วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

แม่ใจร้ายสั่งให้ลูกนั่งจองที่จอดรถอยู่กลางแดด

ด้านได้ อายอด...



รูปแทน



แม่บังคับให้ลูกชายตัวน้อยนั่งจองที่จอดรถนาน 20 นาทีในขณะที่เจ้าหล่อนไปขับรถมาจอด

เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ชายเน็ตในมาเลเซียแสดงความคิดเห็นกันอย่างถล่มทลายเมื่อเห็นภาพของเด็กชายตัวน้อย นั่งอยู่บนลานจอดรถที่แออัดแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์

คนซึ่งโพสต์รูปนี้ลงไปในเฟซบุ๊ก บรรยายว่าเด็กนั่งอยู่กลางแดดคนเดียวนานถึง 20นาทีเพื่อจองที่เอาไว้ให้แม่ในขณะที่เธอไปเอารถ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนถนน จาลัง กุยช่าย ลามะซึ่งอยู่ในเขตธุรกิจของกรุงกัวลา ลัมเปอร์ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าหาที่จอดรถในเวลาเร่งด่วนยาก

พอเห็นที่จอดรถว่าง คุณแม่สมองใสคนนี้จึงสั่งให้ลูกไปนั่งจองเอาไว้แล้วเดินกลับไปเอารถที่เธอจอดเอาไว้ในตอนแรก ในโพสต์ - ซึ่งมีคนแชร์ออกไปมากกว่า 8000 ครั้ง - เด็กถูกทิ้งให้รออยู่คนเดียวนานถึง 20 นาที

ในโพสต์ยังเขียนต่อไปว่าคนที่เดินผ่านมาเป็นห่วง คิดว่าเด็กถูกนำมาทิ้งเอาไว้จึงเข้าไปถาม แล้วพวกเขาเหล่านั้นก็ต้องช็อกเมื่อเด็กบอกว่าแม่สั่งให้เขานั่งอยู่ตรงนั้นเพื่อจองที่

คนโพสต์ไม่ได้บอกว่ามีใครรอเจอแม่ของเด็กหรือเปล่า แต่ภาพของเด็กที่นั่งอยุ่ในที่จอดรถก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์กันอย่างหูดับตับไหม้

“มันน่ากลัวนะที่เธอทิ้งลูกไว้คนเดียวเพื่อจะเอาที่จอดรถ แล้วก็โชคดีมากๆที่ไม่มีใครมาไล่ มาขโมยหรือทำร้ายเด็ก”

อ่านข่าวแล้วปลื้มเพราะโชคดีที่บ้านเราไม่มีคนทำแบบนี้ บ้านเราไม่มีคนเคยมายืนขวางที่จอดรถเพื่อรอให้รถของตัวเองวนมาจอด ไม่มีคนออกมาไล่เวลาไปจอดรถริมถนน ไม่มีคนเอาป้ายห้ามจอดรถบังหน้าร้านมาติดไว้หน้าร้าน ไม่มีคนเอาเหล็กกั้นที่เขียนว่าห้ามจอด ฝ่าฝืนจับปรับ (ทั้งๆที่เป็นถนนหลวง) มาวางหน้าโรงงานและไม่มีอื่นๆอีกมาก

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่


วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

ตำรวจโชคร้าย - ต้องฉีดยากันบ้า

ตำรวจถูกกัด ถูกฉีดวัคซีนกันโรคสุนัขบ้า




ที่เมืองอาซาเรย์ ซึ่งอยู่ทางภาคกลางของประเทศตุรกี มูฮัมเมด อีมีน (นามสมมุติ)กำลังเดินอยู่บนถนน

แต่ท่าทางของอีมีนมีพิรุธ ตำรวจจึงเรียกให้หยุดเพื่อขอดูบัตรประจำตัวประชาชน

“ขอดูบัตรประจำตัวด้วยครับ” อับดุลลา อาชิ (นามสมมุติ) ตำรวจนายหนึ่งซึ่งกักตัวอีมีนเอาไว้บอกอย่างสุภาพ

“ไม่ให้ดูอ่ะ” อีมีนตอบ

แล้วตำรวจกับอีมีนก็เริ่มปะทะคารมและลงมือลงไม้กัน  สุดท้ายอีมีนก็กัดขาซ้ายของอาชิ

ก็เป็นเรื่องน่ะสิ อีมีนถูกจับ ส่วนอาชิถูกพาไปส่งโรงพยาบาล เขาถูกฉีดยากันโรคพิษสุนัขบ้าและยากันบาดทะยัก

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

สัปเหร่อโชคร้ายสูญทั้งรถ สูญทั้งศพเพราะแวบไปกินข้าว

อะไรจะหายก็หายได้ แต่ของสิ่งนี้หายน่าเป็นห่วงที่ซู๊..ด




รุปแทน




สัปเหร่อโชคร้ายทำรถและโลงศพในรถหายขณะแวะไปจอดกินข้าวระหว่างทาง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อบริษัทรับจัดงานศพแห่งหนึ่งส่งรถไปรับศพในประเทศอิตาลีเพื่อจะนำมาทำพิธีในโปแลนด์

ระหว่างทางไปโปแลนด์ คนขับรถแวะกินอาหารกลางวัน

เขาจอดรถเบนซ์แวนและโลงศพที่บรรทุกอยู่ท้ายรถไว้ใกล้ๆกับหัวลำโพงของเมืองมิวนิค เยอรมนี แล้วลงไปกินข้าว พอกลับมาทั้งรถทั้งโลงก็อันตรธานหายไปแล้ว

ตำรวจท้องที่บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “พูดกับคนขับรถแล้วไม่ค่อยได้เรื่อง เราคิดว่าเขาคงก๊งไปไม่น้อย”

เมื่อตำรวจขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา คอยสังเกตรูปพรรณของรถ ในที่สุด หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง ตำรวจก็เจอรถ มันถูกจอดไว้ใกล้ๆกับแม่น้ำอิสซ่า...ไม่ได้ใกล้กับสถานีรถไฟเลยสักนิด

เมื่อเจอรถ คนขับวัย 24 ปีคนนี้ก็ขับต่อไปยังกรุงวอร์ซอเพื่อเอาศพไปส่ง

ถ้ามันหายไปจริงๆ ครอบครัวของตายจะว่ายังไงนะ

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่



วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

รถไฟซิงกังเซ็น ต้องจอดฉุกเฉินเพราะมีงูอยู่บนขบวนรถ

รถไฟหัวกระสุน ซิงกังเซ็น ต้องจอดฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์หลังจากมีคนเห็นงูอยู่บนขบวนรถ 


รูปแทน



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อผู้โดยสารคนหนึ่งเห็นงูยาวประมาณ 30 เซนติเมตรชูคอขึ้นมาจากช่องว่างระหว่างเบาะที่นั่ง ทำให้รถไฟ - ซึ่งเดินทางจากโตเกียว เพื่อจะไปยังเมืองฮิโรชิมา - ต้องหยุดกะทันหันเพื่อให้ตำรวจมาจับงูออกไป

ถึกแม้จะดูน่ากลัวแต่งูสีน้ำตาลๆตัวนี้ก็ไม่น่าจะใช่งูมีพิษ โดยผู้สื่อข่าวท้องถิ่นคาดว่ามันน่าจะเป็นงูเห่าตะลานหรืองูสิง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า หลังเกิดเหตุ พนักงานประจำรถได้ประกาศหาผู้โดยสารที่เอางูขึ้นมา แต่ไม่มีผู้โดยสารคนใดยืดอกออกมายอมรับ ในขณะนี้ตำรวจก็ยังคงหาตัวเจ้าของงูอยู่

รถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่นมีชื่อเรื่องตรงเวลาอยู่แล้ว ขบวนรถโนโซมิ 103 ก็เช่นกัน มันไปถึงฮิโรชิมาตรงเวลาถึงแม้จะมีแขกไม่ได้รับเชิญปะปนมาด้วยก็ตาม

เมื่อห้าปีก่อน รถไฟหัวกระสุนก็ต้องหยุดฉุกเฉินใกล้ๆกับกรุงเกียวโตเพราะมีคนพบงูขนาดยาวหนึ่งเมตรบนรถมาแล้ว โชคดีที่มันก็ไม่ใช่งูพิษเช่นกัน

ตามกฎ เขาห้ามผู้โดยสารนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปบนรถยกเว้นสัตว์เล็กๆเช่นนกหรือปลา
 
รถไฟความเร็วสูงในญี่ปุ่นไม่เหมือนรถไฟในอังกฤษ - ที่ดูเหมือนเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นมีใบไม้อยู่บนราง อาจทำให้รถไปถึงจุดหมายล่าช้าได้ - เพราะรถไฟในญี่ปุ่นแทบจะไม่หยุดวิ่งเลย ตามปกติ จะต้องมีเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆเช่นมีคนฆ่าตัวตายหรือมีแผ่นดินไหวเท่านั้นถึงจะทำให้มันหยุดได้

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มวัยรุ่นถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะรถระเบิด

อย่าประมาท




วัยรุ่นเมืองเบียร์บาดเจ็บสาหัสเพราะรถระเบิด สาเหตุน่าจะมาจากสเปรย์ปรับอากาศ

ตำรวจในพื้นที่ทางตะวันตกของเมืองดุยส์บวกซ์เปิดเผยว่า เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว วัยรุ่นอายุ 17 ปีคนหนึ่งใช้สเปรย์ปรับอากาศเพื่อดับกลิ่นบุหรี่ในรถเอสยูวีมือสองที่ๆบ้านเพิ่งซื้อมาใหม่ๆแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น

พวกเขาเปิดเผยว่าวัยรุ่นคนนี้ฉีดสเปรย์มากเกินไปจนแก็สในรถกลายเป็นส่วนผสมของ “แก็สไวไฟ” แล้วแก็สก็ระเบิดตูมเมื่อเขาเปิดประตูและไฟดวงหนึ่งในรถติด

ตำรวจแถลงในวันพฤหัสว่าแรงระเบิดทำให้กระจกซันรู๊ฟปลิวไปไกล

ส่วนเด็กหนุ่มถูกไฟคลอกแขนทั้งสองข้างและถูกส่งไปรักษาแผลที่โรงพยาบาล

(ข่าวไม่ได้ให้รายละเอียดว้ารถจอดในร่มหรือจอดตากแดด และวันนั้นอากาศร้อนหรือไม่)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

ถูกกล่าวหาว่ากระทำชำเรา หนุ่มลอนดอนอ้าง: เหยื่อร้องไห้เพราะขนาดของช้างน้อยของตน

หนุ่มชาวลอนดอน - ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำชำเราสาว - อ้างว่าเหยื่อร้องไห้เพราะขนาดของช้างน้อยของตน






คิดว่าสนุกจนน้ำตาไหล?

นายหน้าค้าหุ้นหนุ่มชาวลอนดอน – ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำชำเราหญิงสาวคนหนึ่ง - อ้างว่าเหยื่อร้องไห้เพราะขนาดของช้างน้อยของเขา

แดเนียล (นามสมมุติ) ถูกกล่าวหาว่ากระทำชำเราหญิงสาววัย 20 กว่าๆ ในสำนักงานเมื่อเธอคลานเข้าไปนอนใต้โต๊ะหลังจากสนุกกับงานปาร์ตี้ที่เสิร์ฟทั้งเหล้าและโคเคนอย่างไม่อั้น - เหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

หนุ่มวัย 26 คนนี้ให้การว่าเขากับเธออยู่ในออฟฟิศหลังงานปาร์ตี้เลิกและคนอื่นๆกลับไปหมดแล้วๆเริ่มมีเซ็กส์กัน

“ผมมองหน้าเธอ เห็นเธอน้ำตาไหล จึงถอนตัวออกมาแล้วบอกกับตัวเองว่า ‘เธอร้องไห้’” หนุ่มแดเนียลให้การ แล้วเสริมว่า ‘จากนั้นเธอก็บอก ‘ให้ผมออกไป’”

แดเนียลให้การในศาลว่าเขาคิดว่าสาวผู้เคราะห์ร้ายน้ำตาไหลเพราะช้างน้อยของเขา - ซึ่งเขาอ้างว่าใหญ่โตจนทำให้เธอเจ็บ

แต่สาวผู้เคราะห์ร้ายให้การว่าก่อนเกิดเหตุเธอกำลังหลับ พอรู้ตัวก็พยายามขัดขืน

แต่หนุ่มพ่อค้าหุ้นบอกว่าไม่จริง เธอไม่ได้หลับเพราะพวกเขาพูดคุยกันก่อน

สาวผู้เคราะห์ร้ายกล่าวว่า เธอบอกกับแดเนียลซ้ำๆหลายครั้งว่า “อย่านะ” และให้การในศาลว่าเธอไม่เคยยินยอมพร้อมใจ จะมีเซ็กส์กับเขา

ต่อมาในที่เกิดเหตุ สาวผู้เคราะห์ร้ายเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง  พวกเธอจึงไปแจ้งความ

แดเนียลปฏิเสธข้อกล่าวหา  และขณะนี้คดีก็ยังไม่จบ (ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2516)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่ 

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

แหม่มชาวอังกฤษใส่ยาพิษในไวน์เพื่อพยายามฆ่าสามีต้องติดคุก 15 ปี

แหม่มชาวอังกฤษจะฆ่าสามี




รูปแทน


เมื่อสองสามวันก่อน อ่านเรื่องสามีกระหน่ำยิงภรรยาสองครั้งในสองปีมาแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาภรรยาจะฆ่าสามีบ้าง

แหม่มชาวอังกฤษ ซึ่งใส่สารป้องกันน้ำกลายเป็นน้ำแข็งลงไปในสปาร์กกลิ้ง ไวน์รสผลไม้ให้สามีดื่มในวันคริสต์มาสเพื่อจะฆ่าเขา ถูกศาลพิพากษาจำคุก 15 ปีเพราะสะกดคำผิดและทิ้งร่องรอยเอาไว้ในโทรศัพท์ของลูกสาว

(สารป้องกันน้ำแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง – แอนตี้ฟรีซ – เป็นสารที่ทำให้น้ำในหม้อน้ำรถยนต์ไม่แข็งเป็นน้ำแข็ง เอาไว้ใช้ในเมืองหนาว / สปาร์กกลิ้งไวน์ – คือไวน์แบบมีฟอง – ฟองแบบฟองโซดานะครับ ไม่ใช่ฟองฟอด)

เพราะมีปากเสียงกันในครอบครัว แจ็กเกอลีน แพ็ททริค (นามสมมุติ) อายุ 55 ปีจึงพยายามฆ่าดักกลาส (นามสมมุติ) สามีวัย 70 ด้วยการวางยาในไวน์เชอร์รี่ ลัมบรินี่ (เป็นเครื่องดื่มที่เด็กวัยรุ่นนิยมเพราะทำให้เมาได้ในราคาไม่แพง)

ในปี 2013 แจ็กเกอลีนพยายามจะฆ่าสามีถึงสองครั้ง ครั้งแรกในเดือนตุลาคม ครั้งที่สองในเดือนธันวาคม

การวางยาเมื่อเดือนธันวาคม ดักกลาสถูกหามส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิต จากการตรวจพิสูจน์ หมอพบว่ามีสารที่ทำให้น้ำไม่แข็งตัวเป็นน้ำแข็งอยู่ในกระเพาะของเขา

“เมื่อหมอเอาผลตรวจพิสูจน์ไปแจ้งให้แจ็กเกอลีนทราบ แจ็กเกอลีนบอกหมอว่าดักกลาสอาจจะหยิบน้ำยาดังกล่าวมาดื่ม โดยไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้” ตำรวจแถลง “มันผิดสังเกตที่เธอไม่บอกข้อมูลนี้ตั้งแต่แรก หมอจึงโทรมาแจ้งตำรวจ”

แต่ “สิ่งที่น่าจะน่าตกใจที่สุดก็คือจดหมายลาตายสั้นๆที่เธอเอาให้กับหน่วยกู้ชีพ จดหมายน้อยซึ่งแหม่มอ้างว่าสามีของเธอเป็นคนเขียน อ่านได้ใจความว่าเขาไม่อยากให้ช่วยเขาให้ฟื้นขึ้นมา” ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนแถลง

ทว่าจดหมายน้อยซึ่งถูกปลอมขึ้นมาฉบับนี้สะกดคำว่า dignity (แปลว่าเกียรติยศศักดิ์ศรี อะไรประมาณนั้น)เป็น dignerty (ไม่มีคำแปล) ตำรวจจึงให้แหม่มเขียนคำว่าเกียรติยศศักดิ์ศรีอีกครั้งและอีกครั้ง แต่เธอก็ยังสะกดผิด – เหมี๋ยนเดิม

นอกจากนั้น เมื่อตำรวจเอาโทรศัพท์มือถือของแหม่มและของแคทเธอลีน (นามสมมุติ) บุตรสาววัย 21 ปีของแหม่มกับสามี มาตรวจสอบก็พบว่ามีการโต้ตอบกันไปมาเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดครั้งนี้ ในที่นี้ รวมทั้งข้อความที่แหม่มเขียนว่า “แม่ได้ของที่จะเอาให้เขากินมาแล้ว อ่านแล้วลบด้วย แล้วอย่าบอกใคร โอเคนะ” และ “เขาไม่สบายแล้ว แม่จะเอาให้เขากินอีก ลบข้อความนี้ด้วยนะ”

แคทเธอลีน ลูกสาวของแหม่มถูกพิพากษาจำคุกสามปีหลังจากพบว่าส่งเสริมให้แม่วางยาพิษพ่อ ส่วนแหม่มถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาพยายามฆ่า – โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรังรักรังร้างซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอนของสามีภรรยาคู่นี้

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2013 และตัดสินกันไปเมื่อปลายปีที่แล้ว

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

พ่อค้ายาหัวใส ฉี่รดกางเกง จะให้เฮโรอีนในกระเป๋าละลาย

ความคิดดีแต่ฉี่มันน้อยไป






เมื่อวานเป็นเรื่องของหนุ่มเดินยาที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กไปบอกเพื่อนๆไม่ให้โทรมาหาตน

วันนี้ถึงตาของเวสลี่ย์ ออสเตรย์ อายุ 42 ซึ่งถูกตำรวจปลอมตัวเข้าไปล่อซื้อเฮโรอินเมื่อวันอังคารที่แล้วตามปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดในเมืองสแกนตัน – เหตุเกิดที่เมืองสแกนตัน เพนซิลวาเนีย

ตำรวจเปิดเผยเวสลีย์ขัดขืนการจับกุมจนพวกเขาต้องใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าจึงปราบลงได้

ตำรวจเสริมว่าพอถูกจับ เวสลีย์ก็เริ่มฉี่รดกางเกง โดยหวังว่ามันจะละลายยาในกระเป๋า แต่เขาทำไม่สำเร็จ เพราะตำรวจพบเฮโรอีนหลายบิ๊ก พบโคเคนสี่หลอดและพบเงินสดอีก 3000 ดอลลาร์ในตัวของเขา

เขาถูกส่งไปขังที่แลคคาวานนาเมื่อวันพฤหัสและยังไม่มีใครมาประกันตัว

อ่านข่าวเมื่อวานกับวันนี้แล้วคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ตำรวจไล่จับพวกที่ตั้งวงเล่นไพ่กันนะ เพราะขาไพ่จะหนีกันกระเจิง ใครคิดอะไรออกก็ทำกันไป

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มเดินยา ทำโทรศัพท์หลุดมือขณะวิ่งหนีตำรวจ โพสต์ข้อความไปบอกเพื่อนว่า “อย่าโทรมาหาชั้น”

ใช้เฟซบุ๊กก็ดียังงี้แหละ





ผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติด ซึ่งทำโทรศัพท์หลุดมือในขณะวิ่งหนีตำรวจ ใช้เฟซบุ๊กเตือนเพื่อนๆว่าอย่าโทรไปหาเขา – เหตุเกิดที่เมืองสแกนตัน เพนซิลเวเนีย

ตำรวจเมืองแลคคาวานนา เคาน์ตี้เปิดเผยว่า – เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา - ในขณะที่พวกเขากำลังทำการล่อซื้อเฮโรอีนและโคเคน เจมส์ ลี ฮ็อกกิ้น อายุ 25 ปีชาวเมืองสแกนตันวิ่งหนีการจับกุม

ตำรวจตามเขาไปจนถึงอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง หญิงสาวซึ่งเป็นเจ้าของห้องและรู้จักกับเจมส์ยินยอมให้พวกเขาเข้าไปตรวจค้น

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ตำรวจก็เจอเจมส์อยู่ในห้องชั้นล่าง เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งกำลังเปิดใช้    เฟซบุ๊ก

ตำรวจกล่าวว่าเจมส์โพสต์ข้อความไปบอกเพื่อนๆว่าเขาจะเลิกใช้เฟซบุ๊กชั่วคราว และบอกเพื่อนๆว่าอย่าโทรมาหาเขาที่โทรศัพท์มือถือจนกว่าเขาจะบอกอีกครั้ง

ขณะนี้ทางการยังไม่ได้จัดหาทนายให้เจมส์แต่อย่างใด

(เฟซไปบอกแบบนี้ คิดว่าเพื่อนจะรอดเหรอ)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มลั่นกระสุนใส่ภรรยาสองครั้งในสองปี

รักต้องยิง 


รูปแทน



รักต้องยิง หนุ่มยิงเมียสองครั้งในสองปีเพราะเธอต้องการหย่าขาดจากเขา

ในเวลาแค่สองปี เฟย์ซี่ บี (นามสมมุติ) วัย 40 สาดกระสุนใส่ภรรยา เซมีเย เอส(นามสมมุติ) อายุ 35 ไปแล้วสองครั้ง

เหตุเกิดในเมืองบูร์ซา (เมืองบูร์ซาตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศตุรกี ห่างจากชายฝั่งทะเลมาร์มะราไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 21 กม)

ตามข่าว พอยิงเสร็จ เฟย์ซี่ ก็ขับรถหลบหนีไป  ส่วนเซมีเย บาดเจ็บสาหัส อาการเข้าขั้นวิกฤตเพราะถูกยิงเข้าที่ขาและเข่า 6 นัด

สามีภรรยาคู่นี้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการเมื่อเก้าปีที่แล้วๆมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ตอนนี้เด็กอายุ 5 ขวบแล้ว

แต่ตลอดระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมา ทั้งคู่ระหองระแหงกันและทะเลาะกันตลอด

ในตอนเช้าของวันที่เกิดเหตุ เซมีเย คุยกับสามีทางโทรศัพท์ว่าเธอต้องการจะหย่าขาดจากเขา ต่อมาในวันเดียวกัน – ในขณะที่เธอกำลังออกจากบ้าน จะไปทำงาน - สามีของเธอก็ขับรถมาจอดเทียบแล้วบอกว่าจะขับไปส่ง

ในขณะที่อยู่บนรถ ทั้งคู่ก็เริ่มทะเลาะกันอีกครั้งเมื่อเริ่มคุยกันถึงเรื่องหย่า เฟย์ซี่จึงขับรถไปที่เขื่อนใกล้ๆ

เมื่อทั้งคู่ลงจากรถ เฟย์ซี่จึงชักปืนออกมากระหน่ำยิงเซมีเย 6 นัด

เซมีเยล้มฟุบลง ส่วนเฟย์ซี่ กลับขึ้นรถแล้วขับหลบหนีไป

ตำรวจเปิดเผยในภายหลังว่าเมื่อสองปีที่แล้ว เฟย์ซี่ก็ยิงภรรยามาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากพ้นโทษออกมา ศาลก็ยังสั่งไม่ให้เขาเข้าใกล้บ้านที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยกัน

หลังเกิดเหตุ ภาพของเฟย์ซี่กำลังยืนถือปืนไรเฟิลก็โผล่ขึ้นมาบนโลกโซเซียล

ตามข่าว ขณะนี้ตำรวจก็ยังควานหาตัวเฟย์ซี่อยู่

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

คนไข้เมาไนตรัส ออกไซค์ เผลอยิงตัวเอง

เหล้าหรือยา เวลาเมาก็มีพฤติกรรมคล้ายๆกัน 



รูปแทน



ทุกครั้งที่คุณตาเจมส์ ไวท์ อายุ 72 จากเมืองนิว คาร์ลิเซิลไปหาหมอฟันมันไม่เคยมีปัญหา

แต่วันนี้ - หลังจากคุณตาดมแก๊สไนตรัส ออกไซค์เข้าไป – คุณตาคิดว่ามีคนโทรศัพท์ไปหา

(ไนตรัส ออกไซค์ หรือแก๊สหัวเราะถูกนำไปใช้ในทางทันตกรรม เพื่อทำให้ชาและระงับปวด ส่านในวงการแข่งรถ มันถูกนำไปใช้เพื่อบูทส์เครื่อง ทำให้เครื่องแรงขึ้นด้วย (เวลาดูหนังแข่งรถ เราจะเห็นเขาเปิดใช้กันเป็นประจำ))

คุณตาเอื้อมมือไปล้วงกระเป๋า จะเอาโทรศัพท์ออกมา

แต่สิ่งที่คุณตาเอาออกมากลับเป็นปืน

แล้วคุณตา – ซึ่งตอนนั้นกำลังเมายาและกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำฟัน – ก็ยิงเปรี้ยง ลูกปืนทะลุมือและเฉี่ยวพุงคุณตาไปอย่างน่าหวาดเสียว

คุณตาถูกพาตัวไปส่งโรงพยาบาลทันที โชคดีที่ไม่มีคนอื่นถูกลูกหลงไปด้วย

คุณตาบอกกับตำรวจในเวลาต่อมาว่าคุณตาคิดว่าได้ยินเสียงกริ๊งๆจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์

สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งหนึ่งเอาเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ของพนักงานในคลินิกที่โทรไปแจ้ง 911 มาออกอากาศ

“มีคนไข้ทำปืนลั่นยิงตัวเองห่ะ”

“โอ!...” 911 แปลกใจ

ถึงแม้คลินิกจะไม่ได้ติดประกาศ ห้ามไม่ให้พกพาอาวุธเข้าไป และคุณตาก็มีใบอนุญาตให้พกปืน แต่คุณตาอาจถูกตั้งข้อหายิงปืนในขณะกำลังมึนเมา แต่ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหาคุณตาแต่อย่างใด

คนที่ได้ยินข่าวจำนวนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโง่ๆมากกว่าจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

“ถ้าคุณคิดว่าหมอจะให้คุณดมยา คุณก็ควรคิดให้ดีเสียก่อนๆจะพกปืนเข้าไปในคลินิก” คนที่อยู่บ้านติดกับคลินิกบอกนักข่าว

ตำรวจเห็นด้วยกับความคิดเห็นดังกล่าวและเสริมว่า “คิดถึงความปลอดภัยของคุณเองและของคนอื่นให้ดีเสียก่อน”

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มวัยรุ่นขโมยหนังสือพิมพ์เพื่อเอาคูปอง

วัยรุ่นหัวใสขโมยหนังสือพิมพ์




หนุ่มเพนซิเวาเนียถูกจับเพราะขโมยหนังสือพิมพ์ รวมๆแล้วเป็นเงินเกือบ 1000 ดอลลาร์เพื่อเอาคูปอง

เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ดีออน ไชเรอร์ อายุ 25 ปีถูกตำรวจเมืองแปเปอร์ แม็คกันจี้ ทาวน์ชิพจับข้อหาขโมยหนังสือพิมพ์ จำนวนประมาณ 160 ห่อเพื่อเอาไปขายให้กับพ่อค้าที่ตัดคูปองไปขายทีละมากๆในแถบนี้

ตำรวจเปิดเผยว่าสำนักข่าวสูญเสียเงินไปจากการนี้ 965 ดอลลาร์


ขณะรายงานข่าว ยังไม่แน่ชัดว่าดีออน มีทนายแล้วหรือไม่ และตำรวจก็ยังไม่ระบุตัวของพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อหนังสือพิมพ์

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มนักซิ่งขับรถชนอูฐบนถนนในอลาบามา

อูฐไม่ได้ตัวเล็กๆแล้วข่าวก็บอกว่าเป็นตอนเย็น แต่ทำไมคนขับไม่เห็น?



รูปแทน


อลาบามาไม่ได้อยู่ใกล้ทะเลทรายเลยสักหน่อย แต่นักขับวัยรุ่นคนหนึ่งก็ขับรถชนอูฐจนได้ งานนี้ทำให้ทั้งคนทั้งอูฐบาดเจ็บไปตามๆกัน  - เหตุเกิดที่เมืองซาดีส รัฐอลาบามา

เจมส์ ฮาร์ฟ ผู้กำกับของโรงพักเมืองซาดีส บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเหตุการณ์นี้เกิดเมื่อเย็นวันจันทร์ในขณะที่ เจ้าของอูฐกำลังพาอูฐเดินข้ามถนน

ผู้กำกับกล่าวต่อไปว่า เทอร์รี่ เติร์ก -  เจ้าของอูฐ – พยายามโบกไม้โบกมือเพื่อให้คนขับเห็นก่อนที่จะกระโดดหลบเมื่อรถพุ่งเข้าใส่

รถพุ่งเข้าชนอูฐอย่างแรงจนมันลอยขึ้นไปบนกระโปรงรถและกระแทกกับกระจกหน้าอย่างจัง  กระจกหน้ารถแตก เศษกระจกกระเด็นมาโดยคนขับ

คนขับถูกกระจกบาดหลายแห่งและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ส่วนอูฐบาดเจ็บสาหัสจนสัตวแพทย์ต้องฉีดยาให้ตายอย่างสงบ

ผู้กำกับเสริมว่าเจ้าของอูฐเป็นเจ้าของเติร์ก บานา บัคส์ ซึ่งทำธุรกิจเพาะพันธุ์กวาง นอกจากนั้นในฟาร์มก็ยังมีจิงโจ้และกวางมูสด้วย

(อูฐตัวนี้คิดว่าตัวเองเป็นม้าลายหรือไง ถึงได้คิดว่าบนถนนจะมีทางของตน)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

(ใครที่ไม่ได้อ่านข่าวเมื่อวาน ไปอ่านได้ในบล็อคครับเพราะแชร์ทางเฟซแล้วไม่ไป)

สาวน้อยฟ้องบุพการีโทษฐานเอารูปของเธอไปลงในเฟซบุ๊ก

เด็กสาวฟ้องพ่อแม่ที่เอารูปของเธอไปลงในเฟซบุ๊กโดยไม่ได้รับอนุญาต




รูปแทน


สาวน้อยวัย 18 ปีจากออสเตรียฟ้องพ่อแม่ฐานเอารูปกว่า 500 รูปของเธอไปลงในเฟซบุ๊กตั้งแต่ปี 2009 โดยที่เธอไม่ได้อนุญาต

สาวน้อยคนนี้มีชื่อสมมุติว่า แอนนา ไมเออร์ จากรัฐคารินเทียในออสเตรีย -  แมกกาซีนข่าวในท้องถิ่นตั้งชื่อสมมุติให้เธอเพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลตามกฎหมายของออสเตรีย

แอนนาดูเหมือนจะทนไม่ไหวแล้วที่พ่อแม่ไม่ยอมลบรูปส่วนตั๊วส่วนตัวและรูปน่าอายของเธอออกจาก   เฟซบุ๊ก โดยพ่อของเธอเอารูปเหล่านี้มาลงตั้งแต่สมัยที่เธอยังแบเบาะ เธอจึงฟ้องศาลเสียเลย

เธอบอกกับแมกกาซีนข่าวฉบับนี้ว่า พ่อแม่ของเธอเริ่มเอารูปของเธอไปลงในเฟซบุ๊ก – ให้เพื่อนหลายร้อยคนดู - ตั้งแต่เธออายุ 11 ขวบ พวกท่านถึงกับเอารูปที่เธอยังเป็นเด็กแบเบาะไปลง โดยไม่ถามว่าเธอโอเคกับมันไหม

“พวกท่านไม่รู้จักอาย ไม่มีขอบเขต และไม่สนใจว่าจะเป็นรูปตอนที่หนูนั่งอยู่บนกระโถนหรือนอนแก้ผ้าอยู่ในเปล พวกท่านถ่ายรูปหนูในทุกช่วงชีวิตแล้วเอามาโพสต์ให้คนดู” สาวน้อยที่เป็นเจ้าทุกข์กล่าว

แอนนากล่าวต่อไปว่า หลังจากสมัครเป็นสมาชิกของเฟซบุ๊กตอนอายุ 14 เธอก็เห็นรูปของเธอในแอค เคาน์ของพ่อแม่ เธอทั้งเสียใจทั้งโมโห จึงขอให้พ่อแม่ลบรูปเหล่านั้นทิ้ง - ซึ่งมีมากกว่า 500 รูป - แต่พ่อแม่ของเธอไม่ยอม

แอนนาขอร้องพ่อแม่ต่อมาอีกเป็นปีๆ แต่ได้รับการปฏิเสธ จนเธอรู้สึกว่าคงไม่มีทางใดบังคับให้พวกท่านทำตามที่เธอขอได้นอกจากจะไปฟ้องศาล ดังนั้นเมื่อเธออายุครบ 18 เธอจึงฟ้องทันที

“หนูทนไม่ไหวแล้วที่พ่อแม่ไม่ฟังหนูอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที” เธอกล่าว

ทนายของแอนนากล่าวว่าแอนนามีโอกาสชนะในศาลสูงมากถ้าพวกเขาพิสูจน์ได้ว่ารูปภาพเหล่านั้นละเมิดสิทธิส่วนตัวของเธอ

ศาลจะเริ่มพิจารณาคดีนี้ในเดือนพฤศจิกายน ที่จะถึงนี้

คดีลักษณะนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในออสเตรีย  ตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิส่วนบุคคลของออสเตรียและจากคำพิพากษาในคดีคล้ายๆกันในอดีต  ถ้าผู้ปกครองแพ้พวกเขาอาจต้องจ่ายสินไหมทดแทนก้อนโตให้กับลูกสาวและเสียค่าปรับอีก 3000 ถึง 10000 ยูโร

ถึงแม้แอนนาจะเชื่อมั่นว่าสิทธิส่วนบุคคลของเธอถูกละเมิด แต่พ่อแม่ของเธอกลับไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาเห็นว่าไม่มีอะไรผิดที่เอารูปตอนเป็นเด็กของเธอไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก “ผมเห็นว่ามันเป็นสิทธิของผมที่จะเอารูปพวกนี้ไปลง” พ่อของแอนนากล่าว “ยังไงเสีย เธอก็เป็นลูกของเรา รูปภาพเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้มที่น่ารักของครอบครัว มันเป็นอัลบั้มที่ได้รับแรงเชียร์แรงใจจากเพื่อนๆในเฟซอย่างอบอุ่น แต่ตอนนี้ เราเลิกเอารูปของเธอมาลงแล้ว แต่เพื่อนในกลุ่มเพื่อนสนิท – ประมาณ 700 คน – ยังสามารถดูรูปตอนเด็กๆของเธอได้”

ตามข่าว ตอนนี้แอนนาย้ายออกจากบ้าน ไปอยู่อพาร์ตเมนต์กับเพื่อนๆผู้หญิงของเธอแล้ว

จากออสเตรีย ข้ามพรมแดนต่อไปเยอรมนี...

เมื่อไม่นานมานี้บริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งในเยอรมนีเปิดแถลงข่าว ตักเตือนผู้ปกครองของเด็กไม่ให้เอารูปของเด็กไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กโดยที่เด็กไม่ยินยอม เพราะพวกเขาอาจต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับเด็ก และอาจทำให้เด็ก – ที่ยังอยู่ในวัยเรียน  –  กลายเป็นเป้าของการกลั่นแกล้ง รังแก ด้วยเรื่องไม่ดีสารพัดจากบรรดานักเลงคีย์บอร์ดในโลกไซเบอร์

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

(มีปัญหาในการแชร์ทางเฟซบุ๊กอีกแล้วครับ ถ้าใครได้รับ ก็แชร์ให้ด้วย)

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มขโมยของแล้วเดินหนีเพราะรถติดไฟ

หนุ่มขโมยของในห้างแล้วเดินหนี



รูปแทน



น่าเวทนา…

หนุ่มวัยรุ่นในเมืองซีออน รัฐอิลลินอยส์ถูกกล้องวงจรปิดจับได้ว่าหยิบเครื่องใช้ไฟฟ้าใส่รถเข็นแล้วเดินออกมาจากห้างวอลมาร์ทโดยไม่จ่ายเงิน (ก็ขโมยนั่นแหละครับ) พนักงานของห้างจึงตามออกมา

เห็นท่าไม่ได้การ เขาจึงทิ้งของแล้วรีบหนีไป

ต่อมาตำรวจจับชายคนหนึ่งได้ในขณะที่เขาเดินอยู่บนถนน ชายคนนี้มีนามกรตามท้องเรื่องว่าเช เฮิร์น อายุ 25 ปี

พอจับตัวได้ ตำรวจถามว่า “ไอ้หนุ่ม ทำไมเอ็งถึงเดินเอาละ ทำไมไม่ขับรถ ขับเรือหนี”

หนุ่มเชอึกอักก่อนตอบว่า “รถผมติดไฟครับ”

ตำรวจถาม “ไฟไหม้?”

หนุ่มเชตอบ “ไฟแนนซ์”

ปรากฏว่าหนุ่มเชขับรถมาที่ห้างแต่คนของบริษัทไฟแนนซ์มายกรถของเขาไป

จากการสอบสวน คนจากบริษัทไฟแนนซ์ตามเชมาที่ห้างแล้วยกรถของเขาไปในขณะที่เขาเข้าไปข้างใน ทำให้เขาไม่มีทางเลือก จึงต้องเดิน

(ข่าวนี้เป็นข่าวที่แปลกที่สุดข่าวหนึ่งของปีที่แล้ว)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

ธนบัตรรุ่นใหม่ของอังกฤษเป็นพลาสติก

เงินพลาสติก






ธนบัตรรุ่นใหม่ของอังกฤษเป็นพลาสติก ง่ายต่อการซักล้าง (ด้วยเครื่องซักผ้า)

ได้เวลาเปลี่ยนแปลง  –  ธนบัตรรุ่นใหม่ของอังกฤษจึงเป็นพลาสติก

ธนบัตรฉบับละ 5 ปอนด์ ใหม่ที่ถูกนำออกมาใช้เมื่อวันอังคารทำจากสารโพลีเมอร์ ซึ่งสามารถสามารถเข้าเครื่องซักผ้าได้โดยไม่ขาดเหมือนธนบัตรกระดาษที่มันเข้ามาทดแทน

ธนบัตรรุ่นนี้จะมีคุณสมบัติใหม่ล่าสุดเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการปลอมแปลง นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ของแบงก์ ออฟ บริเทนก็ยังออกมารับประกันว่ามันจะสะอาดกว่า ปลอดภัยกว่าและทนทานกว่าธนบัตรกระดาษ

ยัง...ยังไม่หมด ธนบัตรใหม่นี้จะมีรูปของเซอร์ วินส์ตัน เชอร์ชิล วีรบุรุษในยุคสงคราม ซึ่งคนอังกฤษให้ความเคารพยกย่องมากที่สุดคนหนึ่ง

ธนบัตรใหม่จำนวน 440 ล้านปอนด์จะถูกนำออกมาใช้หมุนเวียนในตลาด ก่อนที่ธนบัตร(พลาสติก) ฉบับละ 10 และ 20 ปอนด์จะถูกนำออกมาใช้ในปีหน้า

ธนบัตรกระดาษรุ่นเก่าจะถูกใช้ไปจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม

เรื่องนี้คงไม่แปลกสำหรับคนในแวดวงการเงินการธนาคาร แต่เราๆท่านๆคงเพิ่งรู้ ที่นำมาให้อ่าน ก็เพราะเมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวการจับกุมคนลักลอบขนธนบัตรฉบับละ 1 ล้านและ 100 ล้านดอลลาร์ได้ที่หนองคาย (อันนี้ล่ะปลอมแน่)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

ชาวบ้านต่อต้านการปลูกต้นไม้

ไม่เอาต้นไม้เพราะกลัวโจร





ชาวบ้านต่อต้านความพยายามที่จะปลูกต้นไม้ให้มากขึ้นของสำนักผังเมืองเพราะกลัวว่ามันจะทำให้อาชญากรรมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด – เหตุเกิดที่เมืองคาลการี่ ประเทศแคนาดา

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่มีแผนที่จะเอากล้าไม้ 15 ต้นไปปลูกในสวนสาธารณะเล็กๆแห่งหนึ่งในเมือง แต่พวกเขาต้องถอยกรูดหลังจากปลูกไปได้แปดต้นเพราะเจอกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่อยู่ในละแวกนั้น

เอเลน เบอเกรส (นามสมมุติ)กล่าว “ถ้าคุณทำที่ซ่อนให้คนมากขึ้น พวกเขาก็จะทำเรื่องเลวๆมากขึ้น” เอเลนเดินไปเคาะประตูบ้านของเพื่อนบ้านในละแวกนั้นเพื่อขอให้สนับสนุนโครงการต่อต้านการปลูกต้นไม้ของเธอ

“คนพวกนั้นใช้สวนสาธารณะของเราเป็นที่ขับถ่าย” ชาวบ้านคนหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าว ในขณะที่เอเลนบอกว่าเธอเจอบ้องกัญชาและสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาอื่นๆในพุ่มไม้มืดๆ

การต่อต้านต้นไม้  -  เพราะกลัวโจรและอาชญากรอื่นๆจะมาใช้เป็นที่ซ่อน - ฟังดูตลก (และกลายเป็นเรื่องตลกโปกฮาในโซเซียลไปแล้ว) แต่ความกลัวของชาวบ้านเหล่านี้ไม่ใช่ไม่มีที่มาที่ไป เพราะชาวบ้านในเมืองบางเมืองที่อยู่ในอเมริกาเหนือ (เป็นบางเมืองที่กระจายอยู่ในอเมริกาเหนือ) ก็คิดว่าการมีต้นไม้มากขึ้นก็จะมีอาชญากรรมมากขึ้นเช่นกัน

“แนวความคิดที่ว่าอาชญากรรมกับต้นไม้เดินเคียงคู่กันมา มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง จากภาควิชาการวางผังเมืองของมหาวิทยาลัย ในมอนทรีออลกล่าว “คนกลัวว่าต้นไม้ใบหญ้าในเมืองจะเป็นที่ซ่อนของพวกขโมยขโจร”

“ความน่ากลัวไม่ได้อยู่หลังพุ่มไม้อย่างเดียว แต่ต้นไม้พุ่มไม้บดบังสายตา ด้วยเหตุนี้ การเอาต้นไม้และพุ่มไม้ออกไปจึงเป็นยุทธศาสตร์ในการลดอาชญากรรม – โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชั้นในของเมือง – มาตลอด”

การกลัวต้นไม้จะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม แต่พื้นที่สีเขียวในเมืองไม่เพียงแต่จะทำให้เมืองเย็นลง ร่มรื่นขึ้น ตลอดจนมีอากาศที่บริสุทธิ์ขึ้นเท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว มันยังช่วยลดอาชญากรรมได้อีกด้วย

งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารชื่อ การวางผังเมืองและภูมิทัศน์ของเมือง ในปี 2013 พบว่าพื้นที่ของเมืองที่มีพฤกษชาติที่มีการดูแลอย่างดีมีคดีจี้ปล้น (ไม่รวมชกชิงวิ่งราว)และ ทำร้ายร่างกายน้อยกว่าที่อื่นๆ

อย่างไรก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นที่เมืองคาลการี่ จุดประกายให้เห็นความสำคัญของการรับฟังความเห็นของประชาชน ผู้ช่วยศาสตราจารย์เดวิดกล่าว (เจ้าหน้าที่ในคาลการี่กล่าวว่าพวกเขาเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนก่อนปลูกแล้ว) หลังจากต้องหยุดการปลูกไปพักหนึ่ง สำนักผังเมืองก็เตรียมจะปลูกต้นไม้ต่อไปให้เสร็จ

ความจริง ถ้าคนในคาลการี่ กลัวโจรที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ พวกเขาก็ควรปลูกต้นไม้ให้มากขึ้นแล้วทำให้มันเป็นพื้นที่สีเขียวสวยๆ เพื่อดึงดูดคนให้มาที่สวนให้มากขึ้น

“พื้นที่สาธารณะที่มีพฤกษชาติหลากหลายชนิดมักจะมีคนมาใช้กันมาก” ผช.ศาสตราจารย์เดวิดกล่าว

“ถ้าคิดถึงปัจจัยที่จะทำให้สภาพแวดล้อมมีความปลอดภัย ปัจจัยหนึ่งก็คือการให้มีคนออกมาใช้กันอย่างพลุกพล่าน”

เพราะการมีคนพลุกพล่านจะทำให้อาชญากรรมน้อยลง หรือจะให้เข้าใจง่าย ก็คือโจรไม่ชอบที่ๆมีคนพลุกพล่าน (ถ้าไม่เข้าตาจน)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มแคนซัสปล้นแบงก์เพราะไม่อยากกลับบ้าน

ได้เข้าคุกสมใจ  - คุณตาชาวแคนซัสปล้นแบงก์เพื่อหนีออกจากบ้าน 






“ชาตินี้ที่รัก เราคง รักกันไม่ได้...” 
(เพลง:ที่รัก เราคงรักกันไม่ได้/ ศิลปิน: เรียม ดาราน้อย)

คุณตาชาวแคนซัสปล้นธนาคารเพื่อเข้าคุก จะได้ไม่ต้องเจอะเจอกับภรรยาอีก – เหตุเกิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

“ไม่ไหวแล้วโว้ย ไปอยู่ในคุกเสียยังดีกว่ากลับมาอยู่บ้าน” ลอเรนซ์ จอห์น  ริปเปิล วัย 70 บอกภรรยา หลังจากทะเลาะกันเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

แล้วลอเรนซ์ก็ทำตามคำขู่...

เขาเขียนโน้ตว่ามีปืนใส่กระดาษแผ่นหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในธนาคารในแคนซัส ซิตี้

“ฉันมีปืน เอาเงินมา” เขาบอกเจ้าหน้าที่รับฝากเงิน

เจ้าหน้าที่เอาเงินให้เขาเกือบ 3000 ดอลลาร์

พอได้เงิน ลอเรนซ์กลับไม่ได้หลบหนีไปไหน เขาเดินอย่างสบายอารมณ์ไปนั่งบนเก้าอี้สำหรับลูกค้าแล้วบอกกับรปภ.ว่าเขาเพิ่งปล้นแบงก์

เขาถูกจับโดยไม่มีการขัดขืนและให้ธนาคารเอาเงินคืนไป

ในการพิจารณาคดี ไม่มีการเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้เขาทะเลาะกับภรรยา

ขณะนี้เขาถูกส่งตัวไปอยู่ในคุกในลีเวนเวิร์ท ในรัฐแคนซัสสมใจแล้ว

จากวันเกิดเหตุจนถึงวันนี้  ผู้สื่อข่าวก็ยังไม่สามารถติดต่อภรรยาของลอเรนซ์ได้

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มติสต์แตกทุบกิ๊กเพราะไม่ยอมให้สัก

ของยังงี้ บางคนชอบ บางคนก็ไม่ชอบ



รูปแทน



หนุ่มไอโอวาใช้ค้อนทุบแฟนเพราะเธอไม่ยอมให้เขาสักชื่อบนเนินอกของเธอ

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเมืองซีอุ๊ค ซีตี้รายงานว่า โจนาธาน ไมเคิล โบ๊ก อายุ 28 ปีถูกจับข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัวและจงใจใช้อาวุธ

ตำรวจเปิดเผยว่าไมเคิลกับเหยื่อสาวคบกันมาเกือบหนึ่งเดือน แล้วเมื่อวันศุกร์ต้นเดือนที่ผ่านมา เขาก็อ้อนจะขอสักชื่อของเขาบนเนินอกของเธอ

“เค้าขอสักชื่อเอาไว้บนอกของตัวเองนะ ใครๆจะได้รู้ว่าเรารักกัน” ไมเคิลขอเหยื่อสาว

“ไม่เอา รักกันด้วยใจ ไม่ต้องตีตราเอาไว้หรอก” เธอไม่เอาด้วย

คนทั้งสองก็เลยมีปากเสียงกัน เหยื่อสาวไม่อยากมีเรื่อง จึงจะกลับบ้าน

แต่ไมเคิลไม่ให้กลับ และขู่ว่าจะเอาค้อนทุบเธอให้ตาย

ตอนแรกเธอคิดว่าเขาคงไม่เอาจริง แต่เขาเอาค้อนไล่ทุบเธอจริงๆ

เรื่องนี้ไม่พ้นมือตำรวจ เมื่อวันอังคารสัปดาห์ที่แล้ว ไมเคิลจึงต้องระเห็ดเข้าไปอยู่ในคุก โดยตำรวจตั้งเงินประกันไว้ 10000 ดอลลาร์

ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อกับทนายของเขาเพื่อขอความเห็นแต่ติดต่อไม่ได้

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

ประหยัดน้ำชักโครก

ชักโครก - จุดเล็กๆในการประหยัดน้ำ







นักศึกษาจีนต้องจ่ายค่าน้ำเพิ่มถ้ากดชักโครกเกินโควต้า

วิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองจีนพยายามจะหยุดการใช้น้ำชักโครกมากเกินไปด้วยการให้บัตรอีเลคโทรนิคส์กับนักศึกษา บัตรนี้จะใช้เพื่อผ่านเข้าไปใช้ห้องน้ำในวิทยาลัย

นักศึกษาทุกคนในวิทยาลัยวิชาชีพแห่งหนึ่งในคุนหมิง มณฑลยูนาน ถูกกำหนดให้ใช้น้ำได้เดือนละ 3000 ลิตร น้ำจำนวนนี้จะถูกใส่ลงไปในบัตรซึ่งต้องใช้รูดเพื่อใช้ห้องน้ำ ถ้าพวกเขากดน้ำกันเพลิน จนเกินโควต้า พวกเขาจะต้องเติมเงินซื้อน้ำเพิ่ม แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องซื้อเพิ่มเท่าไหร่  

ยูนานต้องทนกับวิกฤตภัยแล้งซ้ำซากในเวลาหลายๆปีที่ผ่านมา ในปี 2013 หนังสือพิมพ์รายงานว่าปริมาณฝนตกที่เปลี่ยนไปทำให้เกิดปัญหาภัยแล้ง นักกาลวิทยากล่าวว่าสถานการณ์อาจจะรุนแรงกว่านี้ในอีก 20 ปีข้างหน้า  

อาจารย์ท่านหนึ่งของวิทยาลัยบอกกับนักข่าวว่าน้ำที่แบ่งสันปันส่วนให้นักศึกษา “มากเกินพอ” ที่จะใช้ในแต่ละวัน และระบบใหม่นี้จะกระตุ้นให้นักศึกษาประหยัดน้ำ

แต่ระบบใหม่นี้ก็ “ทำให้ความวิตกกังวลแพร่กระจายออกไป” ดังจะเห็นได้จากคอมเมนต์ในเหวยโบ (อินเตอร์เน็ตของจีน)

คนจำนวนหนึ่งช็อคกับความคิดเช่นนี้ คนเหล่านี้คิดว่ามันเป็นการเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งรู้สึกว่ามันมีเหตุผลเมื่อคำนึกถึงสภาวะขาดน้ำ  

ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนเป็นห่วงว่าระบบโควต้าจะทำให้เกิดปัญหา “กลิ่น” ตลบอบอวล” มีใครคนหนึ่งถามว่า “ระบบนี้จะกระตุ้นให้นักศึกษาไม่กดชักโครกหรือเปล่า?” และมีอีกหลายคนถามว่า “มหาวิทยาลัยจะทำยังไงถ้ากลิ่นกลายเป็นปัญหาขึ้นมา”

(ส้วมในจีนส่วนใหญ่จะเป็นส้วมนั่งยองซึ่งใช้น้ำน้อยอยู่แล้ว)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่                                                                                                                        

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

ประกวดธิดาสะโพกดินระเบิด

บูร์กินาฟาโซ  แบนการประกวดสาวสะโพกดินระเบิด





รัฐบาลประเทศบูร์กินาฟาโซ (เป็นประเทศหนึ่งในแอฟริกาตะวันตก มีประชากรประมาณ 15 ล้านคน) สั่งห้าม ไม่ให้มีการประกวดธิดาสะโพกดินระเบิด โดยให้เหตุผลว่าการประกวดดังกล่าวเป็นการกดขี่ทางเพศ – เหตุเกิดเมื่อปลายเดือนที่แล้ว

โฆษณาชิ้นที่สาม -  เพื่อชวนเชิญให้สาวที่มีก้นใหญ่เข้าประกวด “ธิดาบิม บิม” – เป็นรูปของหญิงสาวสองคน ในเครื่องแต่งกายที่มิดชิด และมีสะโพกใหญ่สุดเสียงสังข์

โฆษณาชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ออกมาสู่สาธารณะชนเมื่อปลายเดือนที่แล้วทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงในโลกโซเซียล

รางวัลในการประกวดครั้งนี้คือ รางวัลที่หนึ่ง: รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงหนึ่งคัน รางวัลที่สอง: โทรทัศน์จอแบนแอลซีดีหนึ่งเครื่อง นอกจากนั้น ผู้หญิง 40 คนแรกที่ไปถึงงาน จะได้เข้าไปในงานฟรี

รัฐมนตรี ซึ่งสั่งห้ามการประกวดระบุว่า “หน้าที่ของเราก็คือทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ภาพพจน์ของผู้หญิงเสียหาย” ท่านรัฐมนตรียังเสริมอีกว่าเสียงตำหนิติเตียนในโซเซียล มีเดียก็มีส่วนทำให้เธอตัดสินใจเช่นนี้

ผู้จัดงานซึ่งเป็นผู้ชายกล่าวว่าการประกวดครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะโปรโมทเรือนร่างของสัตรีแอฟริกันในเชิงบวกและเพื่อกระตุ้นให้นักออกแบบแฟชั่นหันมาใช้เครื่องแต่งกายของคนแอฟริกันให้มากขึ้น

การประกวดธิดาสะโพกดินระเบิดถูกจัดขึ้นในหลายๆประเทศในแอฟริกาตะวันตก

อ่านข่าวแปลกที่เป็นประจำที่นี่


วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มเกาหลีติดคุกเพราะจับโจร

ราวตากผ้าเป็นอาวุธร้ายแรง?






นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบสองปีที่แล้วแต่เห็นว่าแปลกดีเลยเอามาให้อ่านครับ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 เวลา 03.00 น.

หลังจากไปเที่ยวกับเพื่อนจนถึงเช้าของวันดังกล่าว หนุ่มชอย (นามสมมุติ) ก็กลับมาถึงบ้าน ในเมืองวงจู จังหวัดกังวง ทางเหนือของกรุงโซล

พอมาถึงบ้าน  ชอยก็เห็นขโมยกำลังรื้อค้น หาของมีค่าในลิ้นชักในห้องนั่งเล่น

ชอยรู้ว่าปู่กับย่าอยู่บ้าน แต่ไม่แน่ใจว่าแม่อยู่หรือเปล่า เขาจึงตัดสินใจจับขโมยเอง

เมื่อจัดการกับขโมยได้แล้ว ชอยก็โทรไปแจ้งตำรวจ ขโมยคนนี้ชื่อคิม (นามสมมุติ)อายุอานามก็ปาเข้าไป 50 ปีเข้าไปแล้ว

การจับขโมยถือเป็นเรื่องที่ดีแต่ปัญหากลับตามมาในภายหลังเพราะขโมยบาดเจ็บ สมองตาย นอนเป็นผักอยู่ในโรงพยาบาล

สาเหตุเพราะตอนพันตูกันในห้องนั่งเล่น ชอยคว้าราวตากผ้าอลูมิเนียมฟาดคิม

ตำรวจจึงตั้งข้อหาชอยว่าทำร้ายร้างกาย แล้วศาลก็ตัดสินจำโทษเขา 18 เดือน

ตอนที่ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวนี้ (เมื่อวันที่  30 ตุลาคม 2557) ชอยติดคุกไปแล้วสองเดือน

พอคนรู้ข่าว หลายคนกล่าวว่าโทษของชอยหนักเกินไป และ ทำไมศาลจึงได้คิดว่าเขาทำผิด

ในตอนแรก คดีนี้เป็นคดีย่องเบาธรรมดา แต่เมื่อเรื่องที่ขโมยสมองตายถูกเปิดเผยออกมา ขโมยจึงกลายเป็นเหยื่อ ส่วนชอย – ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน – กลับกลายเป็นจำเลย

ชอยใช้ราวตากผ้าตีคิมเพื่อจับเขาเพราะรู้ว่าคิมเป็นขโมย ทำให้ตำรวจไม่ตั้งข้อหาพยายามฆ่ากับชอย แต่ตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธร้ายแรง ทำให้ศาลต้องพิจารณาข้อหาทำร้ายร่างกายแทนที่จะพิจารณาข้อหาย่องเบา

คำพิพากษาของศาลระบุว่าศาลพิจารณาว่าการกระทำของชอยรุนแรงกว่าการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว

ศาลพิจารณาว่าเจ้าของบ้าน ซึ่งก็คือชอย เป็นหนุ่มอายุ 20ในขณะที่คิมอายุ 50 แล้ว

สิ่งที่ต่อสู้กันอย่างเผ็ดร้อนในศาลก็คือการพิจาณาว่าราวตากผ้าเป็นอาวุธร้ายแรงหรือไม่

ราวตากผ้าดังกล่าวเป็นราวตากผ้าก๊องแก๊ง หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป แต่การจะมองว่ามันจะเป็นอาวุธร้ายแรงหรือไม่คงไปว่ากันอีกทีในศาลอุทธรณ์

หลังจากเกิดเหตุการณ์ ปู่ของชอยก็เสียชีวิต ส่วนย่า แม่และพี่สาวของเขายังอยู่ด้วยกันในบ้านที่เกิดเหตุ พวกเขาได้ฟังคำตัดสิน และรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรม แต่ก็ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไร

ในปีนั้น ชอยต้องเข้ากรม ไปเป็นทหาร แต่เขากลับต้องไปเข้าห้องขัง

ในการดำเนินคดี รัฐจัดหาทนายให้ชอยทั้งในการต่อสู้ในศาลชั้นต้นและในศาลอุทธรณ์ นั่นแสดงให้เห็นว่าครอบครัวของชอยมีฐานะการเงินไม่ค่อยดี จึงจ้างทนายเองไม่ได้

แต่สิ่งที่ครอบครัวของชอยกังวลก็คือพวกเขาอาจถูกฟ้อง เรียกค่ารักษาพยาบาลของคิมซึ่งยังนอนโคม่าอยู่ในโรงพยาบาลเพราะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกวัน

เมื่อปลายปีนั้น ทุกคนจับตามองว่าหนุ่มวัย 20 ต้นๆจะถูกตัดสินว่าทำร้ายร่างกายหรือตัดสินว่าป้องกันตัว

เสียดายที่วันนี้ (กันยายน 2559)  เราหาข่าวคืบหน้ามาเสนอให้อ่านไม่ได้

(หมายเหตุ: ตอนนี้เรากำลังมีปัญหา อัฟช่าวขึ้นเฟสไม่ได้ ถ้าต้องการอ่านอย่างต่อเนื่อง รบกวนสมัครเป็นผู้ติดตามในบล็อคด้วยครับ)

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

หนูน้อยโทรแจ้ง 911 เมื่อเห็นแม่ล้ม หน้ากระแทกพื้น

หนูน้อยวัย 6 ขวบ กลายเป็นฮีโร่ของหมู่บ้าน หลังจากโทรแจ้ง 911


รูปแทน



หนูน้อยวัย 6 ขวบ กลายเป็นฮีโร่ของหมู่บ้าน หลังจากเห็นแม่หน้ามืดและล้มหน้ากระแทกพื้นต่อหน้าต่อตา

แดเนียล อินคอนโตร วัย 31 ปีกล่าวว่าตอนกำลังท้อง เธอมีอาการเวียนหัวเป็นประจำ แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“วันนั้นฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย” อินคอนโตรบอกกับผู้สื่อข่าว “จำได้ว่าฉันรู้สึกตัวร้อนผ่าวและเวียนหัวมากพร้อมๆกัน” เธอกล่าวว่านั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้

”ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากนั้นประมาณสิบกว่านาทีและพบว่านอนคว่ำอยู่บนพื้น โดยมีพนักงานดับเพลิงและแพทย์ฉุกเฉินอยู่รอบตัว”

“ฉันจำไม่ได้ว่าล้มลงกับพื้นหรือว่าเกิดอะไรขึ้น” เธอกล่าว

โชคดีที่คุณแม่คนนี้ไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว

ซอเยอร์  - ลูกชายวัยหกปีของอินคอนโตร – เรียกแม่ของเขาหลายครั้งก่อนที่จะคว้าโทรศัพท์  โทรแจ้ง 911 เพื่อขอความช่วยเหลือ

911 ส่งคนมาที่บ้านของเธออย่างรวดเร็ว พวกเขาปฐมพยาบาลอินคอนโตรจนได้สติแล้วพาเธอไปส่งโรงพยาบาล

“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาทำอะไรไปบ้าง” อินคอนโตรกล่าว

คืนนั้น อินคอนโตรต้องอยู่ในโรงพยาบาล หมอบอกเธอในเวลาต่อมาว่าเด็กในท้องของเธอปลอดภัย แต่ถ้าลูกชายของเธอไม่ได้แจ้งเหตุในทันที เด็กในท้องก็อาจจะไม่รอด

“มันน่ากลัวจริงๆ ฉันเริ่มปวดท้องมากเพราะรู้สึกเหมือนมดลูกจะไหลออกมา ตอนนั้นเรากลัวจริงๆว่าลูกจะไม่ปลอดภัย” อินคอนโตรบอก “ตอนนี้ เวลาเอามือแตะท้อง มันก็ยังเจ็บๆและตึงๆอยู่ แต่ทุกอย่างก็โอเคแล้ว”

จากการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว คนในชุมชนที่เขาอยู่จึงเรียกเขาว่า ฮีโร่น้อย

เพราะความกล้าหาญและโทรไปแจ้ง 911  ตำรวจดับเพลิงของออเร้นจ์ เคาน์ตี้ประกาศแต่งตั้งเขาให้เป็นพนักงานดับเพลิงกิตติมศักดิ์ และมอบหมวกของพนักงานดับเพลิงส่วนตัวให้กับเขา

นอกจากนั้น ตำรวจเมืองเออร์วินก็ยังมอบเหรียญท้าทายให้ซอเยอร์ และกำลังปรึกษากันว่าจะให้เหรียญกล้าหาญอีกด้วย

“เขาวิเศษมาก” อินคอนโตรตบท้ายด้วยความภูมิใจในตัวลูกชาย

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2559

โทรทัศน์อียิปต์ไม่ให้ผู้ประกาศข่าวหญิงปรากฏตัวบนหน้าจอเพราะอ้วน


รูปแทน



ไม่อ้วนเอาเท่าไหร่

อียิปต์ให้ผู้ประกาศข่าวหญิงแปดคนเลือกว่า จะลดน้ำหนัก หรือจะไม่ได้ออกจอ

สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลไม่ให้ผู้ประกาศข่าวหญิงหลายคนมาอ่านข่าวออกอากาศจนกว่าพวกเธอจะผอมลง การดำเนินการเช่นนี้เรียกเสียงตำหนิจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนแต่ได้รับเสียงชมจากนักวิจารณ์จำนวนหนึ่ง

ทีวีสาธารณะของอียิปต์ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล ต้องสู้กับช่องทีวีดาวเทียมที่มีรายการเด็ดๆมาโดยตลอด

ผู้อำนวยของสหภาพวิทยุและโทรทัศน์อียิปต์ (the Egyptian Radio and Television Union) ซึ่งทำหน้าที่บริหารงานสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่ามีผู้ประกาศข่าวหญิงหกถึงแปดคนได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจเช่นนี้

การดำเนินการครั้งนี้ "อยู่ในขอบข่ายของการพัฒนาระบบการกระจายภาพและเสียง ทั้งในรูปแบบและเนื้อหา"

ผู้อำนวยท่านนี้เสริมว่าเธอบอกกับผู้ประกาศข่าวหญิงเจ้าเนื้อเหล่านี้ว่า "พวกเธอสามารถไปทำงานในฝ่ายผลิตรายการในช่วงที่พวกเธอจำเป็นต้องลดน้ำหนัก"

"แล้วหลังจากนั้นก็กลับมาปรากฏตัวบนจอทีวีได้อีกครั้ง"

การดำเนินการเช่นนี้ทำให้เกิดเสียงสะท้อนจากกลุ่มสิทธิมนุษยชน ซึ่งเห็นว่านี่เป็นการเลือกปฏิบัติ กีดกันทางเพศ

ศูนย์ให้คำปรึกษาและให้ความรู้ด้านกฎหมายสำหรับผู้หญิงในอียิปต์ระบุว่าการตัดสินใจเช่นนี้ "น่าอาย" และกล่าวว่ามันเป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

แต่ผู้อำนวยการสถานีปฏิเสธ เธอกล่าวว่าการดำเนินการเช่นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเพศ

"ในองค์กรที่บริหารงานโดยผู้หญิง การตัดสินใจเช่นนี้จะเป็นการเลือกปฏิบัติกับผู้หญิงได้อย่างไร" เธอกล่าว

เธอเสริมว่า ตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำงาน ผู้ประกาศข่าวหญิง "ไม่ได้เป็นเหมือนที่เคยเป็น พวกเธออ้วนขึ้น"

ผู้ประกาศข่าวที่ได้รับผลกระทบคนหนึ่งกล่าวว่า เธอรู้สึกว่าการดำเนินการเช่นนี้เป็นการสบประมาท ทำลายชื่อเสียง

"การเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ เหมือนเป็นการสบประมาทผู้ประกาศข่าวหญิง" ผู้ประกาศข่าวหญิงคนดังกล่าวๆ

"เราต้องการรู้ว่าใครเป็นคนตัดสินใจว่าผู้ประกาศข่าวหญิงคนใดฟิตที่จะออกอากาศ และด้วยมาตรฐานใด" เธอกล่าว

ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ก็เอาคำสัมภาษณ์ขอองกูรูด้านสื่อในอียิปต์คนหนึ่งมาลง กูรูท่านนี้สนับสนุนการดำเนินการครั้งนี้ เขากล่าวว่า

"ผมเห็นด้วยกับการตัดสินใจเช่นนี้เพราะรูปลักษณ์ของผู้ประกาศข่าวเป็นสิ่งสำคัญ"

"ความฟิตของร่ายกายของผู้ประกาศข่าวหญิงทำให้รู้สึกถึงความกระฉับกระเฉง กระชุ่มกระชวยบนจอ" เขากล่าว

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

นักศึกษาถูกจับเพราะไก่

นักศึกษาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนียสองคนถูกลงโทษข้อหาขโมยไก่งวง



รูปแทน


นักศึกษาวิทยาลัยเซาเทิร์น รัฐแคลิฟอร์เนียสองคนถูกลงโทษข้อหาลักพาไก่งวง

ไก่งวงตัวนี้ชื่อทิม มันหนีออกมาจากฟาร์ม ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเมื่อเดือนเมษายน แล้วอีกหลายชั่วโมงต่อมา ก็มีคนไปพบว่ามันเดินอยู่บนถนนในสภาพมีกลิ่นเบียร์คละคลุ้ง นิ้วหักไปหนึ่งนิ้วและขนหลุดเป็นหย่อมๆ

มันถูกนำตัวไปรักษาในโรงพยาบาลสัตว์และถูกตัดสินให้เอาไปฆ่าในอีกห้าเดือนข้างหน้า

ระหว่างที่ถูกกักขังอยู่ในโรงพยาบาล สตีเฟน โครัสเซลและริชาร์ด เมลบาย นักศึกษาวิทยาลัย เซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ก็แอบเข้าไปขโมยมันออกมา

แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ถูกจับได้และถูกตัดสินว่าทำผิดข้อหาเข้าไปในสถานกักกันสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต และจะถูกควบคุมความประพฤติเป็นเวลาหนึ่งปี

นอกเหนือจากนั้น  พวกเขาจะต้องติดคุกหนึ่งวัน ทำงานเพื่อสังคม 100 ชั่วโมงและจ่ายค่ารักษาพยาบาล ไก่งวงตัวนี้ให้กับโรงพยาบาลอีก   225 เหรียญ (ทิมไม่มีทางหายจากอาการบาดเจ็บ)

ทนายของนักศึกษาทั้งสองกล่าวว่าลูกความของเขาไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าทำไมถึงเอาไก่งวงไป แต่ก็รู้สึกผิดมาก

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

คนไข้ขโมยรถแอมบูแลนซ์ เพราะอยากกลับบ้าน ได้เข้าซังเตแทน

ขโมยรถเพราะอยากกลับบ้านแต่ได้เข้าซังเตแทน


รูปแทน



ตะวันจะค่ำลง ใจกลับห่วงหา
บ้านที่ฉันไกล จากมาลับตา
บ้านนี้อยู่ดีอย่างไร...
(เพลงอยากกลับบ้าน / ศิลปินเสือ ธนพล อินทฤทธิ์)

คนไข้ใจร้อน ขโมยรถพยาบาลที่โรงพยาบาลเพนซิลวาเนียเพราะอยากกลับบ้าน ได้ไปเข้าคุกแทน

ผุ้สื่อข่าวเมืองลูเซินรายงานว่าเมื่อวันพุธที่แล้ว ศาลลูเซิน เคาน์ตี้ ตัดสินจำคุกเดวิด คาโรซัส วัย 56 ปี 15 ถึง 30 เดือน

ตำรวจเปิดเผยว่าชายเมืองคาร์บอนเดลคนนี้สารภาพกับพวกเขาว่าเขาเบื่อและรำคาญพยาบาลที่รักษาขาของตน จึงกระโดดขึ้นรถพยาบาล -  เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนปีที่แล้ว

รถพยาบาลคันดังกล่าวจอดติดเครื่องทิ้งเอาไว้หน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลเกซิเกอร์ ไวโอมิ่ง วัลเลย์หลังจากเจ้าหน้าที่เอาคนเจ็บรายหนึ่งเข้าไปข้างใน

ตำรวจแกะรอยรถพยาบาลได้จากจีพีเอสและจับตัวเดวิดได้บนถนนระหว่างรัฐหมายเลข 84

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขาถูกตัดสินว่าทำผิดข้อหาขโมยรถและขับรถในขณะถูกพักใช้ใบอนุญาต

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

หนุ่มถูกแฟนเพ่นกบาลเพราะไม่ยอมทำการบ้าน

หนุ่มไม่ทำการบ้าน ถูกแฟนเพ่นกบาล

รูปแทน


หนุ่มถูกกิ๊กตีหัวเพราะไม่ยอมทำการบ้าน

หญิงสาวชาวอูมาทิลล่าถูกจับหลังจากทำร้ายผู้ชายที่ไม่ยอมมีเซ็กส์กับเธอ เหตุเกิดเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่แล้ว

ลิซ่า แมรี่ สมิธ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปีต้องเข้าไปนอนในมุ้งสายบัวด้วยข้อหาทำร้ายร่างกาย

ในบันทึกประจำวันของตำรวจ ผู้เสียหายกล่าวว่า ตอนเกิดเหตุ เขากำลังนอนอยู่บนเตียงกับสมิธ ซึ่งเป็นคนรักของเขา แล้วเธอก็เรียกร้องให้เขาทำการบ้าน

เมื่อเขาบอกเธอว่าเขาต้องลุกไปทำงานแต่เช้าและไม่มีอารมณ์ เธอจึงถีบเขาตกเตียง

ผู้เสียหายตัดสินใจนอนกับพื้น แต่สมิธไม่เลิกรา จะให้เขาทำการบ้านให้ได้ เมื่อเขาปฏิเสธอีก เธอจึงคว้าเอาโคมไฟตีหัวและหน้าเขา

ตำรวจกล่าวว่าเขามีรอยขีดข่วนบนใบหน้าทางด้านขวาเล็กน้อย

ส่วนสมิธ เธอบอกตำรวจว่าเธอนอนหลับ ไม่รู้ว่าผู้เสียหายพูดเรื่องอะไร

อ่านข่าวแปลกได้เป็นประจำที่นี่