขำๆของโจร ตอน: นึกว่าหวานหมู

นึกว่าหวานหมู



อกสั่นขวัญแขวน!!! โจรใจเด็ด ใช้มีดจี้ผู้หญิง แต่เธอใจเด็ดกว่า ชักปืนออกมายิงสวน จนเขาต้องเผ่นหนีอุตลุด
เหตุการณ์นี้เกิดที่หลุยส์วิลล์ เคนตักกี้
จากข่าว ตำรวจเปิดเผยว่า จากกล้องวงจรปิด พวกเขาเห็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังเดินตามเหยื่อไปห่างๆ แต่เมื่อเธอไปถึงลิฟต์เพื่อจะไปที่จอดรถ เขาก็เข้าไปประชิดตัวเธอ
ตำรวจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อทั้งคู่ไปถึงที่จอดรถเพราะตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด
แต่ตำรวจเปิดเผยว่าเหยื่อให้การว่าเมื่อเหยื่อเข้าไปในรถ คนร้ายก็ตามเธอเข้าไป แล้วเอามือปิดปากเธอและชักมีดออกมา
เหยื่อดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดความสามารถ จนเป็นเหตุให้กระจกหน้ารถร้าว แล้วตอนนั้นเองที่เหยื่อล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือแล้วชักปืนออกมา
เธอยิง... กระสุนโดนคอของคนร้าย
กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายได้อีกครั้งตอนที่เขาเดินลงบันไดของที่จอดรถ เขามีเลือดอาบคอ
ชายคนหนึ่งเห็นเขา จึงรีบโทรแจ้ง 911
ตำรวจจับจอห์น กาโนบิคได้คาหนังคาเขาและตั้งข้อหาก่ออาชญากรรม ลักพาตัว และพยายามฆ่า
ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง แต่คาดว่าเธอจะหายดีเร็วๆนี้
ภาพจากแฟ้ม
อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: ปิดถนนให้คางคก

นี่ไม่ใช่เรื่องคางคกขึ้นวอ แต่เป็นเรื่องคางคกข้ามถนน

ภาพกบ ไม่ใช่คางคกครับ
ใครจะไปอังกฤษในช่วงนี้ โปรดหลีกเลี่ยงถนนบางสายเพราะจะมีการปิดถนนเพื่อให้คางคกข้าม
การปิดถนนจะกินเวลาสองสัปดาห์เพื่อให้คางคกที่กำลังอพยพถิ่นฐานสามารถข้ามถนนที่พลุกพล่านของมหานครลอนดอนได้อย่างปลอดภัย
โดยผู้ที่เกี่ยวข้องจะทำการปิดตั้งแต่วันศุกร์ไปจนถึงวันที่ 24 มีนาคม เพื่อให้คางคกอพยพถิ่นฐาน โดยไม่ถูกรถชน
ในการนี้ ได้มีการเอาป้ายสีเหลืองมาติดไว้ข้างถนนในเมืองทวิคเคนแฮม ทางตะวันตกเฉียงใต้ของลอนดอน เพื่อเตือนคนขับรถว่ามีการปิดถนนข้างหน้า
ข้อความบนป้ายเขียนว่า
“ถนนปิดเพื่อให้คางคกย้ายถิ่นฐาน”
“อาสาสมัครลาดตะเวนดูคางคกอยู่บนถนน”
“ปิดถนนเชิร์ซ โรด แฮม ตั้งแต่เวลา 16 นาฬิกาของวันศุกร์ ที่ 11 มีนาคม 59 ไปจนถึงเวลา 10 นาฬิกา วันพฤหัสบดี ที่ 24 มีนาคม 59
“คางคกกำลังย้ายถิ่น”
มูลนิธิฟล็อกไลฟ์ เปิดเผยว่า เมื่อไม่กี่ปีมานี้ จำนวนประชากรของคางคกทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอนลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ โดยมีคางคกถูกรถทับตายบนถนนประมาณ 20 ตันต่อปี
ขอขอบคุณภาพจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:เรื่องขำๆของโจร ตอน: คนมักน้อย

คอแห้งเป็นผง ปีศาจสุราย่องเข้าบ้านคนอื่นเพื่อหาเหล้าดื่ม



ปีศาจสุราซึ่งบุกเข้าไปในบ้านของคนแปลกหน้าเพื่อหาสุราดื่มถูกจับได้เมื่อเจ้าของบ้านแอบติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อไขปริศนา

วิกกี้ แบงก์ส นักธุรกิจสาว ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในบ้านหลังจากไม่เข้าใจว่าทำไมวิสกี้ที่เธอวางไว้ในห้องรับแขกอันตรธานหายไปบ่อยๆ

แล้ววิกกี้ ก็ต้องตกตะลึงที่พบว่า เจมส์ รีด อาชีพรับจ้างทั่วไปผู้หิวโหย บุกเข้ามาในบ้านและสุขสราญบานใจกับวิสกี้ของเธอ

รีดวัย 54 ถูกศาลสั่งให้ทำงานเพื่อสาธารณะประโยชน์โดยไม่ได้ค่าแรง 50 ชั่วโมง

อัยการบิล เคอร์โหมด เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่านางสาววิกกี้สงสัยว่าจะมีคนแอบเข้าไปในบ้านเพราะมีคนเติมน้ำลงไปในขวดวิสกี้ที่เธอวางไว้บนขอบหน้าต่าง

“เธอสงสัยว่าจะมีคนดื่มวิสกี้ของเธอแล้วเอาน้ำเติมลงไปแทน” เขากล่าว “เธอก็เลยติดกล้องวงจรปิดแบบที่สามารถส่งอีเมล์ไปบอกเธอได้โดยอัตโนมัติเมื่อพบการเคลื่อนไหว”

วันนั้นเธอออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ โดยตรวจดูว่าประตูหลังล็อกดีแล้ว พอเวลาประมาณสิบโมงกว่า เธอก็ได้รับอีเมล์แจ้งเตือนจากกล้องวงจรปิดว่ามีการเคลื่อนไหวที่ประตูหลัง

วิกกี้ดูวีดีโอ เธอเห็นประตูหลังปิดอยู่ แต่สักพักก็มีเสียงเคาะประตู ต่อมาอีกประมาณยี่สิบกว่านาที เธอก็ได้รับอีเมล์แจ้งเตือนอีก

เธอรีบกลับบ้าน แล้วพบว่าประตูหลังยังล็อกดีอยู่  เมื่อเดินเข้าไปในครัวเธอเห็นขวดวิสกี้ปิดฝาไม่สนิท และวิสกี้ก็พร่องลงไปหนึ่งนิ้วจากที่เธอดูครั้งสุดท้าย  เธอเดินสำรวจไปรอบบ้าน แต่ไม่มีอะไรหายไปทั้งๆที่มีเงินวางอยู่

ทางด้านรีด ระหว่างทางกลับบ้านหลังจากย่องเข้าไปดวดเหล้าในบ้านของวิกกี้เป็นครั้งที่สอง เขาเจอคนงานในหมู่บ้านคนหนึ่ง ซึ่งถามเขาว่าเขามาทำอะไรแถวนั้น เขาตอบว่ามาขายพลุไฟเอาไว้จุดงานฉลอง แต่ในตัวเขา ไม่มีพลุสักอัน

นอกจากนั้น เขาก็เจอกับตำรวจ ตอนตำรวจถาม เขาบอกตำรวจว่าบ้านเขาอยู่แถวนั้น ตำรวจจึงปล่อยเขาไป แต่ตำรวจก็ตามมาจับเขาอีกครั้งเมื่อเห็นวีดีโอ

เมื่อตำรวจไปถึงบ้านรีด เขากำลังเมาแอ๋อยู่บนโซฟาเพราะจิ๊กเอาเหล้าขวดเล็กและไวน์มาดื่มด้วย

เขาให้การกับตำรวจว่า “ผมยอมรับว่าเข้าไปในบ้านจริงเพราะผมขี้เมา” อัยการเคอร์โหมดเสริม “เขากล่าวว่าเขาเอากุญแจที่ซ่อนอยู่ใต้ก้อนหินเปิดเข้าไปในบ้าน แล้วเอากุญแจไว้ที่เดิมตอนกลับออกมา”
ในศาล รีดให้การว่าพอเขาดื่มวิสกี้จนพอแล้ว ก็เอาน้ำใส่ขวดให้เหมือนมีวิสกี้เท่าเดิมจะได้ไม่มีใครสังเกตุก่อนที่จะออกมาจากบ้านและล็อกประตูให้วิกกี้

รีดคงรอดไปได้ถ้าวิกกี้ไม่สวมวิญญาณเป็นนักสืบและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดแบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำให้เธอรู้ความเป็นไปในบ้าน

ภาพจากกล้องวงจรปิดระบุตัวรีด แล้วรีดก็สารภาพเองว่าเขาใช้บ้านของวิกกี้เป็นบาร์ชั่วคราว

ตอนแรก รีดถูกตัดสินให้ทำงานสาธารณะประโยชน์ 90 ชั่วโมงและปรับอีก 30 ปอนด์ แต่ภายหลังได้ลดโทษลงมาเหลือทำงานเพื่อสาธารณะประโยชน์ 50 ชั่วโมง

(ถ้าใครไม่เคยติดเหล้าไม่เข้าใจหรอก – ผมเอง)

ขอขอบคุณภาพจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้ที่นี่ทุกวัน




วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:นักเรียนถูกจับเพราะเจาะคอมพิวเตอร์ของเอฟบีไอ

นักเรียนอังกฤษถูกจับเพราะแฮ็กคอมพิวเตอร์ของเอฟบีไอ



เด็กคนนี้ถูกจับข้อหาทำผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ปี 1990

เด็กชายวัย 15 จากเมืองกลาสโกว์ถูกล่าวหาว่าพยายามแฮกเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ระดับลับสุดยอดของสหรัฐ

นักสืบจับกุมเด็กวัยรุ่นคนนี้และพาไปค้นบ้านของเขา

ตำรวจยืนยันว่าจับเด็กจริงและปล่อยตัวไปในภายหลัง เขาถูกจับข้อหาทำผิดกฏหมายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดที่ครอบคลุมไปถึงการแฮ็กข้อมูลและการเข้าถึงสิ่งที่อยู่ในคอมพิวดเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต

ตำรวจสก็อตแลนด์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กล่าวว่า "จากการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในกลาสโกว์เมื่อวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ เด็กวัย 15 ปีคนหนึ่งถูกจับกุมด้วยข้อหาทำผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ปี 1990

"เขาถูกปล่อยตัวไปแล้วแต่ยังต้องไปรายงานตัวกับอัยการ ขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะให้ความเห็นใดๆ"

ว่ากันว่า ในการจับกุม นักสืบจากหน่วยงานรักษาความปลอดภัยภายในประเทศของสหรัฐต้องบินมาถึงสก็อตแลนด์เพื่อสังเกตการณ์ด้วย

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่เอฟบีไอก็ยังนั่งดูการสอบปากคำเด็ก ซึ่งอาจถูกส่งตัวไปสหรัฐในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน และอาจถูกจำคุกอยู่ที่นั่น

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ตำรวจในอิส มิดแลนด์ ก็จับวัยรุ่นที่ผู้เบื้องหลังจากเจาะเข้าไปในระบบของเจ้าหน้าที่สหรัฐ

วัยรุ่นอายุ 16 คนดังกล่าวถูกสงสัยว่าเป็นผู้นำกลุ่มแฮ็กเกอร์ ซึ่งเจาะเข้าไปในอีเมล์ส่วนตัวของผู้อำนวยการซีไอเอ

ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การจับกุมวัยรุ่นในกลาสโกว์เป็นการต่อยอดมาจากการสอบสวนในอิส มิดแลนด์หรือเปล่า

ว่าที่จริง ปฏิบัติการกลาสโกว์เกิดขึ้นไม่กี่เดือนหลังจากชายชาวอังกฤษคนหนึ่งถุกยกย่องให้เป็นแฮ็กเกอร์ที่อันตรายที่สุดตลอดกาลจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า "อโนนิมัส" (Anonimous แปลตรงตัวว่านิรนาม บ้านเราเรียกพวกเขาว่าโรบินฮู้ดแห่งศตวรรษที่ 21 บ้าง กลุ่มแฮกเกอร์ระดับเทพบ้าง ฯลฯ

ชายคนนี้ชื่อ แกรี่ แม็คคินนอน อายุ 49 ซึ่งป่วยเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์

โรงแอสเพอร์เกอร์ หรือแอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม (Asperger's Syndrome) คือความบกพร่องของพัฒนาการรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับโรคออทิสติก แต่มีรายละเอียดแตกต่างกันบ้างพอสมควร

แกรี่เจาะเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของเพนตาก้อนและนาซ่า เขาขโมยพาสเวิร์ด ลบไฟล์ และปิดเน็ตเวิร์กของฐานทัพสหรัฐหลายแห่ง

ถ้าถูกพิจารณาว่าผิดจริง เขาจะถูกส่งไปขึ้นศาลในสหรัฐและจำคุกสูงถึง 70 ปี แต่สก็อตแแลนด์ไม่ยอมส่งเขาไป โดยเอากฏหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนมาใช้

เมื่อเดือนธันวาคม กลุ่มอะโนนีมัสปะยี่ห้อให้ แม็คคินนอน เป็นแฮกเกอร์ระดับ "แบล็ก แฮท" ที่ยอดเยี่ยมที่สุด (แบล็ก แฮท" เป็นคำเรียกขานบรรดาแฮ็กเกอรซึ่งทุ่มเทให้กับกิจกรรมผิดกฏหมาย)

ขอขอบคุณภาพจาก:pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้ที่นี่ทุกวัน 

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ นักบินอวกาศตัวหดอีกครั้ง

นักบินอวกาศสก๊อต เคลลี่ตัวหดอีกครั้ง 


(รูปแทน)

แปลกแต่จริง อวกาศทำให้คนสูงขึ้น หนุ่มขึ้นได้

เมื่อประมาณเกือบสองสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวนักบินอวกาศสก๊อต เคลลี่ อายุ 57 นักบินอวกาศมิคาอิล โคมีเองโก้และนักบินอวกาศเซอร์จิอี โวลโก้ นักบินอวกาศรัสเซียกลับมาสู่โลกหลังจากออกไปประจำการอยู่ในสถานีอวกาศนานถึง 340 วันพร้อมกับมีข่าวว่านักบินอวกาศสก๊อตสูงขึ้นกว่าเดิม 2 นิ้ว

ระยะเวลา 340 วันที่สก๊อตอยู่ในสถานีอวกาศจะช่วยทำให้นาซ่าสามารถศึกษาผลกระทบระยะยาวในการเดินทางในอวกาศ โดยเปรียบเทียบระหว่างพัฒนาการของเขากับพัฒนาการของมาร์ค ซึ่งเป็นพี่น้องฝาแฝดของสก๊อตที่อยู่บนโลก

ขณะอยู่ในอวกาศ สก๊อตต้องทำทุกอย่างตั้งแต่การทดลองทางวิทยาศาสตร์ไปจนถึงการเดินในอวกาศ

มาร์ค เคลลี่ อดีตนักบินอวกาศ ซึ่งเป็นพี่น้องฝาแฝดของสก๊อต กล่าวว่าเขากับสก๊อตยืนเอาหลังชนกันเมื่อสก๊อตกลับไปถึงบ้านที่ฮุสตันหนึ่งชั่วโมง แล้วเสริมว่าสก๊อตสูงขึ้น 1.5  นิ้ว

มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์สำหรับการสูงขึ้นดังนี้
นักบินอวกาศสามารถสูงขึ้นได้สามนิ้วในอวกาศเพราะผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงที่มีต่อร่างกายของมนุษย์

ลองนึกภาพว่ากระดูกสันหลังเป็นสปริงอันใหญ่ เมื่อมีแรงกด สปริงจะหดลงมา เมื่อไม่มีแรงกด สปริงก็จะยืด

ฉันใดก็ฉันนั้น กระดูกสันหลังก็จะยืดออกไปสามเปอร์เซ็นต์ในขณะที่คนเดินทางอยู่ในอวกาศ
เมื่อแรงโน้มถ่วงที่กดลงมาบนกระดูกสันหลังมีน้อยลง กระดูกสันหลังก็สามารถยืดออกไป – ได้มากถึง 7.6 เซนติเมตร (3 นิ้ว)

ในบางครั้ง การยืดของกระดูกสันหลังจะเกิดขึ้นทุกคืน เพราะเมื่อคุณนอน แรงโน้มถ่วงไม่ได้กดลงบนกระดูกสันหลัง

อย่างไรก็ดี เมื่อผ่านไปเกือบสองวัน สก๊อตก็กลับมาสูงเท่าเดิมอีกครั้ง

นอกจากจะสูงขึ้น สก๊อตก็ยังหนุ่มขึ้นกว่าพี่น้องฝาแฝดของเขา

เรื่องนี้ก็มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เช่นกัน
การหนุ่มขึ้นกว่าเป็นผลมาจากทฤษฎีสัมพันธภาพของไอสไตน์
ตามทฤษฎี การยืดออกของเวลา (time dilation)  ถ้าวัตถุสองชิ้นเดินทางด้วยความเร็วที่ต่างกัน เวลาจะเดินเร็วกว่าสำหรับวัตถุที่เคลื่อนที่ช้ากว่า

เนื่องจากสก็อตเคลื่อนที่เร็วกว่าพวกเราบนโลก ตอนนี้เขาจึงหนุ่มกว่าพวกเรา 8.6 มิลลิเซ็คเคิน

สุดท้าย สก็อตกล่าวว่าเขาเจ็บกล้ามเนื้อและปวดข้อต่อมากกว่าตอนออกไปท่องอวกาศครั้งก่อน ซึ่งกินเวลา 159 วัน นอกจากนั้นผิวหนังของเขาก็ยังปวดแสบปวดร้อน ตอนนี้มันอ่อนไหวมากมันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังไหม้ 

ข่าวรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ ๔


(ไม่ใช่ผู้ชายเท่านั้นนะที่ยืดได้หดได้ ผู้หญิงก็ยืดได้หดได้เหมือนกัน - ผมเอง)

ขอขอบคุณภาพจาก: pexels.com

อ่านข่าวแปลกได้ที่นี่ทุกวัน

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก: สลด! หญิงชาวจีนเสียชีวิตในลิฟต์อย่างทรมาน

หญิงชาวจีนเสียชีวิตเพราะถูกตัดไฟในลิฟต์


จัตุรัสเทียนอันเหมิน


ตำรวจจีนแผ่นดินใหญ่จับช่างซ่อมหลังจากหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตอยู่ในลิฟต์ซึ่งถูกตัดไฟเมื่อสามสิบวันก่อน

ผู้บริหารเมืองเกาหลิง (Gaoling) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลซานซี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ช่างซ่อมลิฟต์สองคนถูกเรียกให้ไปแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆของลิฟต์ในอาคารที่พักอาศัยหลังหนึ่ง ในการนี้พวกเขาปิดไฟโดยที่ไม่ได้ดูว่ามีคนอยู่ในลิฟต์หรือเปล่า

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ช่างกลุ่มนี้กลับไปที่อาคารหลังดังกล่าวเพื่อทำการซ่อมอีกครั้ง คราวนี้ พวกเขาพบศพหญิงผู้เคราะห์ร้ายในลิฟต์

พยานที่อยู่ในอาคารกล่าวว่าหญิงผู้เคราะห์ร้ายอยู่ตัวคนเดียว ช่างกลุ่มนี้ถูกจับข้อหาทำการโดยประมาณจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต 

(มันอะไรกันเนี่ย กว่าจะรู้ตั้งเป็นเดือน – ผมเอง)

ขอขอบคุณภาพจาก: pixabay.com

อ่านข่าวแปลกได้ที่นี่ทุกวัน


วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:โหด...ใช้ที่ช็อตไฟฟ้าอบรมลูกๆ

พ่อแม่ใช้ที่ช็อตไฟฟ้าอบรมลูกๆ


Photo credit: Wikimedia Commons

ตำรวจฟลอริด้าซิวสามีภรรยาคู่หนึ่งข้อหาใช้ที่ช็อตไฟฟ้าดัดนิสัยลูกๆ

โจชัว หลุยส์ อายุ 28 กับโรซาน พาดูอานี่ อายุ 33 ถูกตำรวจสำนักงานนายอำเภอลี เคาวน์ตี้จับเมื่อวันพฤหัสหลังจากได้รับแจ้งจากสำนักงานคุ้มครองเด็กและครอบครัว
ตำรวจเปิดเผยว่าลูกคนหนึ่งในจำนวนสี่คนของสามีภรรยาคู่นี้บอกกับตำรวจว่าพ่อกับแม่ใช้ที่ช็อตไฟฟ้ากับพวกเขาเมื่อพวกเขาทำตัวไม่ดี นอกจากจะบอกแล้ว พวกเขาก็ให้ตำรวจดูรอยที่เกิดจากการช็อตด้วย
รายงานของสำนักงานนายอำเภอชิ้นหนึ่งรายงานว่า “พวกเขาใช้มันเพื่ออบรมและป้องกันไม่ให้เด็กๆประพฤติชั่ว ที่ช็อตไฟฟ้าทำให้เด็กเจ็บ เราเห็นร่องรอยของการถูกช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้าบนตัวของเด็กสองคน”
พาดูอานี่ให้การกับพนักงานสืบสวนว่าใช้ที่ช็อตไฟฟ้าแบบมือถือเพื่อขู่เด็กๆจริง แต่ไม่เคยใช้มันกับพวกเขา
เด็กคนหนึ่งบอกกับตำรวจว่าหลุยส์เป็นคนทำ ในขณะที่พาดูอานี่ก็รับรู้แต่ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่มันเกิดขึ้น
ผู้แทนของสำนักงานคุ้มครองเด็กและครอบครัวกล่าวว่าตอนนี้พวกเด็กๆถูกย้ายไปอยู่กับญาติๆอย่างปลอดภัยแล้ว
พาดูอานี่ถูกจับเมื่อวันพฤหัสด้วยข้อหาทำทารุณกรรมเด็กสองข้อหา เธอถูกตั้งเงินประกันไว้ที่ 200000 ดอลลาร์
หลุยส์ถูกจับพร้อมกันเมื่อวันพฤหัส เขาเจอข้อหาทำทารุณกรรมเด็กสี่ข้อหา และถูกตั้งเงินประกันตัวไว้ที่ 400000 ดอลลาร์
พาดูอานี่และหลุยส์มีกำหนดจะต้องไปขึ้นศาลในวันที่ 4 เมษายนที่จะถึง
ขอขอบคุณภาพจาก: Wikimedia Commons / Photo credit: jasonesbain / Photo description: A Stun Gun making an electrical arc between its two electrodes

อ่านข่าวแปลกได้ที่นี่ทุกวัน

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข่าวแปลก:แฟนสาวเล่นตัว หนุ่มโทรแจ้ง 911

นึกกว่าตำรวจจะช่วยได้

แฟนสาวเล่นตัว หนุ่มโทรแจ้ง 911


คนที่โทรไป 911 มีมากมายหลายประเภท บางรายโทรไปแจ้งตำรวจให้มาจับแมวเพราะแฟนของเขาปล่อยให้มันกินเบคอนของตัวเอง (เหตุการณ์นี้เกิดที่เวสท์ ยอร์คเชียร์) บางรายโทรไปบอกว่าอยากเจอตำรวจเพราะอยากต่อยตำรวจ

บางรายโทรไปแจ้งให้มาจับภรรยาเพราะเธอไม่ยอมให้เขาเล่นเฟสบุ๊กเงียบๆ (เหตุการณ์นี้เกิดที่ปาสโก้ เคาน์ตี้) บางรายโทรไปแจ้งว่าถูกขโมยกัญชา (เหตุการณ์นี้เกิดที่โอเรกอน) อีกส่วนหนึ่งโทรไปเพราะมีอะไรไปแตะโดนปุ่มบนแป้นโทรศัพท์โดยไม่ได้ตั้งใจ และอื่นๆอีกมากมาย
แต่รายนี้ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ?

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วที่เซ้าท์ คาโรไลน่า

หนุ่มวัยดึกชาวคาโรไลน่าโทรไป 911 เพราะแฟนสาวไม่ยอมให้เขาทำการบ้าน


ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า แพ็ททริค ด็อกเก็ทท์ อายุ 53 โทรไปแจ้ง 911 เพราะ “แฟนเล่นตัว”


แฟนของเขา เฟย์ วู้ดรัฟฟ์ ให้การกับตำรวจสั้นๆว่าวันนั้นด็อกเก็ทท์ดื่มเหล้าทั้งวันและอยู่ในสภาพที่ “ไม่มีสติสตัง ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนเสียดวยซ้ำ”


จากนั้น เขาก็คลานขึ้นเตียงแล้วพร่ำรำพันขอทำการบ้านๆ เธอปฎิเสธเพราะวันนั้นเธอมี   หลานมาต้างด้วย


พอถูกปฎิเสธ ด็อกเก็ทท์ก็โมโหใหญ่ เขาลุกจากเตียง “ไปโทรแจ้ง 911


เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาพบด็อกเก็ทท์ยืนตะโกนด่าแฟนอยู่นอกบ้าน ยังดีที่เขาไม่ได้ทำร้ายเธอแต่อย่างใด


ด็อกเก็ทท์ถุกจับข้อหาเมาสุราอาละวาดในที่สาธารณะ ถูกจับไปนอนสงบสติออารมณ์ในห้องขังหนึ่งคืน โชคยังดี่เขาไม่โดนข้อหาโทรไปป่วน 911 อีกคดี


ขอขอบคุณภาพจาก: pexels.com


อ่านข่าวแปลกได้ที่นี่ทุกวัน